เถลิงถวัลยราชสมบัติ
รัชกาลที่10
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เสด็จออกมหาสมาคม
สมเด็จพระเทพฯทรงนำ
ถวายพระพรชัยมงคล
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุข แห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
เมื่อเวลา 09.58 น. วันที่ 4 พฤษภาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร พุทธศักราช 2562
รถยนต์พระที่นั่งเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี เทียบที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จ
เสด็จฯสรงน้ำพระมุรธาภิเษก
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ บูชาพระรัตนตรัย แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์สมณศักดิ์ รวม 5 รูป ขึ้นนั่งบนอาสนะ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานสงฆ์ ถวายศีล จบแล้ว เสด็จเข้าในหอพระสุราลัยพิมาน ทรงเศวตพัสตร์ ทรงสะพักขาวขลิบทองพระมหาราชครูพิธีศรีสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ กราบบังคมทูลเชิญเสด็จไปมณฑปพระกระยาสนาน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้ายังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ มีริ้วขบวนนำและตามเสด็จ จากพระที่นั่งไพศาลทักษิณไปยังชาลาพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเงินเทียนทองสังเวยเทวดากลางหาว แล้วเสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนานประทับเหนือตั่งอุทุมพรราชอาสน์ แปรพระพักตร์ สู่ทิศบูรพาเพื่อสรงพระมุรธาภิเษก โหรหลวงลั่นฆ้องชัย
เวลา 10.26 น. ตามเวลาฤกษ์ระหว่าง 10.09-12.00 น. พลอากาศเอก สถิตพงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เปิดพระครอบพระมุรธาภิเษก รัชกาลที่ 1 ถวาย ทรงวักน้ำจากพระครอบพระมุรธาภิเษก รัชกาลที่ 1 สรงพระนลาฏ พลอากาศเอก สถิตพงษ์ไขสหัสธาราอันเจือด้วยน้ำเบญจสุทธคงคาในแม่น้ำสำคัญทั้ง 5 ของราชอาณาจักรไทย ได้แก่ แม่น้ำเพชรบุรี ตักบริเวณท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ ต.สมอพลือ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี แม่น้ำราชบุรี ตักที่บริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงษ์ ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม แม่น้ำเจ้าพระยา ตักที่ ต.บางแก้ว บริเวณปากคลองบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง แม่น้ำป่าสัก ตักที่บริเวณบ้านท่าราบ ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี แม่น้ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ ต.พระอาจารย์ อ.องครักษ์ จ.นครนายก รวมทั้งน้ำ 4 สระคือ สระเกษ สระแก้ว สระคงคา และสระยมนา ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเคยเป็นน้ำสรงพระมุรธาภิเษกสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชตามราชประเพณีมาแต่โบราณกาล
ทหารยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ
ขณะนั้น โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พระสงฆ์ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระมหามณเฑียรสถาน เจริญชัยมงคลคาถา พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ ทหารปืนใหญ่ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค กระบอกละ 10 นัด (ตามกำลังวันเสาร์) ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 101 นัด
พระสังฆราชถวายน้ำพระพุทธมนต์
ต่อมาเวลา 10.29 น. เมื่อสรงสหัสธาราแล้ว สมเด็จพระสังฆราช พระอนุวงศ์ และพราหมณ์ ถวายน้ำพระพุทธมนต์ และน้ำเทพมนต์ ตามลำดับ ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราช ถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยพระครอบพระกริ่ง รัชกาลที่ 4 ที่พระปฏษฎางค์เสด็จลงจากมณฑปพระกระยาสนาน และเสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนานทางทิศตะวันออก ถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยพระครอบยันต์เดิม รัชกาลที่ 4 ที่พระหัตถ์ เสด็จลงจากมณฑปพระกระยาสนานพลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษก ที่พระหัตถ์ด้วยพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลที่ 5 พลตรีหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระเต้านวเคราะห์ รัชกาลที่ 4 ทรงวักน้ำและทรงแตะที่พระนลาฏ
พระมหาราชครูถวายน้ำเทพมนตร์
พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ที่พระหัตถ์ด้วยพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลที่ 1 ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์เพชรใหญ่ ทรงรับและทรงสรงน้ำเทพมนตร์เหนือเส้นพระเจ้าทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์เพชรน้อย ทรงรับและทรงสรงน้ำเทพมนตร์เหนือเส้นพระเจ้า ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์พิธีพราหมณ์ที่พระหัตถ์ ทรงรับใบมะตูมทรงทัดแล้วทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์ทอง พระมหาสังข์นาก พระมหาสังข์เงิน พระมหาสังข์งา พระมหาสังข์สัมฤทธิ์ พระครอบเฟือง (สัมฤทธิ์) แล้วทูลเกล้าฯ ถวายแหวนใบกระถินทรงสวม ที่พระอนามิกาหรือนิ้วนางขวา แล้วลงจากมณฑปพระกระยาสนาน และถวายบังคม 3 ครั้ง
พระอนุวงศ์ถวายพระเต้าน้ำอภิเษก
ลำดับต่อไปหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคล เสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนาน ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าน้ำอภิเษกต่างๆ รวม 22 พระเต้า ได้แก่ พระเต้าทองเกลี้ยง, พระเต้ามงคลแปด, พระเต้าเบญจคัพย์รอง รัชกาลที่ 1, พระเต้าปทุมนิมิตทอง รัชกาลที่ 1, พระเต้าปทุมนิมิตนาก รัชกาลที่ 1, พระเต้าปทุมนิมิตเงิน รัชกาลที่ 1, พระเต้าปทุมนิมิตสัมฤทธิ์ รัชกาลที่ 1, พระเต้าบัวหยกเขียว รัชกาลที่ 4, พระเต้ากลีบบัวแดง, พระเต้ากลีบบัวขาวยอดเกี้ยว รัชกาลที่ 5, พระเต้ากลีบบัวใหญ่ รัชกาลที่ 4
พระเต้าห้ากษัตริย์ทองคำ รัชกาลที่ 4, พระเต้าห้ากษัตริย์นาก รัชกาลที่ 4, พระเต้าห้ากษัตริย์เงิน รัชกาลที่ 4, พระเต้าห้ากษัตริย์สัมฤทธิ์ รัชกาลที่ 4, พระเต้าห้ากษัตริย์หินอ่อน รัชกาลที่ 4, พระเต้าโมราดำ, พระเต้านวเคราะห์ รัชกาลที่ 4, พระเต้าไกรลาส รัชกาลที่ 4, พระเต้าศิลาจารึกอักษร รัชกาลที่ 4, พระเต้าศิลา 5 ห้อง รัชกาลที่ 4, พระเต้าเทวบิฐ รัชกาลที่ 4
การนี้ ทรงรับพระเต้ารดพระองค์ที่พระอังสาซ้าย - ขวา เว้นแต่พระเต้าเทวบิฐ รัชกาลที่ 4 ทรงรดที่พระชงฆ์และพระบาท แล้วหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคล เสด็จลงจากมณฑปพระกระยาสนาน และถวายบังคม 3 ครั้ง จากนั้น เลขาธิการพระราชวัง ถวายบังคม 3 ครั้ง ขึ้นมณฑปพระกระยาสนาน ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ ทรงรับและทรงสรงน้ำเทพมนตร์เหนือเส้นพระเจ้า
เมื่อสรงมุรธาภิเษกเสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยืน พันตำรวจโท ปัญญา สุดาทิพย์ สอดฉลองพระบาทถวาย นายมนัส เสือเปลี่ยว ถวายฉลองพระองค์คลุม เสด็จลงจากมณฑปพระกระยาสนาน
ทรงรับน้ำอภิเษก8ทิศ
จากนั้นเวลา 11.39 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ภายใต้พระบรมเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่บูรพาทิศเป็นปฐม
พันโทสมชาย กาญจนมณี ปฏิบัติหน้าที่สมุหพระราชพิธี ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษกประจำทิศโดยทักษิณาวรรต ดังนี้ ทิศบูรพา (ตะวันออก) พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณสวัสดิวัตน์ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกด้วยถ้วยศิลาจารึกพุทธคาถาเป็นทิศแรกแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระครอบเฟือง(สัมฤทธิ์) เสร็จแล้ว ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์ประจำทิศที่พระหัตถ์ทุกทิศตามลำดับ หลังผู้ถวายน้ำอภิเษก
ทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล ทิศทักษิณ(ใต้) พลโท หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ทิศประจิม (ตะวันตก) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทิศพายัพ (ตะวันออกเฉียงเหนือ) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทิศอุดร (เหนือ) นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) นายจรัส สุวรรณเวลา ราชบัณฑิต
น้ำอภิเษกนี้ คือน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเทพมหานคร และ 76 จังหวัด ซึ่งได้พลีกรรมตักไปประกอบการพระราชพิธีแล้วมาทูลเกล้าฯ ให้ทรงแผ่พระราชอาณาปกครองประชาชนในทิศทั้ง 8 ตามลำดับ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จแปรที่ประทับทรงรับน้ำอภิเษกนั้นไปตามทิศ แล้วประทับทิศบูรพา (แทนทิศกลาง) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกสำหรับทิศกลาง แล้วเจ้าพนักงานเชิญพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรมามอบให้พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ น้อมเกล้าฯ ถวาย ทรงรับและพระราชทาน
ผู้เชิญรับเชิญไว้
ถวายเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ
เวลา 11.51 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ โดยริ้วขบวนไปประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพา พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ กล่าวเวทสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกรลาส จบแล้ว เจ้าพนักงาน เชิญเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศจากพระแท่นมณฑลมีพระสุพรรณบัฏ พระปรมาภิไธย เบญจราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัตราวุธ มามอบให้พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับแล้วทรงสวมและทรงวางบางองค์ไว้บนโต๊ะ 2 ข้างพระที่นั่งภัทรบิฐ เมื่อถวายพระธำรงค์วิเชียนจินดาแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ สอดฉลองพระบาทเชิงงอนถวาย เจ้าพนักงานเชิญเครื่องขัตติยราชูปโภคมาทอดถวายตามลำดับ พระราชพิธีดังกล่าวถือเป็นช่วงสำคัญที่สุด ทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ หลังจากนี้ การออกพระนามทั้งหมดต้องเรียกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ลำดับต่อมานายจิตรพัฒน์ ไกรฤกษ์ เชิญพระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธยจากพระแท่นมณฑล มอบพระมหาราชครูพิธีศรี
วิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค กระบอกละ 10 นัด (ตามกำลังวันเสาร์) ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 101 นัด พระสงฆ์ในพระอารามทั่วราชอาณาจักรย่ำระฆังถวายชัยมงคล พระอารามละ 7 ลา เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ถวายอนุษฏุภศิวมนตร์ แล้ว ถวายพระพรชัยมงคล
ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ พระราชทานอารักขาแก่ประชนชาวไทย ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ รับพระปฐมบรมราชโองการว่า “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระบรมราชโองการสุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ” พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ กราบถวายบังคม 3 ครั้ง ทรงหลั่งทักษิโณทก ตั้งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจปกครองราชอาณาจักรไทยโดยทศพิธราชธรรมจริยา
สถาปนา “สมเด็จพระราชินี”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศ พระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระราชินีให้ทรงดำรงราชฐานันดรศักดิ์ เป็น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามมินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริว่าตามราชประเพณีสืบมาแต่โบราณ เมื่อสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว ย่อมโปรดให้สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระอัครมเหสี ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และในครั้งนี้ก็มีพระราชหฤทัยประสงค์ที่จะให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีนั้น
จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศ สมเด็จพระราชินีสุทิดา ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ให้มีพระเกียรติยศสมบูรณ์ ตามราชประเพณีดังกล่าวนั้น จงทุกประการ
ขอพระอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และเทพเจ้าทั้งหลายจงดลบันดาลอภิบาลรักษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ให้ทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล อัฐวิบูลย์มนูญผล สกลเกียรติยศเดชานุภาพทุกประการ เทอญฯ
ประกาศ ณ วันที่ 4 พฤษภาคมพุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน
จากนั้น สมเด็จพระราชินี เสด็จสู่หน้าพระที่นั่งภัทรบิฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ พระราชทานใบมะตูม ทรงเจิม และพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตน์ราชวราภรณ์ และเครื่องราชอิสริยยศราชูปโภค แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯไปประทับพระราชอาสน์เบื้องซ้ายพระที่นั่งภัทรบิฐ
ทรงโปรยพิกุลเงินพิกุลทอง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเปลื้องพระมหาพิชัยมงกุฎ ทรงปลดพระธำมรงค์รัตนวราวุธ พระธำมรงค์วิเชียรจินดา พระราชทานผู้เชิญรับเชิญไว้ ทรงโปรยดอกพิกุลทอง พิกุลเงิน พระราชทานแก่พราหมณ์แล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ถอดฉลองพระบาทเชิงงอนทรงโปรยดอกพิกุลทอง พิกุลเงิน พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ และผู้เข้าเฝ้าฯ ทรงพระดำเนินออกจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทางพระทวารเทวราชมเหศวร พ.ต.อ.ธรรมนิธิ
วนิชย์ถนอม มหาดเล็กเชิญพระแสงดาบคาบค่ายตามเสด็จ
สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร ดับเทียนชัย พระสงฆ์ทั้งนั้น เจริญคาถา ดับเทียนชัย ทรงพระประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 80 รูป ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่งแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน
ร.10เสด็จฯออกมหาสมาคม
ต่อมา เวลา 14.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม รับการถวายพระพรชัยมงคล ในการนี้ ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า เสด็จออกพระทวารเทวราชมเหศวร มายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์บนพระราชบัลลังก์ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ มีมหาดเล็กเชิญราชกกุธภัณฑ์ พระแสงรายตีนตอง พระแสงอัษฎาวุธ และถวายอยู่งานพัดโบก เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร เจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญาณชาวพนักงานประโคมกระทั่ง แตร มโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
ขณะนั้น ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณบดีทูตและคณะทูตานุทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและคณะ ประธานศาลฎีกาและคณะ ประธานองค์กรอิสระและคณะ ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และสมาชิกจุลจอมเกล้า เฝ้าฯ รับเสด็จ
สมเด็จพระเทพฯทรงนำถวายพระพร
เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนามคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูล พระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนามสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนามของข้าราชการตุลาการ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสตอบ เจ้าพนักงานรัวกรับและปิดพระวิสูตร ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่เกยพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ที่ท่าราชวรดิฐ ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก
จากนั้น เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯโดยขบวนราบใหญ่ไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก พระสงฆ์ 80 รูป ถวายพระพร จากนั้น เสด็จไปถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร ถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ สดับปกรณ์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท