นายกฯ สิงคโปร์คนปัจจุบัน ได้สรุป “ประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำ” อย่างกระชับย่อ ดังนี้ (ตอนจบ)
“ญี่ปุ่น ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวจีนและชาวเกาหลี” ซามูไรไล่ล่าเกาหลีเป็นเมืองขึ้นในปีค.ศ.1910 แล้ว “ผนวก” ประเทศเกาหลีให้เป็น “จังหวัดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น” แล้วออก “กฎเหล็ก” ห้ามชาวเกาหลีเรียนประวัติศาสตร์ของเกาหลี และบังคับชาวเกาหลีเปลี่ยนชื่อแซ่เป็นญี่ปุ่น
ในปีค.ศ.1918 ญี่ปุ่นได้ “ล้มราชวงศ์ของเกาหลี” โดยปลงพระชนม์จักรพรรดิแห่งโชซอนด้วยการให้ “เสวยยาพิษ” และในปีค.ศ.1935 ก็เริ่มเกณฑ์ชายหนุ่มเกาหลีให้เป็นทหารญี่ปุ่นเปิดศึกรุกรานจีน
ระหว่างปีค.ศ.1937 ถึงปี ค.ศ.1938 “ญี่ปุ่นได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวจีนที่เป็นประชาชนคนบริสุทธิ์ใน “นครหนานจิง” ตายไปหลายล้านคน
นอกจากนั้น ระหว่างปีค.ศ.1935 จนถึงปี 1945 ยังได้เกณฑ์ผู้หญิงชาวเกาหลีและผู้หญิงจีนกว่า 200,000 คนให้เป็น “ทาสนางบำเรอ” แก่ทหารญี่ปุ่นทั้งกองทัพอีกต่างหาก
“อินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ 300 ปี” ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ประเทศอินเดียตก “อยู่ในสภาพกลียุค” แคว้นต่างๆ ในอินเดียเกิดการสู้รบอย่างโกลาหล และเป็นช่วงเวลาที่ “นักล่าเมืองขึ้นในยุโรป” ออกปฏิบัติการเป็น “เครื่องจักรสังหาร” เข้าชิงผลประโยชน์และสร้างอิทธิพลในแคว้นต่างๆ ของอินเดียอย่าง “สุดกระหน่ำ”
ทั้งโปรตุเกส ดัทช์ ฝรั่งเศสและอังกฤษต่างเฮโลไป “ทำสงครามแย่งชิงตลาดการค้า” ในอินเดียอย่างเมามัน
“ผลของการราวี” สุดท้ายเหลือ “สองขาใหญ่” คือฝรั่งเศสและอังกฤษ เท่านั้น ที่แย่งกันเป็น “นายใหญ่เหนือดินแดนภารตะ”
ในปีค.ศ.1757 “อังกฤษเท่านั้น” ที่ได้ครอบครองอินเดียแต่เพียงผู้เดียว แล้วอังกฤษใช้อินเดียเป็น “ศูนย์กลาง” ในการยกพลออกไล่ล่าเมืองขึ้นรอบๆ ประเทศอินเดีย “แม้แต่พม่าที่เป็นชาตินักรบที่เกรียงไกรก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษแบบหวานคอแร้ง”
อังกฤษ “กอบโกย” ผลประโยชน์จาก “เมืองขึ้น” เหล่านั้นอย่าง “ละโมบ” และยาวนาน ใครขัดขวางก็จะใช้ “สูตรสำเร็จ”คือ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ตามมา
อย่างเช่น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ที่ “เมืองอมฤตสาร์ แคว้นปัญจาเมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ.1920” ที่ถูกเรียกว่า “JallianwalaBagh” อังกฤษก็เข่นฆ่าชาวอินเดียตายฟรีๆ ไปหลายพันคน
อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 1947 แต่ชาวอินเดียที่นับถือศาสนาต่างกัน เป็นศาสนาฮินดู ศาสนาซิกข์ และศาสนาอิสลาม ก็ยังเกลียดชังและขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนเกิดสงครามภายในประเทศอย่างไม่ว่างเว้น
ประวัติศาสตร์ “ด้านมืด” ที่ต้องจดจำที่เกิดขึ้นในโลกนี้ยังมีอีกมากมาย “รอยแผลในใจ” เหล่านี้ “แม้ยากลืม” แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อย“ลืมไม่ได้”
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี