• สถาบันพระมหากษัตริย์ และในหลวง ร. ๙ กับ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
1. ด้วยวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นวันสวรรคตของ ในหลวง ร.๙
จึงขอนำพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของ สถาบันพระมหากษัตริย์ และ ในหลวง ร.๙
ที่มีส่วนสำคัญทำให้ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ จบลงด้วยดี
วันนวมินทรมหาราช จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วันนวมินทรมหาราช ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี
เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9แห่งราชวงศ์จักรี
วันที่ 11 เมษายน 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 61
กำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันสวรรคตของรัชกาลที่ 9 เป็นวันหยุดราชการ
ซึ่งเป็นชื่อที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) ประทานเพื่อประกอบพระบรมราชวินิจฉัย
ชื่อ “วันนวมินทรมหาราช” แปลว่า วันที่ระลึกถึงพระมหาราชรัชกาลที่ 9 ผู้ยิ่งใหญ่
และในวันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตกำหนดให้เป็น “วันสำคัญของชาติไทย” และ
ให้จัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกับวันปิยมหาราช
2. พระราชดำรัส-พระบรมราโชวาทของในหลวง ร.๙ เกี่ยวกับสถานการณ์และการแก้วิกฤตชาติ
๑. ทรงมีพระเนตรยาวไกล ต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง ที่ทรงติดตามมาตลอดยาวนานฯ
“ในปัจจุบันนี้ ศัตรูของเรามาในรูปการก่อการร้าย มาด้วยอาวุธก็มาก
แต่มาในรูปการก่อการร้าย ด้วยการยุยงให้แตกแยกกันก็มากเหมือนกัน
และไม่ใช่ตามชายแดน
ในเมืองใหญ่ๆ ในภาคต่างๆ ทุกภาค แม้แต่ภาคกลางนี้...แม้แต่กรุงเทพฯ นี้
ก็มีการแทรกซึม และการยุแหย่ให้เกิดแตกสามัคคีให้เกิดความยุ่งยากเป็นสงครามสมัยใหม่
...ขอให้พิจารณาดู ถ้าทุกคนเข้มแข็ง
มุ่งหน้าที่จะเรียน และมุ่งหน้าที่จะตั้งตัวเป็นคนดี
ก็เท่ากับทุกคนเป็นทหารทั้งชายหญิง ช่วยบ้านเมืองให้ดำรงอยู่...
และเมื่อบ้านเมืองดำรงอยู่แล้ว เอกชนทุกคนก็จะอยู่ได้ด้วยความผาสุก
(ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๑๓)
๒. ย้อนเหตุการณ์ 14 ตุลา กับพระราชดำรัสในหลวง ร.9ในการเตือนสติคนในชาติ
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เวลา ๑๙.๑๕ น.
“...วันนี้เป็นวันมหาวิปโยคที่น่าเศร้าสลดอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ตลอดระยะเวลา ๖-๗ วันที่ผ่านมา ได้มีการเรียกร้องและการเจรจากัน
จนกระทั่งนักศึกษาและรัฐบาลทำข้อตกลงกันได้
แต่แล้วการขว้างระเบิดขวด และยิงแก๊สน้ำตาทำให้เกิดการปะทะกัน และมีคนได้รับบาดเจ็บหลายคน ความรุนแรงได้ทวีขึ้นทั่วพระนครถึงขั้นจลาจล และยังไม่สิ้นสุด
มีคนไทยด้วยกันเสียชีวิตนับร้อย
ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรงด้วยการตั้งสติยับยั้ง
เพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนอยู่ในสภาพปกติ
อนึ่ง เพื่อขจัดเหตุร้ายนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อค่ำวันนี้
ข้าพเจ้าจึงแต่งตั้งให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันสนับสนุนเพื่อให้คณะรัฐบาลใหม่สามารถบริหารงานแผ่นดินได้
โดยมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมและแก้ไขสถานการณ์ให้คืนอยู่ในสภาพเรียบร้อยได้โดยเร็ว
ยังความสงบสุขความเจริญรุ่งเรืองให้บังเกิดแก่ประเทศและประชาชนชาวไทยโดยทั่วกัน...”
๓. พระราชทานพระบรมราโชวาทฯ ต่อ ผู้นำนิสิตนักศึกษาฯ ที่เข้าเฝ้าฯในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๑๖
พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร ได้ขึ้นไปกล่าวกับผู้ชุมนุม ……………….
ผมขออัญเชิญมาไว้อีกครั้งหนึ่งในที่นี้
“คนที่เป็นผู้ใหญ่ (คนแก่) นั้น เขามีประสบการณ์
ส่วนคนหนุ่มสาวมีพลังแรงทั้งร่างกายทั้งความคิด
ถ้าหากมาปรองดองสมัครสมานกัน ทำงานอย่างพร้อมเพรียงไม่ผิดใจแคลงใจกัน
การบ้านเมืองก็จะดำเนินไปได้ด้วยดี
นิสิตนักศึกษาก็เป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบเลือกเฟ้นมาเป็นแน่นอนแล้วว่า
มีทั้งสติและปัญญาพร้อมมูล จึงควรจะได้รู้ถึงความผิดชอบชั่วดีทุกอย่าง”
“การพิจารณาปัญหาใดๆ จำเป็นต้องทราบว่าปัญหานั้นอยู่ตรงไหน หรืออะไรเป็นปัญหา
ต่อไปก็แยกออกเป็นประเด็นให้กระจ่างและถูกต้องโดยลำดับ
จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงตามจุดหมายอย่างสมบูรณ์”
“เมื่อนิสิตนักศึกษาได้ดำเนินการมาตรงตามเป้าหมาย และได้รับผลตามสมควรแล้ว
ก็ขอให้กลับคืนสู่สภาพปกติ เพื่อยังความสงบเรียบร้อยให้เกิดแก่ประชาชนทั่วไป”
ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษา ฯ
ได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า เหตุการณ์คลี่คลายมาจนสงบลงได้ก็ด้วย “พระบารมี”
๔. พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ พลเอกสุจินดา คราประยูร และ พลตรีจำลอง ศรีเมือง
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2535
คงเป็นที่แปลกใจ ทำไมถึงเชิญให้ท่านมาพบกันอย่างนี้
………………………..
แต่ว่าที่เชิญมาเพราะว่า ตั้งแต่แรกที่มีเหตุการณ์ สองท่านเป็นผู้ที่เผชิญหน้ากัน
แล้วก็ในที่สุด เป็นการต่อสู้ หรือการเผชิญหน้ากว้างขวางขึ้น ถึงได้เชิญ 2 ท่านมา
การเผชิญหน้าตอนแรก ก็จะเห็นจุดประสงค์ของทั้ง 2 ฝ่ายได้ชัดเจนพอสมควร
แต่ต่อมาภายหลัง 10 กว่าวัน ก็เห็นแล้วว่า การเผชิญหน้านั้น เปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างมาก
จนกระทั่งออกมาอย่างไรก็ตาม เสียทั้งนั้นเพราะว่า
……………………………
เพราะว่าปัญหา ที่มีอยู่ทุกวันนี้ สองสามวันนี้มันเปลี่ยนไป
ปัญหาไม่ใช่เรื่องของเรียกว่าการเมือง หรือเรียกว่าของการดำรงตำแหน่ง
เป็นปัญหาของการสึกหรอ ของประเทศชาติ ฉะนั้นจะต้องช่วยกันแก้ไข ………………………
ปัญหาของวันนี้ ไม่ใช่ปัญหาของการบัญญัติ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทุกวันนี้คือความปลอดภัย ขวัญดีของประชาชน ………………
ฉะนั้นก็ขอให้โดยเฉพาะสองท่าน คือพลเอกสุจินดา และพลตรีจำลองช่วยกันคิด
คือหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากัน
เพราะว่าเป็นประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน
เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา
……………………………
เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้
คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ …………………….
แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง
ฉะนั้นจึงขอให้ทั้งสองท่านเข้ามา คือไม่เผชิญหน้ากัน แต่หันเข้าหากัน
และสองท่าน เท่ากับเป็นผู้แทนฝ่ายต่างๆ คือไม่ใช่สองฝ่าย
ฝ่ายต่างๆ ที่เผชิญหน้ากัน ให้ช่วยกันแก้ปัญหาปัจจุบันนี้
คือความรุนแรงที่เกิดขึ้น แล้วก็เมื่อเยียวยาปัญหานี้ได้แล้วจะมาพูดกัน ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร สำหรับให้ประเทศไทย ได้มีการสร้างพัฒนาขึ้นมาได้ กลับคืนมาได้ด้วยดี
อันนี้ก็เป็นเหตุผลที่เรียกท่านทั้งสองมา และ
ก็เชื่อว่าทั้งสองท่าน ก็เข้าใจว่า จะเป็นผู้ที่ได้สร้างประเทศจากซากปรักหักพัง
แล้วก็จะได้ผลในส่วนตัวมากว่าได้ทำดี แก้ไขอย่างไรก็แล้วแต่ที่จะปรึกษากัน ก็มีข้อสังเกตดังนี้
๕. ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ของรัชกาลที่ 9 พระราชทานให้ตามความประสงค์
จึงได้มีการจัดงานพิธีพระราชทานเพลิงศพ วีรชน 14 ตุลาคม 2516
ณ ท้องสนามหลวง วันที่ 13–15 ตุลาคม 2517
“ผู้กล้าตายเพื่อชาติ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์
เป็นตัวอย่างอันเลิศให้แก่ผู้อยู่ข้างหลัง
ผู้อยู่ข้างหลังต้องถือเป็นหน้าที่ ที่จะรักษา
เจตนาอันบริสุทธิ์ ให้ดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไป”
พระราชดำรัสในหลวง รัชกาลที่ 9 ในหนังสือพิธี พระราชทานเพลิงศพวีรชน 14 ตุลา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี