เศรษฐกิจจีนครึ่งปีแรก 2568 ยังคงเดินหน้าท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ ข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ระบุว่า GDP ขยายตัว 5.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 66.05 ล้านล้านหยวน อยู่ในกรอบเป้าหมายของรัฐบาล ในไตรมาส 2 เศรษฐกิจเติบโต 5.2% YoY และขยายตัว 1.1% QoQ แสดงถึงความสามารถในการรักษาแรงส่ง แม้ภาวะฟื้นตัวจะไม่เท่ากันในแต่ละภาคส่วน
ภาคการผลิตยังเป็นหัวใจหลัก โดยเดือนมิถุนายน ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว 6.8% YoY ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมหนักและเบา เช่น รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรกล ด้านการบริโภค ยอดค้าปลีกครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 5.0% YoY สะท้อนการใช้จ่ายภายในที่ฟื้นตัว แม้เดือนมิถุนายนจะชะลอลงเหลือ +4.8% จาก +6.4% ในพฤษภาคม ซึ่งสะท้อนความระมัดระวังของผู้บริโภคต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
การลงทุนสินทรัพย์ถาวร (FAI) โต 2.8% YoY ได้แรงหนุนจากภาคการผลิตขั้นสูงและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด แต่การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัว 11.2% ซึ่งส่งผลต่อการจ้างงานและความมั่งคั่งครัวเรือน เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยยังชะลอตัว
ความท้าทายและปัจจัยกดดัน
อสังหาริมทรัพย์ – การลงทุนลดลงต่อเนื่องและราคาบ้านใหม่ปรับตัวลงในหลายเมือง แม้มีมาตรการ “white list” เพื่อปล่อยสินเชื่อให้โครงการที่มีศักยภาพ แต่ความเชื่อมั่นผู้ซื้อและนักลงทุนยังเปราะบาง ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้จ่ายและลงทุนของครัวเรือน
ความต้องการภายในประเทศ – เดือนกรกฎาคม ปริมาณสินเชื่อใหม่ติดลบ 5 หมื่นล้านหยวน ครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี สะท้อนว่าภาคธุรกิจและครัวเรือนระมัดระวังการกู้เพื่อลงทุนหรือใช้จ่าย ซึ่งอาจจำกัดแรงขับเคลื่อนจากตลาดในประเทศ
แรงกดดันจากภายนอก – การส่งออกเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 7.2% YoY แต่ส่วนใหญ่เป็นการเร่งส่งก่อนสหรัฐขึ้นภาษีรอบใหม่ ทำให้การเติบโตอาจไม่ต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางสำนักคาดว่า GDP ทั้งปีอาจอยู่ราว 4.6% หากไม่มีแรงกระตุ้นเพิ่มเติม
นโยบายภาครัฐและการปรับโครงสร้าง
รัฐบาลจีนตอบสนองด้วยมาตรการที่ผสมผสานระหว่างการพยุงเศรษฐกิจระยะสั้นและการวางรากฐานระยะยาว 3 ด้านหลัก ได้แก่
กระตุ้นการบริโภค – ขยายโครงการเทรดอินจากรถยนต์ไปสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ดิจิทัล พร้อมเงินอุดหนุน 15–20% และการอุดหนุนดอกเบี้ยกู้เพื่อลดต้นทุนของประชาชน
แก้ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ – เร่งปล่อยสินเชื่อโครงการใน “white list” และลงทุนปรับปรุงชุมชนเมืองเพื่อลดสต็อกบ้านค้างขายและสร้างงาน
ลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง – หนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น NEV หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อยกระดับห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาการนำเข้า
Pan Gongsheng ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBoC) ยืนยันว่า นโยบายการเงินจะ “มุ่งเป้าและระมัดระวัง” เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ส่วน Ni Hong รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่อยู่อาศัยฯ เน้นว่าการเร่งโอนและส่งมอบโครงการที่สร้างเสร็จเป็นกุญแจฟื้นความเชื่อมั่นของตลาด
มุมมองและแนวโน้ม
Liu Qiao คณบดีคณะบริหารกวางหัว มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ระบุว่า การเพิ่มรายได้ครัวเรือนและการกระตุ้นการบริโภคภายในจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้อย่างยั่งยืน และควรทำควบคู่กับการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อสร้างความสามารถแข่งขันระยะยาว เมื่อพิจารณาจากตัวเลขและทิศทางนโยบาย รัฐบาลจีนยังมีพื้นที่ดำเนินมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม โดยแรงหนุนจากภาคการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ อาจช่วยให้เศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง และรักษาบทบาทของจีนในฐานะเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ผู้เรียบเรียง เห็นว่า แม้เศรษฐกิจจีนยังเผชิญความท้าทายจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และแรงกดดันทางการค้า แต่ตัวเลขครึ่งปีแรกสะท้อนว่าจีนยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ในระดับที่น่าพอใจ การผสมผสานมาตรการระยะสั้น เช่น การกระตุ้นการบริโภค กับการลงทุนระยะยาวในเทคโนโลยีและนวัตกรรม ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการพยุงเศรษฐกิจและการวางรากฐานอนาคต หากนโยบายเหล่านี้ดำเนินต่อเนื่องและสามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี และคงบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลกได้อย่างมั่นคง
เรียบเรียงโดย ดร.กฤตติกา เศวตอมรกุล เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร / รองคณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี