คดีอุฉกรรจ์ในเมืองกรุง ที่เกินขีดความสามารถ ของตำรวจโรงพักนครบาล และอยู่ในความสนใจของประชาชน จะยกให้เป็นหน้าที่ของ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) เข้ามามีบทบาทในการเร่งล่าตัวคนร้าย โดยร่วมมือกับตำรวจท้องที่ ซึ่งทุกครั้งก็คลี่คลายคดีได้ จึงเป็นหน่วยงานที่สำคัญของ บช.น. ในฐานะแหล่งบ่มเพาะเหล่า นักสืบมือฉมัง   

สำหรับนักสืบที่มีฝีมือ และได้รับการยอมรับ มักได้รับการเรียกว่า เดอะ นำหน้าชื่อเล่น ซึ่งเป็นที่รู้กันในวงการสีกากี พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. หรือ ผู้การแมน วัย 48 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ที่โลดแล่นบนเส้นทาง สายนักสืบอย่างโชกโชน ได้คลี่คลายคดีสำคัญมากมาย ทำให้ได้รับการไว้วางใจ จากนายตำรวจระดับบิ๊ก ได้กล่าวไว้ว่า ความสุขการทำงาน คือการตามจับผู้ร้าย  

ผู้การแมน จบ นรต.รุ่น 43 เริ่มรับราชการ ปี 2533 ส่วนใหญ่จะอยู่กองปราบฯ จากนั้นก็มาสันติบาล สืบเมืองสมุทรปราการ ก่อนลงไปบู๊ที่ 3 จังหวัด เหตุการณ์ปล้นปืนปี 2547 สมัยอยู่กองปราบฯ แล้วโยกมา สตม. เข้านครบาลเป็น ผกก.สืบสวน บก.น.8 รองผู้การ 5 ลงใต้เป็นรองผู้การสงขลา รองผู้การสืบสวนภาค 9 รองผู้การกองปราบ ขึ้นผู้การยะลา จนนั่งผู้การศูนย์สืบนครบาล      

“พูดถึงตำแหน่งสำหรับผม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีทุกที่ไม่มีที่ไหนไม่ดี ผมทำงานตามหน้าที่ ไม่เคยไปยุ่งเรื่องอบายมุข และเรื่องอื่นๆ ดั่งพระอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทิศตะวันตก ขึ้นตอนเช้าตกตอนเย็น แต่เมื่อไรที่พระอาทิตย์ ขึ้นทิศตะวันตก ตกทิศตะวันออก ขึ้นตอนเย็นตกตอนเช้า โลกของเราก็จะปั่นป่วน ก็เหมือนกับคนเราถ้าทำผิด ในหน้าที่ตัวเองก็จะทำให้หน่วยงานปั่นป่วนเช่นกัน”

พล.ต.ต.อิทธิพล เคยสืบสวนคลี่คลายคดีดัง อาทิ คดีลอบสังหารนายแสงชัย สุนทรวัฒน์ อดีตผอ.อสมท ปี 2539 คดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ปี 2552 ส่วนในปี 2560 คดีระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า คดีระเบิดตูเอทีเอ็ม ธ.กรุงเทพ และล่าสุดคดีปล้นเงิน 60 ล้านบาท นอกจากนี้มีชื่ออยู่ในทีมคลี่คลายคดีฆ่ายกครัว 8 ศพ ที่ จ.กระบี่ ร่วมกับเหล่านักสืบระดับ พระกาฬ ทั่วฟ้าเมืองไทย

“แต่ที่รู้สึกสนุกมากคือ คดีลอบยิงนายพีระ ตันติเศรณี อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลา ปี 2555 ซึ่งขณะนั้นผมเป็น รองผู้การสงขลา งานสืบมันสนุกตรงที่ ต้องไปหาหลักฐานมา”

ผบก.สส.บช.น. เล่าว่า คดีนี้มีพยานบวชเป็นพระ นับเป็นความโชคดีที่มีคนกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง จุดเกิดเหตุเห็นคนตาย นอนอยู่ข้างถนนถูกยิงด้วย ปืนคาร์บินเกือบร้อยนัด ทำเหมือนกับประเทศไม่มีกฎหมาย ไม่มีตำรวจอยู่ รู้สึกโมโหมาก และได้ลั่นกับตัวเองว่า จะต้องลากคอมาให้ได้ เราได้หลักฐานเป็น กล้องCCTV แต่ศาลไม่อนุมัติหมายจับ เพราะไม่รู้ว่าคนร้าย พูดอะไรกันในกล้อง จึงเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อหาครูสอนคนหูหนวก ให้แกะเทปโดยการอ่านปาก แล้วคำตอบที่ออกมาคือ กลุ่มคนร้ายมีการวางแผน โดยใช้รถและอาวุธปืน กระทั่งศาลออกหมายจับให้

“การทำงานไม่เคยมีสาเหตุ โกรธเคืองกับใครทั้งสิ้น แต่อยากให้คดีที่ประชาชน มองว่ามันโหดร้ายเกินไป ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับได้โดยเร็วที่สุด แต่อุปสรรคงานสืบคือ พยาน ตอนเราไปดูที่เกิดเหตุ เห็นคนคุยอย่างโน้นอย่างนี้ แต่พอเราไปถามตอบว่าไม่เห็น ทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือ เพราะเขากลัวขึ้นศาล และกลัวความปลอดภัย ซึ่งวิธีการที่จะให้ข่าว ไม่ได้มีแค่ช่องทางเดียว ไปคุยกันหลังไมค์ก็ได้”  

ผู้การศูนย์สืบ บอกว่า เรื่องงานจะให้ความสำคัญ กับทุกคนเท่ากันหมด ตั้งแต่นายสิบยันนายพล ไม่คิดว่าใครเก่งกว่าใคร หลายคดีที่เด็กมาพูดแล้ว ผู้ใหญ่ ไม่เชื่อ กรณีคดีระเบิดตู้เอทีเอ็ม ตนบอกว่าคนร้ายใช้แก๊ส แต่ตอนนั้นยังหาไม่ได้ว่า คนร้ายจุดชนวนด้วยอะไร ปรากฏว่าชั้นประทวน บอกว่าได้กลิ่นเบนซิน ทำให้รู้ว่าคนร้ายใช้แก๊ส เติมเข้าไปในตู้ แล้วใช้เบนซินราดตู้ จากนั้นจึงจุดไฟแล้ววิ่งหนีออกมา

“เขาพูดเราก็เอามาวิเคราะห์ เราก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ผมบอกลูกน้องไปว่า เจ๋งวะ คือเราให้เกียรติทุกคน ถ้าเห็นการทำงานของเรา ยังเล่นกันเหมือนเด็กเลย ผมเป็นคนสนุกลูกน้องไม่มีเกร็ง”

ส่วนหลักการทำงาน คิดอยู่อย่างเดียวว่า ทุกคนต้องมีความสุข ความสุขคือความอยาก ทุกคนอยากทำงาน อยากจับผู้ร้าย อยากให้งานจบเร็ว ทำอย่างไรก็ได้ให้ สนุกกับการทำงาน คดีระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า ตนสงสัยลุงคนนี้มากที่สุด สั่งลูกน้องให้ไปหามา บอกใครเจอวันนี้ให้ 5 พัน ไล่กล้องถึงบ้านให้ 3 หมื่น ลูกน้องก็หากันให้ควั่ก ไม่ใช่ว่าเขาอยากได้เงิน แต่เพราะเขาอยากจะสนุกกับการทำงาน 

“มาเป็น ผบก.สส.บช.น. ได้ตั้งโจทย์กับตัวเองว่า ต้องทำให้ผู้ใหญ่ที่เป็นคนเลือก ให้เรามาอยู่ตรงนี้เชื่อมั่นในตัวเรา และจะทำทุกอย่างให้องค์กร สามารถขับเคลื่อนไปได้ ที่สำคัญเมื่อประชาชนเป็นทุกข์ ตำรวจจะสุขได้อย่างไร” เดอะแมน กล่าวทิ้งท้าย

ทีมข่าวอาชญากรรม