บทสรุปผู้บริหาร และผู้ที่สนใจเอาจริงกับการวิเคราะห์และนำประวัติศาสตร์ไปใช้เพื่อการปฏิรูปประเทศ
1. เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 คือ
1.1 นิยาม
๑.วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์ของชาติไทย คือ
เป็นวันชัยชนะก้าวแรกของเยาวชนหญิงชายไทย ภายใต้การนำของนิสิตนักศึกษานักเรียนฯ ซึ่งได้รับการสนับสนุนและร่วมมือจากราษฎรไทยทุกชนชาติและทุกชนชั้นวรรณะที่รักชาติฯผนึกกันเป็นขบวนการเรียกร้องรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์ให้แก่ปวงชนชาวไทยฯ
(อาจารย์ปรีดี พนมยงค์)
๒. ๑๔ ตุลาคม คือ ทุนทางสังคมขนาดใหญ่ ความหมายลึกและสำคัญที่สุดของ ๑๔ ตุลาคม คือการระเบิดตูมใหญ่ (Big Bang) แห่งจิตสำนึกเยาวชนคนหนุ่มสาว คนจนและความเป็นธรรม
(หมอประเวศ วะสี)
๓. 14 ตุลา เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยของไทยที่ไม่เพียงต่อสู้เพื่อต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร แต่ขยายไปถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนเรื่องความยุติธรรมทางสังคม ปัญหาทุนผูกขาดเป็นจุดสำคัญที่เกิดขึ้นร่วมกับการเปลี่ยนแปลงความคิดของประชาชน
(อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี)
๔. สิ่งที่มีค่าของ 14 ตุลา คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการเมืองไทย เป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของสังคมไทยทำให้เกิดการเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจ เปิดกว้างให้ระบบพรรคการเมืองที่มีรากจากกลุ่มและท้องถิ่นต่างๆ อย่างหลากหลายเปิดพื้นที่เสรีภาพให้กับสังคม ทำให้เสรีภาพงอกงามหลังจากถูกกดไม่ให้แสดงออกทำให้เกิดกระแสจากพลังของคนทั้งประเทศ บ่มเพาะให้เกิดเสรีภาพในทุกด้าน
เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ได้สร้างความเชื่อมั่นในพลังและเสรีภาพของประชาชน และความจำเป็นของการมีระบอบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง ซึ่งถึงแม้จะมีรัฐประหารอีกหลายหน แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะยึดอำนาจโดยไม่มีการเลือกตั้งให้ยาวเกินกว่าเหตุ
(ศ.ธีรยุทธ บุญมี)
๕. เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นเหตุการณ์ประชาธิปไตยของประชาชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งเป็นการลุกขึ้นมาของนักศึกษาประชาชนทั่วไทยในการคัดค้านอำนาจเผด็จการของรัฐบาลถนอม ประภาส ณรงค์ และเป็นเหตุปัจจัยหลัก ที่สำคัญ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจประชาธิปไตยไทย
คือ
-อำนาจของเผด็จการทหาร ไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเดิม แต่เริ่มอ่อนแอลง และเริ่มอยู่ได้ลำบาก ไม่ยาวนาน
-ในขณะที่อำนาจของฝ่ายประชาชนฝ่ายต่างๆ เริ่มมีการพัฒนาความเข้มแข็งมากขึ้น
เป็นขบวนการของการต่อสู้ ที่มีการปรับและยกระดับขึ้นเป็นขั้นๆ ของผู้นำนักศึกษาประชาชนตามจังหวะความเข้มแข็งของประชาชน และความเพลี่ยงพล้ำของฝ่ายรัฐบาล
-จากการเรียกร้องรัฐธรรมนูญคืนให้แก่ประชาชน โดย ๑๓ กบฏแกนนำถูกจับศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ชุมนุมเรียกร้องและยื่นคำขาดให้ปล่อยตัว
-และเมื่อมีนักศึกษาประชาชนมาชุมนุมกันเรือนแสนได้เรียกร้องต่อให้รัฐบาลลาออกและให้รัฐบาลใหม่ ดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง
-รวมทั้งการให้มีสิทธิเสรีภาพในทางการเมือง เศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมในเรื่องประชาธิปไตยด้านต่างๆ ของนักศึกษาประชาชน
-เป็นการเปิดฟ้าประชาธิปไตยของประชาชนครั้งใหญ่ทั้งนักการเมือง นายทุนนักธุรกิจ ฯลฯ
แต่มีประเด็นสำคัญไม่น้อย ที่ควรจะต้องนำมากล่าวถึงอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง ซึ่งไม่ค่อยมีผู้นำ และนักวิชาการทางประวัติศาสตร์ นำมากล่าวถึง เพราะเข้าใจเอาเองว่าจะไปลดบทบาทความยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ลง แต่ “การเสนอความจริงอย่างตรงไปตรงมา ที่มีการพัฒนายกระดับจนบรรลุเป้าหมายสูงสุด” คือ ความยิ่งใหญ่
(๑) ช่วงเวลาของเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่น้อยมาก หากนับจากวันที่ ๖ ตุลา ถึง ๑๕ ตุลา ๒๕๑๖ก็เป็นเพียง ๑๐ วัน TEN DAYS
(๒) การพัฒนาและยกระดับตามสถานการณ์และเหตุการณ์ที่แปรผันไป (ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น)
(๓) เป็นการประสานความร่วมมือ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากทุกฝ่ายนักศึกษา ประชาชน หลากหลายวงการ และกองทัพ รวมทั้งสื่อต่างๆ
(๔) ทุกฝ่ายได้ยอมรับและปรับสภาพบทบาทของตนโดยคำนึงถึงความสงบสุขและผลประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมือง
(ชัยวัฒน์ สุรวิชัย)
1.2 การก่อเกิดพลังของนักศึกษาประชาชน
๑. บทบาทของพระมหากษัตริย์ไทย ในการปฏิรูปประเทศและการยึดเอาความสงบร่มเย็นและความสุขของประชาชน “สาเหตุการเปลี่ยนแปลงครั้งแรก คือ ภัยคุกคามจากลัทธิอาณานิคมตะวันตก รัชกาลที่ 5 ได้ปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในทางการบริหาร การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมาย การเงิน การคลัง สาธารณสุข ทางวัตถุ สาธารณูปโภค ถนน รถไฟ โรงพยาบาล ให้เป็นสมัยใหม่แบบตะวันตก ทำให้ไทยก้าวพ้นจากวิกฤตแรกนี้ได้” ศ.ธีรยุทธ บุญมี “การปฏิรูปการปกครองไทยให้ทันสมัย ทำให้เกิดพลังทางยุทธศาสตร์คือกลุ่มทหาร พลเรือน ที่ตื่นตัวทางวิชาการและการเมือง และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ของคณะราษฎร เป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางความคิดการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และแนะนำความคิดประชาธิปไตยเข้าสู่สังคมไทย”
“ศ.ธีรยุทธ บุญมี”
(ดูในรายละเอียดเพิ่มเติม จากบทความที่ได้กล่าวมาแล้ว)
๒. บทบาทของรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
“มีการปฏิรูปประเทศสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่และรอบด้าน คือ การปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศให้เป็นอุตสาหกรรม การขยายถนนสำคัญๆ อย่างทั่วถึงการสร้างสำนึกความปัจเจกชน การทำงานเพื่อให้ได้เงินของคนรวมทั้งการปรับปรุงการบริหารการปกครองอีกหน นับจากครั้งแรกที่เกิดในสมัยรัชกาลที่ 5”
(ศ.ธีรยุทธ บุญมี)
๓. บทบาทของนักศึกษาประชาชน (ก่อนหน้า และส่งต่อมาถึงยุค ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖)
นักเรียนนิสิตนักศึกษาในทศวรรษ 2510 กลายเป็น “เยาวชน-คนหนุ่มสาว-รุ่นใหม่” ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจไทย คนรุ่นนี้เติบโตขึ้นมาในบรรยากาศของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่การพัฒนานั้นก็นำมาซึ่งปัญหาช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย ระหว่างชนบทกับเมือง ระหว่างภาคเกษตรกรรมกับภาคอุตสาหกรรม
ช่วงปีพุทธศักราช 2512-2515 เยาวชน-คนหนุ่มสาว-รุ่นใหม่ ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทเพื่อสังคมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งทั่วไปในปีพุทธศักราช 2512 ออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท วิพากษ์วิจารณ์สังคมต่อต้านการโกงกินคอร์รัปชั่นของผู้บริหาร โดยนิสิตจุฬาฯ
(สมัย นายประสาร มฤคพิทักษ์ เป็นนายก สจม.)
ระหว่างปีพุทธศักราช 2514-2516 ท่ามกลางกระแสของการเปลี่ยนแปลงบทการเมืองระดับโลก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของความเย็น การเมืองระหว่างประเทศเปลี่ยนจากการเผชิญหน้าของ 2 ค่าย กลายเป็นการเมือง 3 เส้า สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และจีน
ส่วนการเมืองภายในของไทย นิสิตนักศึกษา เริ่มแสดงบทบาทในการคัดค้าน “นักศึกษามาเลเซีย” จุดไฟเผาธงชาติไทย โดยทางสโมสรนิสิตจุฬา เชิญผู้นำนักศึกษาในกรุงเทพฯ มาชุมนุมที่ตึกจักรพงษ์จุฬาฯ (สมัย นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย นายกสจม.)
ปีพุทธศักราช 2515 ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย กลายเป็นศูนย์รวมของการแสดงออก ซึ่งความไม่พอใจต่อการผูกขาดอำนาจของเผด็จการคณาธิปไตย เดินขบวนประท้วงสินค้าญี่ปุ่นในปลายปี 2515, การชุมนุมคัดค้านกฎหมายโบดำ ม.๒๙๙ ที่สนามหลวง และหน้าศาลยุติธรรมประณามการใช้อิทธิพลของเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปล่าสัตว์ ณ ทุ่งใหญ่ คัดค้านการลบชื่อหรือขับไล่นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง 9 คน ออกในกลางปี 2516 ฯลฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี