แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ผู้สำเร็จการศึกษาในวันนี้ กำลังจะก้าวออกจากห้องฟังปาฐกถาไปสู่ชีวิตอันแท้จริงของตน ถ้าจะพูดอย่างนักวิทยาศาสตร์ก็กล่าวได้ว่าเป็นการผ่านจากโพเทนเชียลไปสู่คินเนติก เอเนอรยี ที่มหาวิทยาลัยท่านทั้งหลายได้ศึกษาวิชาความรู้สำหรับจะไปประกอบการงานเพื่อการครองชีพของท่าน แต่ทุกๆ คนไม่ควรจะคิดว่า วิทยาการที่ท่านได้ศึกษามาในปีที่แล้วๆ มานั้น มีอยู่มากมายอย่างเหลือเฟือ ท่านทั้งหลายจะต้องใช้วิชาการที่ได้เล่าเรียนมานั้นด้วยการไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผล และยิ่งกว่านั้น แม้ท่านจะได้ออกไปจากมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ท่านก็ไม่ควรจะยับยั้งการศึกษาเล่าเรียนไว้เพียงเท่านั้น ควรจะฝึกฝนวิชาความรู้ของท่านให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะเป็นหนทางที่จะทำให้ท่านช่วยชาติบ้านเมืองได้ดี... (ความตอนหนึ่งจากพระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแด่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องในวันรับปริญญา 12 เมษายน 2490)

...nn ปัญหาดินทรุดเป็นวงกว้างและทรุดลงไปลึกประมาณ 50 เมตร ซึ่งเกิดขึ้นที่ถนนสามเสน บริเวณใกล้กับโรงพยาบาลวชิระ ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ปัญหานี้ยังคงอยู่ในระหว่างการแก้ไขโดยรัฐบาลกับกรุงเทพมหานคร แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่มีใครระบุสาเหตุที่แน่ชัดของภัยพิบัติครั้งนี้ เมื่อไม่มีการระบุสาเหตุชัดเจนได้ ก็ทำให้เกิดความหวาดวิตกว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงเช่นนี้ในพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้ในจุดอื่นๆ หรือไม่ แล้วที่สำคัญคือมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพฯ กระจายไปในหลายพื้นที่ เช่น บนถนนเพชรบุรีช่วงใกล้กับยมราช บนถนนหลานหลวง บริเวณหน้าบ้านมนังคศิลา และพื้นที่ใกล้กับสะพานผ่านฟ้า ช่วงที่จะตัดเข้าไปในย่านบางลำพู

...nn เมื่อพูดถึงเรื่องแผ่นดินทรุดที่ถนนสามเสนแล้ว ก็ต้องทวงถามถึงเรื่องตึก สตง. ที่ถนนกำแพงเพชรถล่ม อย่าลืมว่าตึกนี้ถล่มลงมาอย่างราบคาบตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2568 มาจนบัดนี้ผ่านไปแล้ว 6 เดือน ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครผิด ยังไม่เห็นว่าทางการไทยจะนำตัวคนผิดไปลงโทษได้แม้แต่รายเดียวถามอีกทีว่า เรื่องนี้จะมีความชัดเจนเมื่อไร เพราะรัฐบาลที่นำโดยแพทองธาร ชินวัตร ก็หลุดจากตำแหน่งไปแล้ว ส่วน อนุทิน ชาญวีรกูล นั้น ก็เคยรับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยในวันที่ตึก สตง. ถล่ม แล้วครั้งแรกหลังตึกถล่ม อนุทิน บอกว่าต้องมีคำตอบเรื่องนี้ภายใน 7 วัน แล้วก็เลื่อนออกไปเป็นเดือน จนบัดนี้ผ่านไป 6 เดือนแล้ว และอนุทินก็ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว คำถามคือจะมีคำตอบชัดเจนเรื่องตึก สตง. ถล่มเมื่อไร อนุทิน อย่าทำเป็นเงียบเฉยกับเรื่องตึกถล่ม เพราะเรื่องนี้คนไทยไม่มีวันลืมเป็นอันขาด

...nn เศรษฐกิจไทยไม่ดีมาหลายปีแล้ว เปลี่ยนรัฐบาลมาสามสี่ชุดก็ยังไม่ดีขึ้น ต้องรอดูว่ารัฐบาลชุดล่าสุดที่มีคนนอกที่ไม่ใช่นักการเมือง ที่ชื่อ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง แล้วจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้หรือไม่ แต่เท่าที่เห็นคืออนุทินนำรัฐมนตรีคนนอกไปพบปะบุคคลในตลาดหลักทรัพย์ของไทยเมื่อสายของวันที่ 25 กันยายน แล้วโปรยยาหอมว่าเหมือนได้กลับมาพบกัลยาณมิตร ก็ต้องรอดูกันว่าเมื่ออนุทินพาคณะรัฐมนตรีคนนอกไปตลาดหุ้นไทยแล้ว ดัชนีหุ้นไทยจะผงกหัวขึ้นได้บ้างหรือไม่ แต่หากจะให้พูดจริงๆ แล้วละก็ คงยากที่ดัชนีหุ้นไทยจะพุ่งทะยานได้ เพราะยังไม่มีปัจจัยเศรษฐกิจตัวใดแสดงให้เห็นชัดๆ ว่าดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แถมยังมาเจอ Fitch Ratings ปรับลดเป็น negative outlook ผสมกับเจอปัญหาธรณีสูบ ธรณีทรุดเข้าไปอีก งานนี้ต้องรอปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเฟื่องฟู แต่หากไม่ต้องใช้ปาฏิหาริย์ ก็ต้องใช้ฝีมือแบบขั้นเทพชั้นสูงของบรรดารัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจเท่านั้น คำถามคือรัฐมนตรีไทยที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจมีฝีมือขั้นเทพชั้นสูงจริงหรือไม่

...nn เศรษฐกิจไทยไม่ดีมาหลายปีแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ตั้งแต่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะผ่านเหตุการณ์โควิด-19 มาแล้ว 4 ปี แต่ก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ล่าสุด ฟิทช์ เรทติงส์ อิงค์ (Fitch Ratings Inc.) สถาบันเอกชนของอเมริกันจัดตั้งโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่จัดอันดับเครดิตของประเทศต่างๆ โดยเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ จัดอันดับเครดิตของไทยให้เป็นลบ (negative outlook) โดยลดสถานะจากเดิมที่มีเสถียรภาพ (stable) โดยปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศของรัฐบาลไทย (long-term foreign currency issuer default rating-IDR) เป็นลบจากเดิมที่ระดับมีเสถียรภาพ แต่ยังคงอันดับเครดิต IDR ระยะยาวไว้ที่ BBB+

...nn การปรับอันดับเครดิตไทยในครั้งนี้สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพราะปัจจัยการคลังในประเทศ ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยที่ยืดเยื้อ และมีความท้าทายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอันเนื่องมาจากอุปสงค์ของโลกที่ชะลอตัว ในขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวของไทยก็ยังไม่ฟื้นตัว แต่มีระดับหนี้ครัวเรือนสูง แม้หนี้สาธารณะของไทยจะปรับลดลงก็ตาม ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยก็ยังล่าช้าไม่เป็นรูปธรรม และมีความไม่แน่นอนของกลยุทธ์การคลัง ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อแนวโน้มการคลังในระยะกลาง โดยเฉพาะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่มาก และยังมีแรงกดดันจากโครงสร้างประชากรของไทยด้วย

...nn กล่าวโดยสรุปคือการที่ไทยถูก Fitch Ratings Inc. ปรับลดความน่าเชื่อถือลงมาเช่นนี้จึงจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนานาชาติที่จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเศรษฐกิจไทย แต่หากจะพูดให้ชัดมากขึ้นก็คือ หากไทยจำเป็นต้องกู้เงินจากต่างชาติเพื่อใช้ลงทุนในประเทศ ไทยก็จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น หรือกล่าวได้ว่านานาชาติก็อาจจะไม่มั่นใจในเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย ซึ่งทำให้การตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยอาจจะต้องชะลอหรือล่าช้าออกไป

...nn หันไปดูเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2569 โดย Fitch Ratings คาดว่า GDP ไทยจะเติบโตที่ระดับ 1.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งลดลงกว่าปี 2568 ที่ GDP อยู่ที่ระดับ 2.2 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ GDP ไทยในปี 2569 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ได้เรท BBB ซึ่ง GDP จะอยู่ที่ 2.7 เปอร์เซ็นต์ และเห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วง 8 เดือนแรกของปีหน้าจะอยู่ที่ 21.9 ล้านคน ซึ่งยังมีจำนวนน้อยกว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อปี 2562 ที่ระดับ 39.9 ล้านคน ส่วนมูลค่าการส่งสินค้าออกของไทยก็ยังถูกกดดันจาก tariff ของสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ เรียกเก็บจากไทยอัตรา 19 เปอร์เซ็นต์ แต่หากเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้ามาจากประเทศอื่นแล้วส่งออกไปขายในสหรัฐฯ จะต้องเสีย tariff สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ไทยก็ยังมีจุดแข็งอยู่ตรงที่ฐานะการเงินต่างประเทศแข็งแกร่ง ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุล และเงินสำรองระหว่างประเทศมีจำนวนสูงมาก ส่วนภาคเอกชนไทย ก็มีหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

...nn ปิดท้ายด้วยผู้ที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการการท่าอากาศยานไทยคนใหม่ล่าสุด ชื่อ ปวีณา จริยฐิติพงศ์ โดยปวีณาขยับขึ้นมาจากตำแหน่งรักษาการผู้ว่าฯ โดยสามารถเอาชนะ เอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การท่าอากาศยาน และยังเอาชนะ พีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.

...nn มีข่าวว่าในตอนแรกของการสรรหานั้นเอนก มีคะแนนนำ ปวีณา และพีรกันต์ แต่สุดท้ายคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทยลงมติเลือก ปวีณา สำหรับประวัติของปวีณาคือจบปริญญาตรีวิศวกรรมโยธา จากธรรมศาสตร์ ปริญญาโทวิศวกรรมโยธา จากมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา ญี่ปุ่น และปริญญาเอกวิศวกรรมโยธา จากมหาวิททยาลัยโอคายามา ญี่ปุ่น และปวีณายังเคยสมัคร สส. จังหวัดจันทบุรี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2562 ด้วย และมีเกร็ดข่าวเล่าให้ฟังว่า ปวีณา มาแทน กีรติ กิจมานะวัฒน์ อดีตผู้ว่าฯ การท่าอากาศยานฯ คนที่เพิ่งถูกปลด (แต่ลาออกก่อน) ทั้งนี้ทั้งกีรติและปวีณาล้วนเป็นศิษย์เก่าจากวิศวกรรมฯ ธรรมศาสตร์ และทั้งคู่ก็จบปริญญาเอกจากญี่ปุ่นเช่นกัน แต่คนละมหาวิทยาลัย...nn

ธรรมกร