วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เสริมศักยภาพคนรุ่นใหม่! DPU–สมาคมไทยบล็อกเชน จับมือสร้างบัณฑิตดิจิทัลคุณภาพ สู่เศรษฐกิจโปร่งใสและยั่งยืน
วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สมาคมไทยบล็อกเชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาองค์ความรู้และเสริมศักยภาพบุคลากรไทยในยุคดิจิทัล ผ่านการ ออกแบบหลักสูตร–การอบรม–การวิจัย และการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้าน Blockchain, AI, IoT , Automation , GAME และ Digital Art สู่การเรียนรู้ในห้องเรียนและการประยุกต์ใช้ในชุมชนอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้าง บัณฑิต นักพัฒนา และผู้บริหารยุคดิจิทัล ที่มีทั้งความรู้เชิงเทคนิค ความเข้าใจผลกระทบทางสังคม และคุณธรรมจริยธรรม พร้อมสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนองค์กรได้จริงในโลกยุคใหม่
พิธีลงนามครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิลาวัลย์ อินทร์ชำนาญ คณบดีวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นผู้แทนลงนามฝ่ายมหาวิทยาลัย
และ ดร.ประเวทย์ ตันติสัจธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เว็บมาสเตอร์ จำกัด ในฐานะ นายกสมาคมไทยบล็อกเชน ร่วมลงนามในนามของสมาคม ณ ห้อง NEXT อาคาร 6 ชั้น 11 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิลาวัลย์ อินทร์ชำนาญ คณบดี วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยกับสมาคมไทยบล็อกเชน เกิดจากการมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีบล็อกเชนเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะด้านความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิทยาลัยจึงต้องการนำความรู้จากภาคอุตสาหกรรมที่มีประสบการณ์จริงเข้ามาอยู่ในห้องเรียน เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากของจริง เข้าใจเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนโลก และสามารถนำไปต่อยอดได้จริงในอนาคต
ภายใต้บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในหลายมิติ โดยครอบคลุมระดับปริญญาโท เน้นการประยุกต์เทคโนโลยีบล็อกเชนกับการพัฒนาแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และดิจิทัลโปรดักต์ เพื่อสร้าง “ความโปร่งใส” ในกระบวนการทำงานขององค์กรและระบบธุรกิจ ส่วนในระดับปริญญาตรี จะมุ่งให้ผู้เรียนเข้าใจแนวคิดด้านความโปร่งใสในโลกดิจิทัล เช่น การออกแบบเกมที่สามารถเล่นและได้รับรางวัล (Earn System) ในรูปแบบของวอลเล็ตหรือคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมเกมยุคใหม่ ขณะที่หลักสูตรด้านดิจิทัลอาร์ต นักศึกษาจะได้เรียนรู้การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะดิจิทัล (NFTs) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการยืนยันความเป็นเจ้าของผลงาน ถือเป็นการเปิดโลกใหม่ให้ศิลปินรุ่นใหม่สามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับงานของตนเองได้อย่างแท้จริง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิลาวัลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับความร่วมมือระยะแรกจะเริ่มต้น โครงการวิจัย “Reward System Based on Blockchain and IoT” ซึ่งเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชันที่นำเทคโนโลยีบล็อกเชนและ IoT (Internet of Things) มาใช้กับระบบรีไซเคิลและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้แยกขยะหรือทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ระบบจะมอบ “รางวัล (Reward)” ในรูปแบบ Utility Token ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลด เติมน้ำมัน หรือแลกสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ได้ ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจในการอนุรักษ์โลกผ่านเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรม
“เรามองว่าโครงการนี้จะสร้างประโยชน์ได้หลายมิติ ทั้งต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสามารถนำมาทดลองใช้จริงภายในมหาวิทยาลัย เช่น ระบบ Depoint ของ DPU ที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันนี้ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ที่แยกขยะหรือร่วมกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นต้นแบบการใช้บล็อกเชนเพื่อสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม” คณบดีวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยี DPU ระบุ
นอกจากงานวิจัยแล้วทั้งสองหน่วยงานยังมีแผนจัดกิจกรรม “Webinar” และ “Guest Lecture” โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมไทยบล็อกเชน มาร่วมบรรยายให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนและนวัตกรรมดิจิทัลในอนาคตแก่นักศึกษา เพื่อถ่ายทอดความรู้จากภาคอุตสาหกรรมโดยตรง เพื่อให้เด็กมองเห็นภาพจริงของอุตสาหกรรม เข้าใจเทรนด์โลกเรื่องความโปร่งใส ดิจิทัลไฟแนนซ์ และดิจิทัลโปรดักส์ ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษานำสิ่งที่เรียนไปต่อยอดเป็นแอปพลิเคชัน หรือนวัตกรรมในองค์กรได้จริง
คณบดีวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยี DPU ทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพของนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัย ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล เนื่องจากเทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสังคมและเศรษฐกิจโลก ซึ่งในอีกไม่เกิน 2–3 ปีข้างหน้า ทุกภาคส่วนจะต้องมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง สำหรับบุคลากรและคณาจารย์ โครงการวิจัยและพัฒนาระบบรีไซเคิลด้วยบล็อกเชนจะเปิดโอกาสให้ต่อยอดผลงานวิจัยไปสู่การใช้งานจริงภายในมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งเชื่อมโยงสู่การพัฒนาชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและเหมาะสำหรับการทดสอบระบบ Reward System เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน นักศึกษาระดับปริญญาโท ที่ทำงานอยู่ในองค์กรสามารถนำองค์ความรู้ด้านบล็อกเชนไปพัฒนาแอปพลิเคชันหรือดิจิทัลโปรดักส์เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กรได้โดยตรง ส่วนนักศึกษาระดับปริญญาตรี โดยเฉพาะสายเกมและดิจิทัลอาร์ต จะได้ฝึกประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการสร้างผลงาน NFTs และสื่อสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มศักยภาพด้านเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังทำให้บัณฑิตของ DPU มีความโดดเด่น มีความพร้อม และสามารถก้าวสู่โลกอาชีพดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ
ด้าน ดร.ประเวทย์ ตันติสัจธรรม CEO บริษัท เว็บมาสเตอร์ จำกัด ในฐานะ นายกสมาคมไทยบล็อกเชน กล่าวถึงจุดเริ่มต้นและทิศทางความร่วมมือว่า ตนเคยเป็นวิทยากรพิเศษในรายวิชา/หลักสูตรของวิทยาลัยฯ และพบว่า นักศึกษาและอาจารย์ให้ความสนใจสูง ต่อเทคโนโลยีบล็อกเชนและ AI ในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ จึงชวนกันยกระดับจากการแลกเปลี่ยนความรู้เป็นกรอบความร่วมมือที่ชัดเจน
“บล็อกเชนไม่ได้มีแค่คริปโต แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ช่วยเรื่อง ‘ความปลอดภัย–ความโปร่งใส–การติดตามตรวจสอบ’ เมื่อผสานกับ AI, IoT และ Automation จะช่วยอุดช่องโหว่ไซเบอร์ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานบนโลกออนไลน์ได้มาก” ดร.ประเวทย์ กล่าว
ดร.ประเวทย์ ยังระบุว่า สมาคมฯ จะสนับสนุน ทีมผู้เชี่ยวชาญหลากสาขา มาร่วมสอน อบรม และให้คำปรึกษาในหัวข้อเฉพาะทาง ทั้งบล็อกเชน AI IoT ไปจนถึงการออกแบบระบบดิจิทัลสำหรับธุรกิจจริง พร้อมเปิดโอกาสสู่ โครงการวิจัยร่วม ตัวอย่างเช่น การประยุกต์บล็อกเชนกับ เมตาเวิร์ส/เกม ที่เชื่อมระบบรางวัลและเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน ตลอดจนกรณีการใช้บล็อกเชนใน ระบบลงคะแนนและกำกับดูแลองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการตัดสินใจภายใน
“ผมเคยทำโครงการ เมตาเวิร์สเชิงเกม ที่ใช้บล็อกเชนเป็นระบบหลังบ้านเพื่อจัดการรางวัลและทรัพย์สินดิจิทัล ซึ่งเคยได้รับการระดมทุนขนาดใหญ่ในช่วงกระแสเติบโต และเชื่อว่าวัฏจักรเมตาเวิร์สจะกลับมาอีกครั้ง เพราะ เกมและคอนเทนต์เชิงโต้ตอบ ยังคงดึงดูดผู้ใช้และสร้างมูลค่าได้ต่อเนื่อง ในอีกมิติหนึ่ง บล็อกเชนยังถูกนำไปใช้ใน ระบบลงคะแนนภายในองค์กร (e-Voting) เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการตัดสินใจขององค์กรที่มีสมาชิกจำนวนมาก (เช่น การโหวตผู้บริหารหรือมติสำคัญ) โดยจำกัดขอบเขตการใช้งานให้เหมาะสมและไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสาธารณะ” นายกสมาคมไทยบล็อกเชน กล่าว
CEO บริษัท เว็บมาสเตอร์ จำกัด กล่าวถึงโครงสร้างการสอนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์จริงว่า การเรียนรู้จะเน้น ลงมือทำ (hands-on) และ ชิ้นงานพิสูจน์ผล (performance-based) นักศึกษาจะได้ทำโปรเจกต์ตั้งแต่การออกแบบระบบ การเขียนสัญญาอัจฉริยะ การทดสอบความปลอดภัยเบื้องต้น ไปจนถึงการจัดทำเอกสารสำหรับการใช้งานจริง
“พื้นฐานต้องปูให้แน่น แต่เมื่อผ่านระดับหนึ่งไปแล้ว นักศึกษาจะเห็นเองว่าบล็อกเชนต่อยอดไปสู่ธุรกิจจริงได้มากกว่าเรื่องคริปโต และสามารถสื่อสารกับทีมเทคนิค–ทีมธุรกิจในองค์กรเดียวกันได้เข้าใจ” CEO บริษัท เว็บมาสเตอร์ จำกัด ระบุเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ดร.ประเวทย์ ยังระบุถึงประโยชน์ที่นักศึกษาจะได้รับ คือหลักสูตรการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ ที่เน้นโจทย์จริงของอุตสาหกรรม ,โอกาสเรียนกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ผ่านเวิร์กชอปและที่ปรึกษาเฉพาะด้าน ,งานวิจัยและผลงานวิชาการ ที่ต่อยอดได้ทั้งเชิงธุรกิจและผลประโยชน์สาธารณะ ,ยกระดับสมรรถนะดิจิทัลของบุคลากร สร้างคนพร้อมงาน ขับเคลื่อนองค์กรและอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี