บทความของผมในแนวหน้ากว่า 20 ปีแล้วได้รับเชิญจากคุณวารินทร์และคุณผาณิต พูนศิริวงศ์ ยอมรับว่า ยิ่งเขียนไปนานๆ ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ประเด็นที่จะเขียนต้องมีคุณภาพมาก ซึ่งเป็นการท้าทายงานของผม เพราะผู้อ่านแนวหน้าเป็นผู้อ่านที่มีคุณภาพ ส่วนใหญ่เป็นวัยเกิน 40 ปี และมีตำแหน่งสูงในทางราชการและธุรกิจ บางครั้งผมก็คาดไม่ถึงว่าผู้ใหญ่อ่านแนวหน้า อ่านบทความของผม
ยังจำได้ว่ากว่า 10 ปีที่แล้ว ผมเขียนถึงภราดร ศรีชาพันธุ์ เล่นเทนนิสขึ้นสู่อันดับ 9 ของโลกได้เร็วมากภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี แต่น่าเสียดายที่ไม่จ้าง Coach ต่างประเทศ และไม่ได้ดูแลสุขภาพ ขาดทุนแห่งความยั่งยืน จึงรักษาตำแหน่งอันดับ 9 ได้ไม่นาน และเจ็บข้อมือ ต้องเลิกเล่นไปก่อนวัยอันควร ในขณะที่รุ่นใกล้กับภราดร เช่น Nadal หรือ Murray ยังเล่นอยู่ รุ่นก่อนภราดรอย่าง Federerก็ยังเล่นอยู่ ผมหมายถึงศักยภาพของภราดรสูงมากอาจไปสู่ระดับโลกได้เลย
เผอิญมีหนังสือเล่มหนึ่งทางด้านธุรกิจเขียนว่า Built to Lastผมเล่นคำเขียนไปว่า ภราดร Built to Lose และมีโอกาสได้พบองคมนตรี สิทธิ เศวตศิลา เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านบอกว่าชอบวิธีการเขียนของผม จึงภูมิใจมากว่าผู้ใหญ่อย่างองคมนตรีสิทธิ ยังอ่านผู้อ่านอีกท่านนึงมักจะพูดกับผมเสมอว่า อ่านบทความอยู่เสมอคือ องคมนตรีกำธน สิทธวานนท์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ผมที่เทพศิรินทร์ ผมภูมิใจทุกครั้งที่ท่านเล่าว่าท่านอ่านบทความผมเป็นประจำ
เรื่องที่ผมเขียน ผมใช้หลัก 2 R’s คือ หนึ่งจะพูดความจริงReality ที่เกิดขึ้น และสอง เน้นไปที่คำว่า Relevance หรือตรงประเด็นแปลว่าอ่านแล้วจะมีผลต่อตัวเองหรือประเทศ ไม่ใช่รู้แล้วไม่มีประโยชน์อะไร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญต้องแยกแยะให้ออก
เจ้าของแนวหน้าคือ คุณวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ซึ่งผมรู้จักมากว่า30 ปี ต้องยอมรับว่าบทความผมยังไม่เคยถูกเซ็นเซอร์เลย คือไม่เคยขอให้ผมเขียนให้เบาหน่อย หรือกลัวว่าจะมีคนไม่พอใจ จึงเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีจุดยืนเพื่อความถูกต้อง ผมจึงภูมิใจ ซึ่งเป็นการทำงานที่ท้าทายมาก เพราะแต่ละสัปดาห์ ก็จะเลือกเรื่องที่จะนำเสนอ บางครั้งคิดไม่ออก แต่พอใกล้ๆ จะถึงเวลาก็มีแรงบันดาลใจที่จะต้องเขียนให้เสร็จและมาตรฐานไม่ตก และอาจจะมี Impact ต่อผู้อ่านบ้าง
สัปดาห์นี้ ผมปิดโครงการ “หลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของการเคหะแห่งชาติ (NHA Executive Development Program for Top Team) ด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความทรงจำ เป็นโครงการผู้นำระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายจำนวน 24 ท่านที่จะขับเคลื่อนให้การเคหะแห่งชาติมีคุณค่าต่อสังคมไทย วันปิดมีรองผู้ว่าการการเคหะฯ นายนพดล ว่องเวียงจันทร์ มาร่วมวิเคราะห์ด้วย ปรากฏว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ท่านเคยเข้าหลักสูตรแบบนี้กับผม ท่านได้แสดงความสามารถอย่างเยี่ยมยอดในการวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า หลักสูตรของผมแตกต่างกับคนอื่นๆ เพราะเน้นการกระตุ้นให้ทุกๆ คนมีส่วนร่วมแบบทฤษฎี 4L’s
1.Learning Methodology กระตุ้นให้คิด
2.Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
3.Learning Opportunities ปะทะทางปัญญา
4.Learning Communities สร้าง/เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้
มีโอกาสปะทะกันทางปัญญาในกลุ่มเสมอ อย่างเช่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมไปเป็นแขกของ ดร.สมโภชน์ นพคุณ ที่วัดไร่ขิง ซึ่งจัด
หลักสูตรผู้นำให้ข้าราชการ กระทรวงศึกษาธิการ ระดับ 8 และ 9 และถึงแม้ว่าไม่ใช่หลักสูตรของผม แต่ได้มีโอกาสทำติดต่อกันมา 7 ปี ทำให้เกิดทฤษฎี 3 ต. ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง ทุกๆ ครั้ง ผมจะปรับวิธีการเรียน หาหนังสือใหม่ๆ ให้ผู้เรียนได้อ่าน หัวข้อคือ ผู้นำกับการคิดนอกกรอบ ผมเคยแนะนำหนังสือดีๆ ไป 3 เล่ม
1.Inside the Box
2.Thinking in New Boxes
3.Who killed Creativity?
ประเด็นก็คือ จะคิดนอกกรอบ ก็ควรจะคิดในกรอบให้รอบรู้ ครบก่อน เรียกว่าไม่ใช่อะไรๆ ก็นอกกรอบ เช่น ศึกษาในกรอบให้ถ่องแท้ เข้าใจดี เพราะคิดนอกกรอบก็ไม่ใช่ว่าสำเร็จเสมอไป ต้องเข้าใจพื้นฐานของกฎระเบียบในกรอบเสียก่อน
ส่วน New Boxes หมายถึงออกมาแล้วไปไหนควรสร้างกล่องใหม่ๆเพื่อให้อยู่ถาวร เช่นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมี Sasin เป็น Box ใหม่ หรือที่โรงพยาบาลศิริราชมีโรงพยาบาลปิยมหาราชการุณ ก็ทำให้มีความสำเร็จ
สุดท้ายคือ นอกกรอบส่วนหนึ่งคือการคิดแบบสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบจึงเกิดได้แต่ถูกทำลายได้ง่ายๆ เช่นกัน เช่น มีผู้นำที่ใจแคบทำแบบสั่งการ พอจะมีอะไรใหม่ๆ ก็ค้านไม่ให้ลูกน้องแสดงออก
ผมให้หัวข้อ Workshop ไว้ 6 เรื่อง
1.Inside the box, New boxes and outside the box แตกต่างกันอย่างไร อธิบาย
2.ในบริบทของกระทรวงศึกษาธิการ จำเป็นหรือไม่ที่ผู้นำจะต้องมี Think outside the box และประโยชน์คืออะไร
3.สรุป 5 เรื่องที่คิดว่าคือวิธีการสำคัญ Outside the box
4.ถ้าจะฝึกให้มีศักยภาพในการ Think outside the box ควรทำอย่างไร 5 เรื่อง
5.ความสำเร็จของ Outside the box ไม่ใช่ง่าย บางครั้งมีอุปสรรคเสมอ อธิบายอุปสรรค แต่ละข้อ
6.ยกตัวอย่างความสำเร็จเรื่อง Outside the box มา 3 เรื่องและอธิบายว่าเพราะอะไร?
ภายในเวลา 4 ชั่วโมง ข้าราชการทั้ง 60 ท่านสนใจและตั้งใจมากและดูมีความสุขกับการเรียน ทำได้ดี
มีกลุ่มหนึ่งสรุปได้ดีมากว่า จะพัฒนาวิธีคิดนอกกรอบ ว่าจะต้องเน้นอะไร เขาแนะนำว่านอกจากความคิดสร้างสรรค์แล้ว มีเรื่อง
1.องค์ความรู้ใหม่ๆ
2.ปรัชญาใหม่ๆ เช่นบริหารการเปลี่ยนแปลง
3.วิสัยทัศน์ใหม่ๆ ทายอนาคตใช้ 2 R’s คือตรงประเด็น
4.เรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นพลวัตร
5.สร้างมูลค่าเพิ่ม มี Diversity + Innovation คล้ายๆ 3 V’sของผม
สุดท้าย ดร.สมโภชน์ มาสรุปว่านอกกรอบของท่านก็คือการสร้างกระบวนทัศน์ หรือ Paradigm ในการแก้ปัญหา เพราะถ้าใช้ Paradigm เดิมๆ จะไม่ออกจากกล่องแน่นอน จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ขอฝากมาให้ผู้อ่านได้รับทราบ ขอบคุณข้าราชการทั้ง 60 คนตั้งใจเรียนมาก
Chira Way หรือเรียนรู้แบบจีระ ต้องสนุกและมีความสุข นำไปใช้ได้ บทความในแนวหน้าของผม ผมก็ใส่ Chira Way ไว้เสมอ
ผู้อ่านทราบหรือเปล่า?
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี