14 ต.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.56 น.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พล.ท.หญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช
ต่อมาเวลา 16.00 น.สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศน์วิหาร เดินนำขบวนเชิญพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จตามพระบรมศพ
เมื่อพระบรมศพถึงชั้นล่างของอาคารเฉลิมพระเกียรติ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เชิญพระบรมศพขึ้นสู่รถเชิญพระบรมศพ ที่เทียบรออยู่หน้าประตูทางเข้าลิฟท์ (ชั้นใต้ดิน) คณะแพพย์และพยาบาลที่ถวายการรักษาตามเสด็จ
จากนั้นเวลา 16.32 น.ขบวนรถเชิญพระบรมศพเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยออกจากโรงพยาบาลศิริราช ทางประตู 8 เลี้ยวขวาที่แยกศิริราช เข้าสู่ถนนอรุณอมรินทร์ ขึ้นสะพานอรุณอมรินทร์ ผ่านแยกอรุณอมรินทร์ แล้วเลี้ยวขวาขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินใน เลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน ขบวนพระบรมศพเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี สู่พระที่นั่งพิมานรัตยา (เป็นพระที่นั่งสร้างขึ้นพร้อมกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นวิมานบรรทมของสมเด็จพระมหากษัตริย์ ระยะหลังเป็นที่สรงน้ำพระบรมศพพระมหากษัตริย์ในราชกาลต่างๆ) ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายน้ำสรวงพระบรมศพ จะเชิญพระบรมศพเข้าสู่หีบพระศพ และเชิญพระบรมศพมาประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ต่อมาในเวลา 16.56 น.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จประทับรถตู้พระที่นั่งสีครีมทอง ทะเบียน 1ด-0968 (กลับไปประทับ ณ สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต) ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวล ยังความปลาบปลื้มใจให้แก่เหล่าพสกนิกรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ที่พร้อมใจกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่ว หลายคนถึงกับร่ำไห้ด้วยความตื้นตันใจที่ได้เห็นพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น