ความเสี่ยงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับบุคคล สำหรับประเทศ แต่ความเสี่ยงถ้าไม่แก้ไขก็กลายเป็นวิกฤติ สุภาษิตจีนบอกว่า มีวิกฤติ ก็มีโอกาส
วันนี้ ผมยกมา 3 เรื่องใหญ่ๆ ไม่ได้แสดงว่า ความเสี่ยงในเมืองไทย มีแค่ 3 เรื่อง ยังมีอีกมาก แต่ถ้าทำให้ความเสี่ยงเหล่านี้|ลดลงไปบ้าง คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
เรื่องแรกคือ การใช้ Social Media ของวัยรุ่นที่ขาดความคิดเชื่อถืออะไรง่ายๆ เห็นได้จากการเมืองยุคเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคอนาคตใหม่มุ่งใช้ Social Media ไปยังกลุ่มเยาวชนทราบ เขามุ่งไปที่เด็กมัธยมที่วันหนึ่งจะเป็นเด็กมหาวิทยาลัยมี 16-25 วิธีการแก้ความเสี่ยงคือ ครูจะต้องมีบทบาทอธิบายความจริงแก่เยาวชนไม่ให้เข้าใจผิดๆ ข้างเดียว ให้เกิดการเกลียดทหารว่า ทหารปฏิวัติ เพราะต้องการสืบทอดอำนาจ ผมไม่ได้เชียร์ทหาร แต่อยากให้ได้กลับไปดูช่วงที่เสื้อแดงล้มการประชุมอาเซียนหรือเผาศาลากลางหรือการยิงเอ็ม-79 ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายมาก ฉะนั้น ถ้าจะก่อนที่จะไม่ชอบทหาร ต้องมีข้อมูลครบ ไม่ใช่ฟังความข้างเดียว
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ศาสตราจารย์(พิเศษ)อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ องคมนตรีและองค์คณะมนตรีของเทพศิรินทร์ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดค่ายพัฒนาผู้นำเยาวชนเทพศิรินทร์ 2562 ถ่ายรูปร่วมกับคณาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียนในเครือเทพศิรินทร์ที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายครั้งนี้
ขณะเดียวกัน พ่อแม่ต้องมีบทบาทมากขึ้น ในการปลูกฝังความเป็นไทยให้
เยาวชน ไม่ใช่คิดแต่จะหาเงินอย่างเดียว ประเทศไทยอยู่ได้ด้วยรากเหง้าของคนไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 ที่ทรงปกป้องประเทศหรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แก้ปัญหาวิกฤติการเมืองได้หลายช่วงเวลา พระองค์ท่านทรงทุ่มเททุกอย่างเพื่อประชาชนรวมทั้งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้คนไทยและคนในโลกด้วย
หลักสูตรการศึกษาช่วงหลังเน้นการศึกษาเพื่อไปทำงาน ไม่ใช่ปลูกฝังการศึกษาให้เยาวชนรักชาติ ตัดวิชาศีลธรรม ประวัติศาสตร์ออกไป
เรื่องที่ 2 มีคนพูดกันมากคือ เรื่อง Disruption หรือความปั่นป่วนจาก Digital ยุค 4.0 และกำลังจะต่อไป 5.0
ในช่วงค่ำของวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ค่ายพัฒนาผู้นำเยาวชนเทพศิรินทร์ 2562 มีอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญคือ เสวนา : สังคมและวัฒนธรรมการเรียนรู้ในเครือข่ายเทพศิรินทร์..........สู่การนำการศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดย ครูในเครือข่ายเทพศิรินทร์
ข้อเท็จจริงคือ 4.0 มาเร็วมาก เป็นการใช้ดิจิทัลให้มีความสำคัญเป็นหนึ่ง และแต่ควรให้คนในเมืองหรือผู้ที่มีความรู้กระจายความเข้าใจให้ถ่องแท้ในทุกๆ สาขาทั้งการศึกษา เกษตร การท่องเที่ยว
ซึ่งมีหลายเรื่อง แต่เรื่องแรกคือ เรื่องการจ้างงาน ถูกต้อง ถ้าเราไม่ปรับตัว AI (ปัญญาประดิษฐ์) จะเข้ามาแทนเรา นี่ไม่พูดถึงRobot หุ่นยนต์ซึ่งแทนแรงงานอยู่แล้ว การวิจัยของ Harvard ที่ตีพิมพ์ล่าสุดในบทความ Collaborative Intelligence โดยH. James Wilson and Paul R. Daugherty แนะนำว่า คนกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เหมือนขนมปังกับไข่ดาว คือ ทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า Complement ผสมผสานไปด้วยกัน ถ้าเราไม่เข้าใจ ไม่ฝึกฝน ไม่ทำวิจัย AI (ปัญญาประดิษฐ์) จะมาแทนมนุษย์ได้ คนในงานบางอย่างจะหายไป ถ้าเข้าใจ AI (ปัญญาประดิษฐ์) จะทดแทนคนทำงานบางงาน หรือทำงานร่วมกัน คือ ไปเพิ่มบางงาน ถ้าคิดให้ดี นอกจากงานจะเพิ่มแล้ว ประสิทธิภาพการผลิตก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ผมขอยกตัวอย่าง 3-4 ข้อ
1.คิดกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI (ปัญญาประดิษฐ์)
2.ให้พนักงานร่วมการทดลองทำงานร่วมกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์)
3.มียุทธศาสตร์ในการใช้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) กับมนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม
4.การออกแบบงานเพื่อบูรณาการการใช้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และพัฒนาทักษะมนุษย์
5.การรับผิดชอบร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ในการทำงานร่วมกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์)
จากการวิจัยจากบริษัท 1,075 แห่ง ใน 12 อุตสาหกรรมพบว่า จะช่วยให้ Productivity ผลผลิตของบริษัทดีขึ้น ดูจากรูป
จุดแข็งของมนุษย์
1. มีภาวะผู้นำ
2. การทำงานเป็นทีม
3. มีความคิดสร้างสรรค์
4. มีทักษะการเข้าสังคม
5. มีแรงบันดาลใจ
จุดแข็งของ AI (ปัญญาประดิษฐ์)
1. มีความเร็ว
2. ใช้การคำนวณ
3. ความสามารถในการรองรับการขยายตัวของธุรกิจ
สรุปคือ ถ้ามนุษย์ไม่ปรับตัว AI (ปัญญาประดิษฐ์) ก็จะมาแทนที่ เพราะทำงานได้เร็วและแม่นยำกว่า ปัญหาก็คือ ใครจะทำ เพราะรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ ต้องทำเป็นทีมงานเข้มแข็งเพราะอุปสรรคจะมีมากมาย
แต่มนุษย์ก็ยังมีศักยภาพที่ AI (ปัญญาประดิษฐ์)ไม่มี ซึ่งจะต้องฝึกให้ทำงานร่วมกัน ความเสี่ยงเรื่อง AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่จะมาทำงานแทนมนุษย์ก็จะลดลง แต่กลับดีขึ้นในระยะยาว จะฝึกให้มนุษย์ทำงานกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์)ได้อย่างไร จะมีสถาบันหรือองค์กรไหนจะนำมนุษย์ให้ทำงานร่วมกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ซึ่งจำเป็นอย่างมาก
ความเสี่ยงเรื่องสุดท้าย คือ การตกต่ำของเศรษฐกิจโดยเฉพาะบิ๊กตู่ กับดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คิดเฉพาะ GDP ว่า ลดลงมาถึง2.8% ประเทศคงแย่แล้วคงไปไม่รอด
แต่ผมกลับไม่วิกฤติเพราะประเทศของเรามีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งแปลว่า มีภูมิคุ้มกันที่ดี อะไรที่ไม่จำเป็น ก็ยังไม่ใช้ เก็บไว้ก่อน ต้องให้รอด ไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้น
ผมจำยุคต้มยำกุ้งได้ ตกต่ำกว่านี้หลายเท่า
แต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสอนให้เราเดินทางสายกลาง คิดอะไรให้เป็นระบบ ที่สำคัญคือ หาความรู้ที่ไม่ใช่เพื่อรู้อย่างเดียว แต่ให้นำความรู้มาแก้ปัญหา เรียกว่า ปัญญามีมากกว่าปริญญา หาช่องทางทำธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ และสำคัญที่สุดคือ มีธรรมาภิบาล รัฐบาลบิ๊กตู่ควรจะเน้นธรรมาภิบาลมากๆ หลักการคือ ต้องปลูกฝังความซื่อสัตย์ในสังคมให้มาก ปัจจุบัน เท่าที่ผมดู เศรษฐกิจแย่ ธรรมาภิบาลของรัฐบาลและข้าราชการไม่ดีขึ้นเลย
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2562 นักเรียนจากโรงเรียนในเครือเทพศิรินทร์ที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายพัฒนาผู้นำเยาวชนเทพศิรินทร์ 2562 ได้ทำ Workshop & Presentation & Comment : Trade War…!!!. . .&. . . Thai Economy Transform…(Final) และนำเสนอผล Workshop
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี