วันที่ 29 มี.ค. 2566 การไฟฟ้าฝ่ายแผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) และ กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดงานแถลงข่าวกิจกรรม “ครบรอบ 20 ปี โครงการแว่นแก้ว” ณ อาคารสยามสเคป เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยเป็นการเสวนาหัวข้อ “Better View Better World” ซึ่ง นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการฝ่ายยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า สำหรับอีกหลายคนแม้กระทั่งเงิน 500 บาทเป็นค่าตัดแว่นก็ยังลำบาก โดยเฉพาะในชนบทหรือผู้ที่เข้าไม่ถึงโอกาส
ซึ่งโครงการดังกล่าว กฟผ. ออกหน่วยวัดสายตาร่วมกับ รพ.เมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ซึ่งมีเทคโนโลยีทันสมัย ขณะเดียวกันยังได้รับการสนับสนุนแว่นตาจาก บริษัท หอแว่น กรุ๊ป โดยล่าสุดในวันที่ 1-3 เม.ย. 2566 กฟผ. จะออกหน่วยวัดสายตา ในพื้นที่คลองเตย กรุงเทพฯ ตั้งเป้าแจกจ่ายแว่นประมาณ 2,000 อัน ทั้งนี้ การออกหน่วยของ กฟผ. จะดำเนินการในชุมชนที่อยู่ใกล้โรงไฟฟ้า โดย กฟผ. มีโรงไฟฟ้าอยู่ทั่วประเทศ ขณะที่คลองเตยนั้น อยู่ในเขตของ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ซึ่งก็เป็นองค์กรพันธมิตรของ กฟผ. เช่นกัน
นพ.เอกชัย อารยางกูร รองผู้อำนวยการภารกิจด้านจักษุวิทยา รพ.เมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวว่า รพ.เมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) มีความเชี่ยวชาญด้านโรคตา ขณะที่การออกหน่วยตรวจวัดสายตา นอกจากจะนำเครื่องมือเทคโนโลยีไปแล้วยังต้องมีผู้เชี่ยวชาญไปด้วย เพราะเมื่อใช้เครื่องมือวัดแล้วก็ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจอีกรอบหนึ่ง เพื่อให้แต่ละคนได้รับแว่นที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด ซึ่งปัญหาสายตาไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทยแต่เป็นกันทั่วโลก โดยสามารถแก้ไขได้เพียงได้รับแว่นสายตา เพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ลดอุบัติเหตุลง ทำมาหากินได้ดีขึ้น
ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการ กทม. กล่าวว่า กทม. มีโรงเรียนในสังกัด 437 โรง แต่ถ้านับโรงเรียนทุกสังกัดในพื้นที่ กทม. จะอยู่ที่ 896 โรง ซึ่งการที่เด็กมีปัญหาติดขัดในการเรียน ครูอาจจะเข้าใจว่าเป็นปัญหาการเรียนรู้แต่จริงๆ อาจมาจากปัญหาสายตาก็ได้ ขณะเดียวกัน ยังมีผู้สูงอายุอยู่ในชุมชนต่างๆ แต่ กทม. มีข้อจำกัด เช่น การออกหน่วยวัดสายตายังทำไม่ได้ครอบคลุม รวมถึงจำนวนจักษุแพทย์ในสังกัด กทม. ก็มีน้อย ทั้งนี้ โครงการแว่นแก้วของ กฟผ. หากสามารถขยายไปทุกพื้นที่ได้ ก็จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงแว่นตาได้มากขึ้น
โครงการแว่นแก้ว เริ่มต้นดำเนินการในปี 2546 เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 4 รอบ 48 พรรษา ซึ่งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ได้ออกหน่วยวัดสายตาประกอบแว่นโดยไม่คิดมูลค่ามาแล้วจนถึงปัจจุบัน 504 ครั้ง ครอบคลุม 63 จังหวัดทั่วประเทศ มีผู้ได้รับบริการแล้ว 290,000 คน โดยในปี 2566 นี้มีแผนออกหน่วย 20 หน่วย คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้มีปัญหาสายตาได้ประมาณ 10,000 คน
นายสัจจพัฒน์ พิมลพันธุ์ ประธานชุมชนอยู่ดีร่วมใจพัฒนา แขวางบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงแทพฯ ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ (กฟผ.บางกรวย) เล่าว่า ตนเป็นประธานชุมชนมา 10 ปี ทำงานร่วมกับโครงการแว่นแก้วมาตลอด โดยทาง กฟผ. จะประชาสัมพันธ์มาให้ทางชุมชนค้นหาสมาชิกในชุมชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กหรือผู้สูงอายุในครัวเรือนรายได้น้อย เมื่อได้จำนวนผู้ต้องการรับบริการแล้วก็จะนัดวันตั้งหน่วยบริการเพื่อให้มาตรวจวัดสายตาสำหรับเป็นข้อมูลนำไปตัดแว่น เมื่อได้แว่นมาแล้วก็จะแจ้งให้ทางชุมชนไปรับ ซึ่งโครงการแว่นแก้วนี้เป็นโครงการที่ดีมาก ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแว่นตาที่มีคุณภาพดีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จึงอยากให้มีโครงการต่อไปทุกปี
สำหรับงานแถลงข่าวครั้งนี้ ยังมีกิจกรรมประมูลแว่นตาจากแขกรับเชิญสุดพิเศษ อาทิ เต๋า เศรษฐพงศ์, อิน สาริน รวมถึงมินิคอนเสิร์ต จาก ทอม อิศรา ส่วนกิจกรรมครบรอบ 20 ปี โครงการแว่นแก้ว ในปี 2566 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 เม.ย. 2566 ณ ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ นอกจากจะมีการออกหน่วยตรวจวัดสายตาและมอบแว่นตาแล้ว ยังมีบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) การสอนทำน้ำยาเอนกประสงค์ (EM) รวมถึงจะมีการจัดนิทรรศการผลสำเร็จของโครงการแว่นแก้ว ที่มุ่งมอบแสงสว่างแก่ดวงตา ที่ถือเป็นแสงสว่างของชีวิตให้กับคนไทยมาตลอด 2 ทศวรรษ!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี