สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นหน่วยงานในการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง เพื่อการพัฒนาประเทศ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติ โดยขับเคลื่อนตามนโยบายเร่งด่วน ยกระดับอาชีวศึกษาทวิภาคี และการปฏิรูปวิทยาลัยเกษตรและประมง เพื่อยกระดับและพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทัดเทียมนานาชาติ สอศ. ได้ดำเนินความร่วมมือกับสถานประกอบการในการจัดการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร และการวัดประเมินผล เพื่อให้ได้ผู้เรียนอาชีวศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอาชีพ และมาตรฐานสากล มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
สอศ.ได้เริ่มดำเนินความร่วมมือกับ Arava International Center for Agricultural Training (AICAT) ประเทศอิสราเอล เมื่อปี 2543 เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เทคโนโลยีด้านเกษตรกรรมที่ทันสมัย และฝึกปฏิบัติงานจริงในฟาร์มของชาวอิสราเอล ภายใต้ชื่อ “โครงการความร่วมมือจัดการเรียนการสอนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาพืชศาสตร์ ระบบทวิภาคี (ไทย-อิสราเอล)” โดยคัดเลือกนักศึกษาจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) โดยเริ่มรุ่นแรกที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด เพื่อเป็นศูนย์การเตรียมความพร้อมนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 40 คน โดยในปี 2545 ทาง AICAT ได้เพิ่มจำนวนนักศึกษาไทยที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการเป็น 100 คน และเพิ่มเป็น 150 คน ในปี 2546 โดยในปี 2566 เป็นรุ่นที่ 24 มีนักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ จำนวน 78 คน
นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการความร่วมมือ ทวิภาคี ไทย-อิสราเอล เมื่อเข้าสู่การเรียนแล้ว จะต้องศึกษาและฝึกปฏิบัติงานฟาร์ม ณ ศูนย์ฝึกอบรมนานาชาติด้านการเกษตรในเขตอาราวา The Arava International Center for Agricultural Training (AICAT) สาธารณรัฐอิสราเอล เป็นระยะเวลา 10 เดือน มีอาจารย์ชาวอิสราเอลเป็นผู้สอน มีการเรียนการสอนในห้องเรียน และบรรยายสรุปการฝึกงานในฟาร์มสัปดาห์ละ 1 วัน มีเจ้าของฟาร์มผู้มีประสบการณ์ให้ความรู้ เช่น วิชาหลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน การวิเคราะห์การเงิน การตลาด การทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์ขนาดใหญ่ การป้องกันกำจัดศัตรูพืช การผลิตผักเพื่อการค้า การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นต้น การทำ Mini-Project นักศึกษาจะต้องทำงานทดลองเริ่มตั้งแต่การวางแผนการทดลอง ดำเนินการทดลอง การเก็บข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูล และการนำเสนอข้อมูล การทัศนศึกษาฟาร์มสวนองุ่น ฟาร์มจระเข้ ฟาร์มปลาสวยงาม สถานีวิจัยพืชผัก และไม้ผล รวมถึงการฝึกปฏิบัติทำงานจริง (on the job training) ในฟาร์ม เช่น ฟาร์มพริกหวาน ฟาร์มไม้ตัดดอก ฟาร์มโคนม และฟาร์มปลาสวยงาม ซึ่งบางฟาร์มจะมีนักศึกษาไทยได้เข้าไปฝึกงานด้วย
จากการดำเนินงานของโครงการฯตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบันมีนักศึกษาจาก วษท. ทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 2,532 คน ทำให้นักศึกษาได้รับโอกาสและประสบการณ์ ทักษะด้านเกษตร ณ ประเทศอิสราเอล ประสบความสำเร็จและสร้างแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมมากมาย อาทิ เป็นข้าราชการ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการเกษตรเจ้าหน้าที่ในบริษัทเอกชน และเป็นเจ้าของกิจการ สวนพันธุ์ไม้ สวนยางพารา
ฟาร์มเลี้ยงโคเนื้อ เป็นต้น
และโครงการความร่วมมือในการฝึกงานนักเรียนนักศึกษาในต่างประเทศ ณ ราชอาณาจักรเดนมาร์ก เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือนานาชาติ ด้านเกษตรกรรม ของสอศ. เพื่อพัฒนานักศึกษาอาชีวศึกษาเกษตรให้มีองค์ความรู้เทียบเท่านานาชาติด้านปศุสัตว์จึงได้ดำเนินความร่วมมือกับ Landokonomisk Rejse Bureau ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดองค์การเกษตรของราชอาณาจักรเดนมาร์ก (Danish Farmer Union) ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการในปี 2538 โดยนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) ทั่วประเทศ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปีที่ 1 สาขาสัตวศาสตร์ สัตวรักษ์ ต้องผ่านการสอบคัดเลือก การฝึกอบรมและการทดสอบ IELTS (คะแนนไม่น้อยกว่า 3.00) โดย สอศ. จะแจ้งรายชื่อพร้อมใบสมัคร ผู้เข้าร่วมโครงการไปยังหน่วยงาน ณ ราชอาณาจักรเดนมาร์ก เพื่อพิจารณานักศึกษาเป็นลำดับสุดท้าย และเนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 รัฐบาลเดนมาร์ก โดยกระทรวงแรงงาน ได้ออกกฎระเบียบในการออกวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน/ฝึกปฏิบัติงาน กำหนดให้นักศึกษาฝึกงานต่างชาติทุกคนต้องแนบใบแสดงผลคะแนนการสอบภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ (TOEFL หรือ IELTS) เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย โดยมีนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ 15-20 คน ต่อปีซึ่งนักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการแล้ว จะต้องเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพในฟาร์มปศุสัตว์ของเกษตรกรเครือข่ายสมาชิก Danish Farmers Union ระยะเวลา 12-18 เดือน และจะได้รับเงินค่ายังชีพเป็นค่าตอบแทน และพักอาศัยอยู่กับครอบครัวเกษตรกรชาวเดนมาร์กในลักษณะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว
โดย สอศ. และ Landokonomisk Rejse Bureau ดำเนินความร่วมมือโครงการมาแล้วกว่า 20 ปี มีนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการนี้แล้ว 442 คน ซึ่งนักศึกษาทุกคนจะผ่านการฝึกงาน เรียนรู้วิชาการทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ มีรายได้และได้ประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างประเทศการปรับตนเองให้เข้ากับผู้คนที่แตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญจะได้รับความรู้และประสบการณ์ ด้านเทคโนโลยีด้านการปศุสัตว์ การผลิตโคนม และสุกรที่ทันสมัย ต่อยอดความรู้ของนักศึกษาทั้งในปัจจุบันและอนาคต
“จากความร่วมมือนานาชาติเพื่อสร้างผู้เรียนอาชีวศึกษาเกษตร สอศ. ตั้งเป้าหมายของการดำเนินงานโครงการความร่วมมือด้านเกษตรกับ Arava International Center for Agricultural Training (AICAT) ประเทศอิสราเอล และความร่วมมือกับ Landokonomisk Rejse Bureau ราชอาณาจักรเดนมาร์ก เพื่อผลิตผู้เรียนอาชีวศึกษาเกษตรได้พัฒนาความรู้ และเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ ทั้งด้านเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์ จากประเทศที่มีความก้าวหน้าสูงทางด้านเทคโนโลยีในระดับต้นๆ ของโลก นักศึกษาจะสามารถนำความรู้และประสบการณ์จริงมาใช้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิ เป็นกำลังคนคุณภาพ มีความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน อีกทั้งยังสามารถนำความรู้จากการฝึกประสบการณ์
ในต่างประเทศมาต่อยอดและถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ให้แก่ชุมชน ซึ่งจะเป็นการพัฒนาอาชีวศึกษาเกษตร เพื่อสร้างอาชีพเกษตรกรรมของประเทศไทยในระยะยาว เป็นอาชีวะสร้างคน สร้างชาติ และสร้างโลกให้มั่นคงและยั่งยืน”
สำหรับผู้ที่สนเข้าร่วมโครงการ หรือ เรียนด้านเกษตรกรรมและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั่วประเทศ หรือ www.vec.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี