แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn เมื่อท่านพยายามทำงานประจำของท่านให้ถูกต้องสมบูรณ์อยู่เสมอได้แล้ว ก็จะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าต่อไป ในการสร้างความเจริญก้าวหน้านี้ ควรอย่างยิ่งที่จะต้องค่อยสร้างค่อยเสริมทีละเล็กละน้อยตามลำดับ ให้เป็นการทำไป พิจารณาไปและปรับปรุงไป ไม่ทำด้วยอาการเร่งรีบตามความกระหาย ที่จะสร้างของใหม่เพื่อความแปลก ความใหม่ เพราะความจริงสิ่งที่ใหม่แท้ๆ นั้นไม่มี สิ่งใหม่ทั้งปวงย่อมสืบเนื่องมาจากสิ่งเก่า และต่อไปย่อมจะต้องกลายเป็นสิ่งเก่า ในเมื่อมีวิวัฒนาการคืบหน้าต่อไปอีกลำดับหนึ่ง การพัฒนาปรับปรุงงานจึงควรจะค่อยๆ ทำด้วยความมีสติรู้เท่าทัน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่ประการใด ผลที่บังเกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ และเป็นประโยชน์แท้แต่ฝ่ายเดียว... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 11 กรกฎาคม 2523)

...nn ธรรมกร ขออนุญาตเตือนสติผู้อ่าน และฝากไปบอกคนรู้จัก ญาติพี่น้อง รวมถึงเพื่อนฝูงว่ากรุณาอย่าส่งต่อข้อความใดๆ ที่ตัวเองไม่รู้จริง ไม่เห็นจริงด้วยตาตัวเอง และไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวและภาพต่างๆ ที่เห็น แต่ยังชอบส่งต่อ (forward) หรือกด like กด share เรื่องราวต่างๆ โดยที่ตนเองไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องและภาพนั้นๆ โดยเฉพาะเรื่องพระอาการประชวรของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา แต่ขอให้ติดตามพระอาการจากประกาศของสำนักพระราชวังเท่านั้น และที่สำคัญคือไม่ต้องร่วมกระพือข่าวลือใดๆ เกี่ยวกับพระองค์ท่านเป็นอันขาด ย้ำและย้ำว่าขอให้ติดตามข่าวของพระองค์ท่านจากประกาศสำนักพระราชวังเท่านั้น เพราะเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้มากที่สุด

...nn ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรีตัวจริงตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2568 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญโดยตุลาการเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 มีคำพิพากษาให้แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะมีความผิดฐานไม่ซื่อสัตย์สุจริต และประพฤติฝ่าฝืนจริยธรรมของการเป็นรัฐมนตรีขั้นร้ายแรง ส่วนการที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเพียงผู้รักษาการย้ำว่าภูมิธรรมไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริง เพราะฉะนั้น ภูมิธรรมจึงไม่มีอำนาจใดๆ ทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีตัวจริง เพราะภูมิธรรมไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงมาตั้งแต่แรก ย้ำว่าภูมิธรรมไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริง แต่เป็นเพียงผู้ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี (Acting Prime Minister) และต้องย้ำว่าภูมิธรรมไม่มีอำนาจสั่งยุบสภา เพราะอำนาจดังกล่าวเป็นของนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีตัวจริงต้องเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในเรื่องดังกล่าว เพราะฉะนั้น การที่ภูมิธรรมบอกว่าตนเองมีอำนาจยุบสภา จึงเป็นแค่คำพูดของภูมิธรรม ที่พูดไปเพราะไม่รู้ขอบเขตอำนาจของตนเองในฐานะรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี และต้องย้ำๆๆ ว่าภูมิธรรมไม่มีอำนาจยุบสภา

...nn ย้อนกลับไปดูคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญที่มีต่อแพทองธาร สรุปได้ดังนี้คือ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 6 ต่อ 3 ลงความเห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีของ แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) โดยขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 เนื่องจากมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอย้ำอีกที่ว่าตุลาการฯ เสียงข้างมากทั้ง 6 คน คือ ปัญญา อุดชาชน วิรุฬห์ แสงเทียน อุดม รัฐอมฤต บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ อุดม สิทธิวิรัชธรรม และจิรนิติ หะวานนท์ ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างน้อยคือ นพดลเทพพิทักษ์ สุเมธ รอยกุลเจริญ และนครินทร์ เมฆไตรรัตน์

...nn ส่วนประเด็นขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมาตรา 160 (5) มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประเด็นนี้ถือว่าแพทองธารรอดตัวไป เนื่องจากตุลาการฯ สี่คน (เสียงข้างน้อย)คือ ปัญญา, จิรนิติ, บรรจงศักดิ์และ วิรุฬห์ เห็นว่าแพทองธารผิด ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างมาก 5 คนที่เหลือระบุว่า แพทองธาร ไม่ผิดเรื่องนี้ และประเด็นขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ตุลาการฯ เสียงข้างมาก 6 เสียงบอกว่าไม่ผิดแต่ตุลาการฯ เสียงข้างน้อยบอกว่าผิด โดยตุลาการฯ เสียงข้างน้อย คือ อุดมรัฐอมฤต และอุดม สิทธิวิรัชธรรม

...nn แต่จะอย่างไรก็ตาม แพทองธาร ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีไปแล้ว (โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568) ยังคงอ้างว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้คิดร้ายต่อประเทศชาติ แล้วยังอ้างว่าทำไปเพราะยึดมั่นในผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทำไปเพราะต้องการให้ประเทศชาติมีความสุขสงบ ไม่ได้ยอมรับข้อเสนอของฮุนเซน ก็เชิญอ้างไปตามสบาย เพราะคนไทยที่มีสติปัญญาเข้าใจดีว่าคำอ้างกับความจริงมันตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

...nn ก็เป็นธรรมดาที่ แพทองธาร ต้องอ้างแบบนั้น เพราะเป็นการอ้างเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แล้วก็ไม่มีวันที่ แพทองธาร จะยอมรับว่าทำไปเพราะขายชาติ แต่ก็มีคำถามจากคนไทยบางกลุ่มว่าขายชาติคืออะไร ทำอย่างไรจึงเรียกว่าขายชาติ ขอบอกตรงๆ ว่าการตอบคำถามนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะคนที่ไม่ขายชาติจะไม่ถามแบบนี้ แต่คนขายชาติมักจะถามแบบนี้ ซึ่งก็ไม่ต่างจากพวกที่ชอบถามว่าความดีคืออะไร อะไรคือทำดีก็ต้องย้ำว่าคนที่ถามว่าความดีคืออะไร ก็น่าจะไม่เคยทำความดี หรือไม่เคยมีใครสั่งสอนให้ทำความดีมาก่อนในชีวิต เพราะฉะนั้น คนพรรค์อย่างว่านั้นจึงชอบถามว่าอะไรคือความดี ความดีคืออะไร

...nn ย้ำว่าความดีเป็นนามธรรม แต่คนที่ไม่หยาบ ไม่เลว ไม่ชั่ว จะเข้าใจตรงกันทุกคนและเข้าใจดีว่าอะไรคือความดี อะไรคือการทำดี เพราะเรื่องนามธรรมแบบนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ตรงกัน และคนดีสามารถทำได้ ส่วนคนไม่ดีก็จะตั้งคำถามไปตลอดชีวิตว่าอะไรคือความดี

...nn พรรคประชาชนกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากรัฐบาลที่นำโดยแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกที่เชิดชักโดยทักษิณ ชินวัตร ต้องปิดฉากการเมืองลงในเร็วๆ นี้ มาถึงวันนี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยพยายามจะดึงคะแนนเสียงจากพรรคประชาชนไปเข้าข้างตนเอง เพราะทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทยต้องการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และแต่ละพรรคก็ต้องการให้คนของตนเองได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่คำถามคือพรรคประชาชนจะจับมือกับเพื่อไทยได้อย่างไร ในเมื่อที่ผ่านมานั้นก็ไม่สามารถจับมือกันได้ แล้วก็มีคำถามเหมือนๆ กันคือภูมิใจไทยจะจับมือกับพรรคประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อภูมิใจไทยประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ แต่พรรคประชาชนย้ำเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมาโดยตลอด แต่ด้วยเหตุผลของการที่พรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยต้องการเป็นแกนนำรัฐบาล และต้องการได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็จึงต้องพยายามลากเอาพรรคประชาชนไปเป็นพวกให้จนได้คำถามคือพรรคทั้งหลายที่เอ่ยชื่อมานี้ มีความละอายหลงเหลือบ้างหรือไม่ อย่าลืมว่าคนไทยทั้งประเทศจำได้ดีว่าแต่ละพรรคเคยพูดอะไรมาก่อน มีพฤติกรรมอย่างไรมาก่อน และทำความเสื่อมเสียวิบัติสถานใดกับประเทศไทยและคนไทยมาก่อน

...nn ปิดท้ายด้วยเรื่องน่าตลกแบบสมเพชกับ ชัยเกษม นิติสิริ candidate ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย คนไทยที่ติดตามสถานการณ์การเมืองถามว่าชัยเกษมยังสุขสบายดีหรือ หายหน้าหายตาหายศีรษะไปไหนหนอ ทั้งๆ ที่มีสถานภาพเป็นผู้จะถูกส่งไปเป็นนายกรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทย แต่หลังจากแพทองธาร พบกับความล่มสลายทางการเมือง ก็ไม่มีใครเห็นหน้า ชัยเกษม อีกเลย ไม่เห็นแม้กระทั่งวันที่ แพทองธาร ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ทางการเมือง ไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงของทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยพูดถึง ชัยเกษม ทั้งๆ ที่ชัยเกษมคือคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวแทนของเพื่อไทยที่ยังเหลืออยู่ที่จะเข้าไปชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คอการเมืองบอกว่ารู้สึกสมเพชชัยเกษมมากเหลือเกิน แล้วก็ฝากถามว่าชัยเกษมยังมีความภาคภูมิใจหลงเหลือบ้างหรือไม่ หรือไม่ต้องถามหาความภาคภูมิใจใดๆ จาก ชัยเกษม แล้ว เพราะมันหมดสิ้นไปตั้งแต่วันที่ยอมลดตัวเป็นคนจำพวกที่ถูกมองว่าคล้ายๆ กับข้าทาสบริวารของทักษิณ...nn

ธรรมกร