3.ผู้นำ ที่เรียก “ตัวเอง” ว่า “ภาคประชาชน”
1.อดีตและปัจจุบัน
เป็นคนมีอุดมการณ์ แต่มีความคิดเชิงประสบการณ์นิยม ที่ขาดการสรุปบทเรียนส่วนหนึ่ง ไม่น้อย
เคยร่วมต่อต้านและไม่เอา “ระบอบทุนสามานย์”
2.การมาร่วมค้านรัฐบาลปัจจุบัน
เกิดจากการเห็นปัญหาของระบบการเมือง และระบบราชการ รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมที่รัฐบาล ไม่ได้แสดงความจริงจัง มุ่งมั่น เอาจริง ในการปฏิรูปการเมืองและระบบสังคมการดำเนินนโยบายทางการเมือง และระบบราชการฯ ยังคงอยู่ในรูปแบบเดิม คือใช้ระบบอำนาจนิยม และระบบอุปถัมภ์ รวมทั้งการใช้เส้นสาย ฯลฯ ที่เอื้ออำนวยผลประโยชน์แก่คนส่วนน้อยที่ได้เปรียบ และการทุจริต คอร์รัปชั่น
3.จุดแข็ง
เป็นผู้มีอุดมคติ ทั้งผู้นำ และผู้เข้าร่วมกลุ่มองค์กร ความสนใจ และความมุ่งมั่น ในการแก้ปัญหา ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม การได้รับการสนับสนุนจากสื่อ (ทั้งสื่อดี กลาง และสื่อสังกัดการเมืองฝ่ายค้านฯ)
4.จุดอ่อน
การขาดการสรุปบทเรียนที่เป็นจริง ถึงข้อดีและข้ออ่อน ของการเคลื่อนไหวฯที่ผ่านมาไม่มีการพัฒนาและการปรับ แนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอนฯ ผู้นำบางส่วน มีอคติต่อกองทัพและสถาบันฯ และบางส่วน ติดกรอบความคิดประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนตะวันตกฯ ขาดการศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ถึงบทบาทและความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง และการนำมาประยุทธ์ เข้าใจ สภาพความเป็นจริงของสังคมไทย การขาดประสบการณ์ ในการแยกแยะ “ข้อดี ข้ออ่อน” การสร้าง (แนวร่วม) ความร่วมมือกับฝ่ายรัฐ สภาพการนำ โดย “คนรุ่นเก่า” ตั้งแต่ยุค 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 ขาดการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ ที่เป็นเยาวชน ปัญญาชน นักวิชาการที่ก้าวหน้า คิดเป็นทำเป็น
ข้ออ่อนสำคัญ
คือ การค้านทุกฝ่ายที่ไม่ได้ทำ หรือไม่ตรงกับ “ทัศนะของตนเอง” ทำให้ขาดการพัฒนาคุณภาพ และกำลังของ “ภาคประชาชนให้เข้มแข็งมีพลัง” การคัดค้านรัฐบาลปัจจุบันอย่างหนัก เป็นดุจ “แนวร่วมมุมกลับ” ให้กับฝ่ายทักทอนฯ ทำให้ “พลังของภาคประชาชน” อ่อนแอในเชิงความคิด และคุณภาพไม่สามารถพัฒนามาเป็นพลังหลักในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง
4.ประชาชน คนส่วนใหญ่ ที่เป็นคนดู
การขาดคุณภาพ และตกอยู่ในระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยมฯ จากโครงสร้างระบบที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมขาดการพัฒนา การปรับเปลี่ยนอาชีพใหม่ ที่มีเทคโนโลยี ที่ทันสมัย สอดคล้องกับสังคมทำให้“ฐานความเป็นอยู่ ระบบการศึกษาฯ ยังอยู่แบบเดิม” ขาดการพึ่งตนเอง การพัฒนาตนเอง ให้เป็นพลเมือง ที่เอาการเอางาน อิสระคิดเป็นทำเป็น
เป็นผู้ที่ถูกแอบอ้างจาก 3 กลุ่มข้างบน
ประชาชนมาก่อน ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน เราทำเพื่อประชาชน
การเปลี่ยนแปลงใหญ่ แม้ค่อนข้างยาก
แต่หากศึกษาบทเรียนจากประวัติศาสตร์ จะเกิดโอกาสของการเปลี่ยนแปลงได้ จาก
- วิกฤติใหญ่ที่ ประชาชน โดนกระทบใหญ่ จึงต้องการหาทางออกใหม่
- การที่รัฐบาล มีวิสัยทัศน์ มีความคิดรัฐบุรุษ กล้าปฏิรูปใหญ่ทางการเมืองและสังคม
• โดยสรุป เฉพาะหน้า คงต้องพิจารณาดู การปรับใหญ่ของรัฐบาล ซึ่งมีโอกาสไม่น้อย แต่คงไม่ง่ายนักหากไม่มีอะไรที่ใหญ่กว่า มากระตุ้นความคิด
โอกาสที่จะเกิด 2 ทาง คือ
1.หากผลจากวิกฤติโควิด-19 ทางเศรษฐกิจ การเงินการคลังใหญ่มากและยาวนานแต่รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาใหญ่นี้ได้ ถือโอกาส “ปฏิรูปการเมืองการเลือกตั้งฯใหม่” ให้เป็นการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม ก็คือว่า “เป็นบุญของประเทศ” นี่จะทำให้ “พระเอกตัวจริงเกิดขึ้น”
2.ปัจจัยเช่นเดียวกันข้อ 1 แต่รัฐบาลทำพลาด หรือไม่สามารถแก้วิกฤติได้ ทางฝ่ายค้าน และกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลฯ อาจจะฉวยโอกาส “สร้างเงื่อนไขในการล้มรัฐบาล” และ แก้ไข “รัฐธรรมนูญ” เพื่อให้ “ฝ่ายตน และเจ้าของตัวจริง” กลับมามีอำนาจ แต่ก็ยากมาก เพราะ “ผู้นำ” จะไม่ออกมานำ เหมือนเดิม เพราะ “ประสบการณ์ ติดคุก โดนคดี ถูกยึดทรัพย์” ยังฝังลงลึกในกระดูกสันหลัง
แล้ว เรา จะเรียกขาน “ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าอย่างไร”
ฤา ต้องการ และหวัง จะดูภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่จบด้วย Happy Ending ต่อไปอีก
@ แต่อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัว คงไม่หยุด ไม่ยอมแพ้
คงเดินหน้าทำ ต่อไป ตามสิ่งที่ได้ทำมาตลอด ในชีวิต 71 ปี
ด้วยความรักและความสุขในใจ : จนแผ่นดินกลบหน้า เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
ด้วยความรักและความเชื่อมั่น ในพลังของการเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้น
มี “ความฝันอันสูงสุด” เป็นพลังชีวิต และคำสอนของ “ป๋า แม่” เป็นกำลังใจ
เพลง “ความฝันอันสูงสุด”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี