lขอเริ่มบทความชิ้นนี้ ด้วยความเป็นมงคลยิ่ง
....แผนที่ ที่พ่อถือเป็นสิ่งที่พ่อเขียนเองเดินเองแก้เอง ถึงแม้จะถ่ายมาจากเครื่องบิน แต่พ่อก็ลงเดินสำรวจ ว่ามีความถูกต้องแค่ไหนแล้วก็แก้จนกว่าจะถูกมากที่สุด สิ่งที่พ่อติดตัว กล้องถ่ายรูป ดินสอ และแผนที่ และวันนี้ผมก็ได้เห็นแผนที่ของพ่อเต็มๆ ทุกส่วนของแผนที่พ่อเต็มได้ด้วยเทปกาว ใครจะรักเราเท่าพระองค์
@ ทำไมพระราชาเดินไปในป่าเขา
ท่านทรงห่วงใยคนที่เขาอยู่ห่างไกล
ทำไมพระราชาถึงมีเหงื่อไหล
ท่านทุ่มเทแรงกาย ทรงงานมาหลายปี
ทำไมพระราชาถือแผนที่เอาไว้
ท่านอยากจะทรงเห็นเมืองไทยได้ทุกที่
เพราะอะไรพระราชาถึงต้องทำแบบนี้
ท่านอยากให้เรามีชีวิตที่เป็นสุข
หากได้ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านอย่างต่อเนื่อง
จะพบว่านอกเหนือจากดินสอไม่มียางลบ- ที่เป็นสิ่งของทรงงานทุกครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จไป ณ สถานที่ใด จะต้องมีแผนที่อยู่แผ่นหนึ่งติดข้างพระวรกายเสมอ ซึ่งแผนที่ฉบับนั้นเรียกว่า แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 เป็นเครื่องมือที่นายช่างชลประทานใช้ในการวางโครงการชลประทานเบื้องต้น และหากคลี่แผนที่ของพระองค์ท่านออกมา จะพบว่ามีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากทรงนำแผนที่หลายแผ่นมาต่อกันด้วยพระองค์เองอย่างประณีต ขนาดถึง 9 แผ่น หรือ 9 ระวาง แล้วพับให้เหลือขนาดที่ทรงพกพาได้สะดวก เพื่อสามารถคลี่มาดูจุดที่ต้องการได้ในทันทีโดยไม่ต้องกางทั้งแผ่น
ครั้งหนึ่งกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเล่าถึง “แผนที่ของในหลวงรัชกาลที่ 9” ไว้ในรายการวิทยุ “พูดจาภาษาช่าง” ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ
โดยจะขอยกมาใจความหนึ่ง นอกเหนือจากขนาดที่กว้างกว่าแผนที่คนอื่น
“ทุกครั้งก่อนที่จะเสด็จฯไปไหน พระองค์ท่านจะทรงเตรียมทำแผนที่และศึกษาแผนที่นั้นโดยละเอียด
แล้วเมื่อเสด็จไปถึง พระองค์ท่านจะทรงสอบถามชาวบ้านว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน
ทิศเหนือมีอะไร ทิศใต้มีอะไร ถามหลายๆ คน
แล้วตรวจสอบไปมา
ระหว่างที่ถามนั้นดูจากแผนที่ว่าแผนที่อันนั้นถูกต้องดีหรือไม่ น้ำไหลจากไหนไปที่ไหน”
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นสาเหตุว่าทำไมแผนที่ของพระองค์ท่านจึงเต็มไปด้วยรอยปะกาว
@ อ้างอิงจากเพจ Arnakorn Jarueksi
เรียบเรียงโดย ชนุตรา สำนักข่าวทีนิวส์
05 พฤศจิกายน 2559
•แล้ว มาถึงเรื่องของเรา : ปู่จิ๊บ > จะพาไปเที่ยว ด้วย “สองขา”ทัวร์ กายใจ
ไปสถานที่ต่างๆ ในประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบบใช้เวลาไม่มาก รวมทั้งสตางค์ด้วย เพราะมีเงินเหลือไม่มาก(ไม่ได้สะสม) และหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาตลอด
ก่อนอื่นขอพูดถึงหลักการ ในการทำความรู้จักภาคส่วนต่างๆของสังคมไทย เป็นเรื่องของความสำคัญและความจำเป็น ที่คนไทยทุกคน ควรใส่ใจ โดยคิดถึง “คุณค่า ความหมาย และประโยชน์” ที่เราจะได้รับ
๑.เราคนไทย ควรจะมีความรู้ความเข้าใจ อย่างเป็นจริงในทุกเรื่องของแผ่นดินไทยอันจะเกิดให้เห็นถึงคุณค่าและความหมาย ที่มีต่อเรา บรรพบุรุษ วงศ์ตระกูล และลูกหลานของเราซึ่งจะก่อให้เกิด ความรัก ผูกพัน และหวงแหน โดยจะออกมารักษา ปกป้องฯ เมื่อมีภัยมาถึง
๒.การศึกษา เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ในประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรม ฯลฯ ของไทยเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมากกว่า การเรียนไปเพื่อสอนเอาคะแนนแต่อย่างเดียวแต่คงยังไม่พอ สำหรับความรู้ ในกระดาษ การลงไปสัมผัสพื้นที่ต่างๆด้วยตนเอง อย่างเป็นจริง โดยพยายามไปให้มากที่สุด เป็นสิ่งที่งดงามทั้งการไปทัวร์ กับบุคคล หน่วยงานฯ ที่มีความรู้จริง และการลงไปด้วยตนเองโดยการศึกษาและค้นคว้าด้วยตนเองก่อน ลงไปสัมผัสด้วยตนเอง
๓.เราควรจะใช้ วัยหรืออายุของเรา ไปในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทั้งวัยเด็ก หนุ่มสาว เป็นผู้ใหญ่และในวัยชรา คนที่มีฐานะ หรือคนที่มีความคิด อยากจะมองโลกกว้างขวางก้าวไกลมากขึ้น นิยมจะไปต่างประเทศซึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่ การท่องเที่ยวหรือทัวร์ในประเทศ ก็มีความจำเป็นไม่น้อยไปกว่ากัน (ควรจะมากกว่า) เพราะนอกจากจะเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของไทยแล้ว ยังได้เป็นการอุดหนุนสนับสนุนคนไทยโดยเฉพาะคนในชนบท อีกด้วย
๔.สุดท้าย ที่ขอเน้น (โดยส่วนตัว ที่มีวัยชรา ๗๓ ปี) คือ เป็นความสุข สนุกเพลิดเพลิน และเป็นการได้ออกกำลังกายด้วยโดยค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินไป
@ การไปทัวร์ ด้วย สองขา กายและใจ ที่นำเสนอนี้ เน้น
๑.ใช้เวลาไม่มาก ค่าใช้จ่ายไม่สูง มีความสุขสบาย เพลิดเพลิน ตามใจฉัน
๒.กลไกหรือเครื่องมือในการเดินทาง อาศัยการพึ่งตนเองเป็นหลัก อิสระตามใจฉัน ประหยัด
-เป็นการเดินทางด้วย ๒ เท้า
-อาศัยรถประจำทางที่ดีมีคุณภาพ มีความปลอดภัย
-นั่งสบาย เพลิดเพลิน บนรถไฟฟ้าหลากสาย และรถเมล์ ( ในกรุงเทพฯ)
-เป็นการนอนหลับในรถทัวร์ (กรณีไปต่างจังหวัด) และ
-ทางรถไฟ ในระยะสั้น และระยะยาว (นอนชั้นบน)
-รถสองแถว ตุ๊กตุ๊ก เรือโดยสาร ฯลฯ
๓.สถานที่ ได้ความรู้ บรรยากาศดี อากาศปลอดโปร่งเย็นสบาย สุขกายสบายใจ ตลาด สถานที่ประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ชาวบ้านและของรัฐ ท้องถิ่น วัดวาอารามของไทย และต่างชาติ เช่น วัดจีน โบสถ์ มัสยิด ฯลฯ รวมทั้งศูนย์การค้า ที่งดงาม ที่มีสินค้าหลากหลาย
๔.เน้นการกินอาหารอร่อย ตามสถานที่ ที่ไป
๕.สุขภาพแข็งแรง จากการเดิน พักผ่อน หย่อนคลาย ฯ
๒๖๐๖๒๕๖๕ วันนี้ วันอาทิตย์ ชีพจรลงเท้า ไปไหนบ้างเออ ???
ออกจากบ้านตั้งแต่ เช้าตรู่ ประมาณตี ๕ เศษ เดินออกจากบ้านไปปากซอย ประมาณ กิโลเมตร หน่อยๆ ไปขึ้นรถเมล์ ไปลง พาต้า : ขึ้นรถเมล์สาย ๕๑๑ ไปปากน้ำ ไป “ทัวร์ปากน้ำ”
@ ไม่ได้ไปนานมาก หลายสิบปี จึงเห็นความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ตลอด ๒ ข้างทาง ได้ชมวิวทิวทัศน์ ทั้ง จากรถเมล์บนถนน และบนรถไฟฟ้า
บนรถเมล์ จะเห็นสองข้างทาง โดยเฉพาะเวลาผ่านสะพาน จะเห็นคลอง และแม่น้ำ และเห็นคนขับรถเก๋ง รถสองแถว รถตุ๊กตุ๊กรถมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ ที่น่าห่วง คือ “คนขับรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ค่อยเคารพกฎจราจร เอาเร็วและสะดวกเข้าว่า” และมองถนนข้างหน้า และข้างหลัง ซึ่งเวลาเราขับรถเก๋ง จะไม่ได้เห็น)
ส่วนบนรถไฟฟ้า จะเห็นไกลไปข้างหน้า ตึกสูง ที่มีมากมายในกรุงเทพฯ หลากหลายรูปแบบบางตึก อลังการ และงดงามมาก.....และครั้งนี้ มองเห็น แม่น้ำ และเรือ (ที่ปากน้ำ) และสะพานแขวนฯ เสียดาย ถ่ายรูปออกมา ไม่ได้ดังใจ ได้ตามสภาพความชราของคนถ่าย 555!
โดยเมื่อนั่งรถเมล์สาย ๕๑๑ ไปสุดทาง แล้วก็กลับมาลงสถานีบางจาก (สุขุมวิท) ได้เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS นั่งไปสุดทางที่ “สถานีเคหะ” และนั่งกลับมาลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วขึ้นรถเมล์ สาย ๕๑๕ มาลงที่ป้าย SAVE-E (พุทธมณฑล สาย ๒) แล้วเดินข้ามสะพานลอย มาแวะชม “ตลาดสดธนบุรี” ที่อลังการมาก (เปิดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว)
ตลาดสดธนบุรี (Thonburi Market Place) ตลาด open air ติดถนนใหญ่บรมราชชนนี
บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ที่นี่มีหลากหลายโซนให้ได้เดินซื้อของ จับจ่ายไม่ว่าจะเป็นโซนตลาดสด อาหารแห้ง อาหารสด ที่มีมากกว่า 300 ร้านค้าถัดมาก็จะเป็น โซนร้านค้าโชห่วย ที่มีสินค้ามากมายให้ได้จับจ่าย โซนตลาดดอกไม้ รวมถึงโซนศูนย์อาหาร ที่รวมร้านอาหารดังกว่า 200 ร้านค้าที่สามารถนั่งทาน หรือสั่งกลับบ้านได้ ปิดท้ายด้วยโซนร้านค้า ที่ตอนนี้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว และอีกหลายร้านที่เตรียมเปิดเร็วๆ นี้ มีอยู่ร้านหนึ่งที่ประทับใจเป็นพิเศษ ชื่อ “ร้านจิ๊บ” จ้ะ
สุขใจกาย ไปอีก ๑ วัน
25062565 ช่วงนี้ หาวิธีออกกำลังกาย โดยไปเที่ยวด้วย
เช้านี้ ออกเดินไปปากซอย, ขึ้นรถเมล์ 539 ไปทางอ้อมน้อย สุดทาง, และกลับมาลงที่ป้าย ๔ แยก สิรินธร (ตัดกับจรัญสนิทวงศ์) เดินมาขึ้นรถไฟฟ้า รฟม. (ระหว่างทาง แวะกินอาหารเช้า “ร้านเขียง” ผัดกะเพราน่ากิน) จากสถานี BL06 ไปต่อ BL10 (สถานีเตาปูน) ไปลงปลายทาง ที สถานีตลาดบางใหญ่, ได้ถ่ายรูปภาพ ที่น่าสน ..มีบ้านสวยบนหลังคาตึกใหญ่, เจดีย์ใหญ่งดงาม ข้างแม่น้ำเจ้าพระยา, และศูนย์พระใหญ่กลาง หลากหลาย จัดได้สวยงาม ใกล้ เซ็นทรัลบางใหญ่, เข้าไปในห้าง ซื้อขนมและกับข้าว, กลับมาลง ป้ายบ้านภาณุ, ข้ามสะพานลอย ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ เข้าบ้าน,
...พรุ่งนี้ จะไปไหนดีจ๊ะที่รัก ....
• พาเที่ยว เยาวราช ภายใน ๑ วัน
ถนนเยาวราช (อังกฤษ: Yaowarat Road ; จีน : “เยาวราช” หรือ “China Town” เมืองไทย ตั้งอยู่บนถนนเยาวราช ซึ่งอยู่ในท้องที่เขตสัมพันธวงศ์ เป็นแหล่งชุมชนชาวจีนแห่งใหญ่ใน กทม. ที่อาศัยกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ
โดยถนนสายนี้มีระยะเพียง 1,410 เมตร เท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าเพียง 2 ฟากฝั่งของถนนซึ่งระยะทางเพียงเท่านี้ จะประกอบกันเป็นย่านเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งของสยามประเทศเรา โดยจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายมังกรนี้ เริ่มจากหัวมังกร ที่บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา หรือที่เรารู้จักกันดีคือบริเวณวงเวียนโอเดียนไล่มาเรื่อยๆ ตามเส้นถนน จนมาเจอกับท้องมังกร ที่บริเวณ ตลาดเก่าเยาวราช และไปเรื่อยๆ จนสิ้นสุดหางมังกรที่บริเวณถนนพีระพงศ์ (ตัดถนนมหาไชยและถนนจักรเพชร)
@ เดินทางรถทัวร์ และนอนบนรถทัวร์ ตื่นมาทำงานและเที่ยวได้อย่างสบายและมีความสุข
คืนวันพฤหัสฯที่ ๑๖ มิ.ย. นั่งรถทัวร์ ไปพะเยา เพื่อไปทำธุระเรื่องที่ดิน ไปถึงเช้าวันศุกร์ที่ ๑๗ และกลับคืนนั้น เวลา ๒๐.๐๐ น.
เท่ากับมีเวลา มีเวลา ๑๔ ชั่วโมง
๑ ชั่วโมง ทำธุระ อีก ๑๓ ชั่วโมง เดินท่องเที่ยว วัด ตลาดกว้านพะเยาและกินอาหารเหนือ ที่แสนอร่อย มาถึงกรุงเทพฯเช้าวันเสาร์ ๑๘ นอนบนรถทัวร์ ๒ คืน (หลับสบาย และอิ่ม ตื่นเช้ามา ก็สามารถทำงานต่อได้เลย)
@ ชีวิตต่อจากนี้ มีทางเดินเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งในชีวิตวัยชรา
คือ การเดินทางทัวร์สั้นๆ ด้วย “๒ ขา ไปพร้อมกับกายและใจ”ที่ได้ใจสุข และกายที่แข็งแรงประมาณการณ์ ว่า คงเดินต่อไปได้จนถึง วัย ๘๐ ปี แล้วมาดูใหม่อีกที
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี