แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...

nn ความจริงงานทุกอย่างถ้าทำด้วยน้ำใจรัก ย่อมมีความสำเร็จและได้ผลดี เมื่อพบอุปสรรคใดๆ อย่าเพิ่งท้อแท้ จะหมดกำลังใจง่ายๆ จงตั้งใจทำให้ดี คิดหาทางที่จะแก้ไขผ่อนคลายอุปสรรคต่างๆ ด้วยเหตุผลและหลักวิชาการ ไตร่ตรองด้วยความสุขุม รอบคอบ และเยือกเย็นงานก็จะลุล่วงไปได้ด้วยดี... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 25 กรกฎาคม 2506)...

nn ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งที่ชาวจุฬาฯ ยังจดจำได้ดีคือ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2505พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนิน ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระราชทานต้นจามจุรีแก่มหาวิทยาลัย จำนวน 5 ต้น พระองค์ทรงนำมาจากพระราชวังไกลกังวล หัวหิน และทรงปลูกด้วยพระองค์เอง ที่บริเวณด้านหน้าหอประชุมจุฬาฯ ฝั่งด้านสนามฟุตบอล ทางด้านขวา จำนวน 3 ต้น ด้านซ้ายจำนวน 2 ต้น และมีพระราชดำรัสถึงความผูกพันระหว่างชาวจุฬาฯ กับจามจุรีว่ามีมานานตั้งแต่สร้างมหาวิทยาลัย ทรงเน้นว่าดอกสีชมพูเป็นสัญลักษณ์สูงสุดอย่างหนึ่งของจุฬาฯ พระองค์ทรงเห็นว่าจามจุรีที่นำมานั้นโตขึ้น สมควรจะเข้ามหาวิทยาลัยเสียที และสถานที่นี้เหมาะสมที่สุด “จึงขอฝากต้นไม้ไว้ห้าต้นให้เป็นเครื่องเตือนใจตลอดกาล” ต้นจามจุรีพระราชทานจึงเป็นศรีสง่าและสิริมงคลสูงสุดของชาวจุฬาฯ มาจนถึงปัจจุบัน...

nn นับว่าเป็นเรื่องตลกมาก แต่ทว่าขำไม่ออกจึงทำให้อยากร้องไห้มากกว่า กับการที่คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองไทย บอกว่า ยุคนี้ไม่มีการค้าขายเรือสำเภาอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นสัญลักษณ์เภตรา จึงไม่จำเป็นต้องเป็นตราสัญลักษณ์ของคณะอีกต่อไป ดังนั้น สัญลักษณ์เภตราจึงหายไปจากคณะ แต่ก็ยังนับว่าเป็นบุญโข ที่ยังคงชื่อตึกคณะไว้ โดยยังปล่อยให้ติดชื่อขุนน้ำขุนนางยุคเก่าผู้มีส่วนร่วมก่อตั้งคณะ ก็ยังดีที่ไม่เปลี่ยนชื่อตึก โดยเอาชื่อนักร้องเพลงแร็พ หรือชื่อดารายุคใหม่ที่กำลังโด่งดังก้องโลกไปเป็นชื่อตึก...

nn คำพูดเช่นนี้ของคณบดีรายหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารากเหง้าและความเป็นมาของคณะไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ แต่ก็อาจไม่ผิดที่คณบดีจะนิยมความทันสมัย ความก้าวหน้าล้ำยุค แต่ทว่าเป็นความผิดมหันต์ที่คณบดีลืมกำพืดของคณะที่ตัวเองรับหน้าที่ผู้บริหารสูงสุด ถ้าคณบดีเห็นว่ายุคนี้ไม่มีเรือสำเภาเภตราอีกแล้ว ก็น่าจะเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เป็นตราเรือเดินสมุทร รถไฟความเร็วสูง เครื่องบิน และโดรน...

nn แสนประหลาดที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางแห่ง พยายามป่าวประกาศว่ามหาวิทยาลัยที่ตนเองรับตำแหน่ง จนได้กินเงินเดือนสูงๆ และสร้างผลประโยชน์มหาศาลให้ตนเองทั้งแบบ in cash and in kind โดยป่าวร้องว่ามหาวิทยาลัยมีอายุเกินศตวรรษ เพราะเห็นว่าความเก่าแก่เชิงประวัติศาสตร์มีมูลค่ามหาศาล ทั้งในแง่ความยืนยาว และความเป็นต้นตำรับ แต่นับเป็นความย้อนแย้งอย่างที่สุด เพราะในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงสุดของมหาวิทยาลัยพยายามตีฆ้องร้องป่าวว่ามหาวิทยาลัยมีอายุเก่าแก่ แต่ผู้บริหารระดับคณะบางรายกลับไม่ให้ความสำคัญกับความเก่าแก่และรากเหง้าความเป็นมา...

nn นี่คือความจริงในมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวของคนบางกลุ่ม ส่วนคนที่เข้าไปเรียนนั้น ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยสนอกสนใจ ไม่เคยช่วยกันขจัดความเน่าเฟะในมหาวิทยาลัย แต่สนใจเพียงอย่างเดียวคือได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ เพื่อเอาไว้ show off แล้วก็เรียนๆ ให้จบไป โดยไม่สนใจทำนุบำรุงรักษามหาวิทยาลัย ไม่นำพากับบุญคุณของมหาวิทยาลัย ดังนั้นคำว่าพระคุณของแหล่งเรียนมา จึงเป็นเพียงวลีว่างเปล่าที่ผู้เรียนจำนวนไม่น้อยไม่เคยให้ความสำคัญใดๆ...

nn เรื่องอุบาทว์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในคณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งของสังคมไทยยุคนี้ให้ความสนใจและติดตามอย่างใกล้ชิด ประชาคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะนิสิตเก่าจำนวนไม่น้อยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และต่างประเทศ เช่น ที่สหรัฐฯ ได้รวมตัวกันแล้วแสดงปฏิกิริยาไม่เห็นด้วย และบางกลุ่มประณามผู้บริหารจุฬาฯที่จงใจปล่อยปละละเลยต่อเรื่องอุบาทว์นี้ ล่าสุดมีคำถามจากบุคคลหลากหลายกลุ่มว่าจะสามารถดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารจุฬาฯ ได้หรือไม่ เนื่องจากปล่อยให้เกิดเรื่องเลวร้ายหลายเรื่องในจุฬาฯ ในระยะเวลาใกล้ๆ กัน แต่ไม่สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้แม้แต่รายเดียว จึงมีคำถามด้วยว่า พันธกิจสำคัญประการหนึ่งของผู้บริหารจุฬาฯ ต้องดูแลและรักษาชื่อเสียง เกียรติยศ เกียรติภูมิของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย ใช่หรือไม่ แล้วเหตุใดจึงไม่ปฏิบัติภารกิจหลักข้อนี้อย่างเคร่งครัด...

nn พักเรื่องเละเทะอันเกิดจากคนบางจำพวกในจุฬาฯ ไว้ก่อน แล้วแวะไปดูเรื่องการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันบ้าง ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง จำนวน สส.แบบแบ่งเขต และกำหนดแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดเรียบร้อยแล้ว โดยประกาศเมื่อ 31 มกราคม 2566 และประกาศว่ามีจำนวนราษฎรทั่วพระราชอาณาจักรไทย ณ วันที่31 ธันวาคม 2565 จำนวน 66,090,475 คน จำนวนราษฎรโดยเฉลี่ยต่อ สส. 1 คนคือ 165,226 คน...

nn การเลือกตั้งทั่วไปเริ่มมีความแน่ชัดมากขึ้นหลังมีประกาศ พ.ร.ป. เลือกตั้งสส. และพ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมืองในราชกิจจานุเบกษาแต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่มีใครฟันธงว่าจะยุบสภาหรือจะปล่อยให้อายุสภาดำเนินไปถึงวันสุดท้าย แต่สำหรับนักการเมืองที่จะลงแข่งขันชิงตำแหน่ง สส. ก็เริ่มกระดี๊กระด๊ามากขึ้น การหาเสียงเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ นักการเมืองเดินสายกราบไหว้ขอคะแนนจากประชาชนเกือบทุกวัน ส่วนเรื่องการปล่อยกระสุนการเงินนั้นยังไม่ค่อยเด่นชัดในระยะนี้ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือธุรกิจทำป้ายหาเสียง เท่าที่ ธรรมกร ได้ไปคุยกับร้านทำป้ายหาเสียง ก็ได้ทราบว่าทุกร้านทุกบริษัทระดมทั้งวัสดุและกำลังคนไว้รองรับงานนี้ ร้านทำป้ายก็หาไม้ทำกรอบป้ายมาสะสมไว้ ส่วนร้านพิมพ์โปสเตอร์ก็เตรียมสี และผ้าใบไวนิล และแผ่นพลาสติกไว้อย่างพร้อมสรรพ สำหรับราคาป้ายคิดเริ่มต้นจาก 500-800 บาทต่อป้าย โดยขึ้นกับขนาด แต่เมื่อถามว่ากลัวว่าผู้ว่าจ้างจะชักดาบไม่จ่ายเงินหรือไม่ เจ้าของร้านบางร้านก็บอกว่า แหม! พี่อย่าถามแบบนี้สิครับ เพราะเป็นลางร้าย แต่พูดแล้วก็หัวเราะแบบกลัวจะเป็นจริง...

nn ส่วนการทำนายว่าพรรคการเมืองไหนจะได้ สส. มากเป็นอันดับ 1 ก็ยังคงต้องอาศัยผลจากโพลล์เป็นสำคัญ แต่ไม่ว่าผลโพลล์จะออกมาอย่างไร ก็ต้องถามตัวคุณเองว่า คุณตั้งใจเลือกพรรคไหนเลือก สส. คนไหน เลือกเพราะอะไร ส่วนประเด็นพรรคไหนจะจับมือตั้งรัฐบาลได้ก่อน ก็ต้องดูจากผลคะแนนเลือกตั้งเป็นสำคัญ ส่วนที่มีสัญญาใจหรือสัญญาจ้างอะไรกันไว้นั้น ก็ต้องดูผลคะแนนก่อนเช่นกัน อย่าลืมว่านักการเมืองไทยนั้นสามารถผสมพันธ์ุกันได้เสมอ หากแบ่งปันผลประโยชน์ลงตัว...

nnเรื่องเงินสินบนกรมอุทยานแห่งชาติฯ ดูแล้วไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไร ล่าสุดมีเสียงมาจาก ป.ป.ช. ว่า รู้แล้วว่าเส้นทางเงินโยงไปถึงใคร มีรายชื่อชัดเจนแล้ว ต่อไปก็ต้องดูว่าพยานบุคคลจะให้ข้อมูลอย่างไร จะโกหกหรือไม่ เมื่อฟังคำคุยของ ป.ป.ช. แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ โดยเฉพาะที่บอกว่ารู้โยงใยแล้ว เพราะที่ผ่านๆ มาทุกคดีก็พูดแบบนี้แหละ แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวเสียเป็นส่วนใหญ่...

nn ปิดท้ายด้วยคำถามจากผู้อ่านแนวหน้า ระหว่างตำรวจกับ DSI หน่วยงานไหนทุจริตมากกว่ากัน คำตอบเรื่องนี้คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือประชาชนผู้มีประสบการณ์ตรงกับหน่วยงานทั้งสอง รวมทั้งคนในหน่วยงานทั้งสองที่มีประสบการณ์ตรงเรื่องการกรรโชกทรัพย์จากประชาชน...nn

ธรรมกร