วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ประชาสัมพันธ์
การตรวจพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับบทจำกัดสิทธิการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคล

การตรวจพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับบทจำกัดสิทธิการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคล

วันเสาร์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2568, 09.00 น.
Tag : กฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
  •  

ภารกิจสำคัญหนึ่งของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คือ การตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายนั้น ประเด็นสำคัญในการตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย คือ การตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงการตรากฎหมายที่ต้องไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญ กำหนดรองรับสิทธิของบุคคลว่าบุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือเหตุอื่นใด จะกระทำมิได้ ซึ่งหลักการนี้มีเขียนรองรับไว้ในมหากฎบัตรแม็กนาคาร์ต้า (Magna Carta) ด้วย โดยมีการเขียนประกาศยืนยันการให้ความคุ้มครองของรัฐต่อเสรีชนที่ต้องได้รับความเป็นธรรมตามกฎหมายซึ่งกลายเป็นหลักการสำคัญประการหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยในยุคหลัง ดังจะปรากฏในรัฐธรรมนูญของหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เป็นต้น

เพื่อให้เห็นภาพของกฎหมายที่ถือว่าเป็นกฎหมายที่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม จึงขอยกตัวอย่างกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเยอรมนีที่มีเนื้อหาเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่เท่าเทียมกัน ได้แก่ Jim Crow Laws ของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ในช่วงศตวรรษที่ ๑๙ จนถึงกลางศตวรรษที่ ๒๐ โดยเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในพื้นที่ของมลรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ตราขึ้นหลังจากมีการประกาศเลิกทาสตาม 13th Amendment ของรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา โดยกฎหมาย Jim Crow เป็นการรวบรวมกฎหมายที่จำกัดและแบ่งแยกกิจกรรมระหว่างคนผิวขาวและคนผิวสีออกจากกัน ไม่ว่าการศึกษา การสาธารณสุข การทำงาน สิทธิการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันอย่างการใช้ห้องน้ำ ที่จะมีป้ายที่แยกระหว่างคนผิวขาวและคนผิวสีออกจากกัน โดยกฎหมายที่อยู่ในกลุ่มของ Jim Crow Laws ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ถูกยกเลิกโดยคำพิพากษาศาล หรือการตรากฎหมายเพื่อยกเลิก จนกระทั่งมีการตรากฎหมาย Civil Rights Act of 1964 และ the Voting Rights Act of 1965 ซึ่งตราขึ้นเพื่อรองรับสิทธิพลเมืองและรองรับสิทธิการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้กับพลเมืองสหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยถูกจำกัดสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น กลุ่มชนพื้นเมืองอินเดียนแดงซึ่งเคยถูกกฎหมาย Indian Citizenship Act of 1887 ที่เคยบัญญัติว่าชนพื้นเมืองอินเดียนแดงไม่ใช่พลเมืองอเมริกันทำให้ไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ และกฎหมายว่าด้วยสถานะพลเมืองของประเทศเยอรมนี (Civil Status Law) ซึ่งเดิมในมาตรา ๒๒ (๓) ของกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้การแจ้งเกิดของเด็กที่เกิดใหม่นั้น ผู้แจ้งต้องระบุเพศของเด็กที่เกิดโดยกำหนดให้ระบุเพียงเพศชายหรือเพศหญิงเท่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญของประเทศเยอรมนีมีคำวินิจฉัยว่าการที่บทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยสถานะพลเมืองมีทางเลือกให้ระบุได้เพียงเพศชายหรือเพศหญิงเท่านั้น โดยไม่มีการกำหนดเพศทางเลือก ถือว่าบทบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เท่าเทียมกันทางเพศซึ่งขัดรัฐธรรมนูญของประเทศเยอรมนี อันมีผลให้ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวให้การแจ้งเกิดสามารถระบุเพศที่นอกเหนือจากเพศชายหรือเพศหญิงได้


จากตัวอย่างของกฎหมายที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้เราเห็นได้ถึงแนวความคิดและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการตรากฎหมายเหล่านั้น ซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในอดีตของแต่ละประเทศ เช่น การล่าอาณานิคมซึ่งอาจจะมีผลต่อแนวความคิดที่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ เพศ ของประชากรและมีการปฏิบัติต่อบุคคลที่ไม่เท่าเทียมกัน จนกระทั่งต่อมาเกิดแนวความคิดความเท่าเทียมกันระหว่างบุคคล ไม่สามารถแบ่งแยกชนชั้นกันในทางกฎหมายได้ ทำให้มีการตรากฎหมายเพื่อแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายที่เคยมีการเลือกปฏิบัติเหล่านั้นเสียหรือมีคำพิพากษาให้กฎหมายที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติสิ้นผลใช้บังคับ เพื่อให้ทุกคนมีสิทธิภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ในบางกรณีจะมีการตรากฎหมายขึ้นใหม่เพื่อชดเชยสิ่งที่บุคคลเหล่านั้นเคยต้องประสบมาก่อน เช่น การออกกฎหมายเพื่อรับรองสิทธิให้กับชนพื้นเมืองที่เคยไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเช่นเดียวกับพลเมืองทั่วไป หรือกฎหมายที่กำหนดให้บุคคลซึ่งเคยประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการสาธารณะของรัฐ เช่น คนพิการ เป็นต้น ให้สามารถเข้าถึงบริการสาธารณะของรัฐได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ซึ่งในการออกกฎหมายเพื่อชดเชยให้กับชนกลุ่มเปราะบางดังกล่าวอาจมีเนื้อหาที่ให้สิทธิพิเศษบางประการกับกลุ่มบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะแตกต่างจากบุคคลทั่วไป จึงอาจดูเหมือนว่าเป็นการเลือกปฏิบัติระหว่างบุคคลที่ได้รับสิทธิตามกฎหมายกับบุคคลทั่วไป แต่หากพิจารณาจากบริบทเชิงประวัติศาสตร์แล้วจะเห็นว่าบุคคลเหล่านี้เคยประสบความยากลำบากในการเข้าถึงบริการภาครัฐมาก่อน การตรากฎหมายเพื่อทำให้บุคคลกลุ่มเปราะบางเหล่านั้นให้สามารถเข้าถึงบริการสาธารณะได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปจึงเป็นการทำให้บุคคลกลุ่มนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป

การตรากฎหมายในลักษณะนี้แม้ว่าการตรากฎหมายเพื่อให้สิทธิแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติในเชิงบวก หรือ Positive Discrimination ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติที่สามารถทำได้ โดยหลักการในเรื่องของ Positive Discrimination ได้ถูกมากำหนดไว้ในวรรคสี่ของมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ซึ่งกำหนดให้มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิหรือเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น หรือเพื่อคุ้มครองหรืออำนวยความสะดวกให้แก่เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาส ไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาว่ากฎหมายใดเข้าเงื่อนไขนี้หรือไม่นั้น อาจต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเป็นกรณี ๆ ไป โดยต้องคำนึงถึงข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ที่บุคคลดังกล่าวเคยถูกจำกัดมาก่อนด้วย นอกจากนี้ การตรากฎหมายที่มีลักษณะเป็น Positive Discrimination ต้องพิจารณาให้รอบด้านด้วยว่าครอบคลุมกลุ่มเปราะบางทุกภาคส่วนแล้วหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญที่ประสงค์ให้บุคคลทุกคนมีสิทธิเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน  ทั้งนี้ เพื่อให้ได้กฎหมายที่ดีเพื่อทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างทั่วหน้าและเท่าเทียมกัน

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สาระน่ารู้เกี่ยวกับกฎหมายมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกฎหมายการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สาระน่ารู้เกี่ยวกับกฎหมายมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกฎหมายการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
  • การปรับปรุงกฎหมายการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตฯ เพื่อยกระดับการบริการภาครัฐและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน การปรับปรุงกฎหมายการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตฯ เพื่อยกระดับการบริการภาครัฐและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน
  • \'DPU\'เปิดหลักสูตร\'Super LBA 2\'หลักสูตรบูรณาการธุรกิจ เทคโนโลยี และกฎหมาย 'DPU'เปิดหลักสูตร'Super LBA 2'หลักสูตรบูรณาการธุรกิจ เทคโนโลยี และกฎหมาย
  • สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและเครือข่ายนโยบายด้านกฎระเบียบที่ดี ASEAN-OECD GRPN สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและเครือข่ายนโยบายด้านกฎระเบียบที่ดี ASEAN-OECD GRPN
  • การศึกษานโยบายและธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ของญี่ปุ่นด้วย Agile Governance เพื่อการพัฒนาด้านกฎหมายของไทย การศึกษานโยบายและธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ของญี่ปุ่นด้วย Agile Governance เพื่อการพัฒนาด้านกฎหมายของไทย
  • ๙๑ ปี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา “พัฒนากฎหมายที่ดี เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน” ๙๑ ปี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา “พัฒนากฎหมายที่ดี เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน”
  •  

Breaking News

‘นักวิชาการอิสระ’สวด‘นายกฯอิ๊งค์’ คลิปหลุดคุย‘ฮุนเซน’ไม่ใช่เทคนิคการเจรจา

‘ปชป.’ยื้อลากต่อ! รอฉันทามติ กก.บห.เคาะร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาล

เปลี่ยน‘นายกฯ’ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ยื่นเงื่อนไขอยู่ต่อ

'ลูกท็อปไม่ทิ้ง!! 'เปิดเหตุผล'ชทพ.'ยังร่วม'รัฐบาลหลานอิ๊งค์'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved