วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
พสกนิกรกราบถวายอาลัย
พระพันปีหลวง
เนืองแน่นในช่วงวันหยุด
พสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศ ใช้โอกาสในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เข้ากราบถวายความอาลัย “สมเด็จพระพันปีหลวง” ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อย่างเนืองแน่น ขณะที่ กทม. แจ้งปรับเวลาเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ 24-25 พฤศจิกายน 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 สำนักพระราชวัง รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น.
โดยตลอดวันนี้ ได้มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศใช้โอกาสวันหยุดราชการพร้อมใจกันใส่ชุดสุภาพสีดำไว้ทุกข์เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพฯ เบื้องหน้าพระโกศอย่างเนืองแน่น และมีราชสกุลนรินทรกุล ราชสกุลเจษฎางกูร ราชสกุลนรินทรางกูร ราชสกุลเทพหัสดิน ราชสกุลมนตรีกุล ราชสกุลอิศรางกูร ราชสกุลอินทรางกูร ราชสกุลทัพพะกุล ราชสกุลสุริยะกุล ราชสกุลฉัตรกุล ราชสกุลพึ่งบุญ ราชสกุลดารากร ราชสกุลดวงจักร ราชสกุลสุทัศน์ ราชสกุลปาลกะวงศ์ ราชสกุลเสนีวงศ์ มาร่วมพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นอกจากนี้ มีคณะบุคคลจากจังหวัดต่างๆ อาทิ จ.นครศรีธรรมราช, จ.นครสวรรค์, จ.นราธิวาส และ จ.นนทบุรี, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ, ประธานชมรมพิพิธสยาม, บริษัท กิ๊ฟ ดีไซน์ จำกัด, บริษัท เอส.เจ.บี.เมทเทิล จำกัด, คณะศิษย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร เข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพ และวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงพระราชทานโครงการต่างๆ ช่วยเหลือประชาชน ทั้งด้านอาชีพ ทุนการศึกษา สาธารณสุข เพื่อให้พสกนิกรมีอาชีพมีความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนและมีสุขภาพอนามัยที่ดีขึ้น
ทางด้าน อ้อย-จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา อาชีพดารานักแสดง กล่าวว่า ตอนที่ตนอายุ 3-4 ขวบ คุณแม่ให้ใส่กระโปรงสวยๆ ถือช่อดอกไม้อยู่ริมทาง รับเสด็จ สมเด็จพระพันปีหลวง ท่านก็จอดรถและเราก็ได้ถวายดอกไม่ให้พระองค์ท่าน รอยยิ้มพระองค์ท่านทรงมีพระเมตตา ตนรู้สึกอบอุ่นมากๆ และดีใจประทับใจมากๆ หลังจากนั้น ก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่านหลายครั้งเนื่องจากตามคุณพ่อไปในวัง ก็มีโอกาสได้ถวายดอกไม้พระองค์ท่านอีกหลายครั้ง และในช่วงที่ถ่ายภาพยนตร์ เรื่องสุริโยไท ก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตากับตนมากๆ ทรงมีพระเมตตากับทุกคน ร้อยยิ้มของพระองค์ท่านมีแต่ความจริงใจ มีแต่ความอบอุ่น พระองค์ท่านจะสอน ก็ถือว่าตนมีบุญที่ได้เข้าเฝ้าฯ ท่านหลายครั้ง และถือว่ามีบุญมากที่ได้เกิดในประเทศไทย มีพระมหากษัตริย์ มีพระราชินีที่ทรงมีพระเมตตาและรักประชาชนจริงๆ
อ้อย-จิระวดี เล่าต่อว่า เมื่อปี 2530 ได้มาทำงานให้กับกองปราบ ตำรวจอาสา ก็ได้มีโอกาสเดินทางไปบนดอย อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย นำผ้าห่มไปแจกชาวบ้าน ช่วงหน้าหนาว การเดินทางลำบากมาก เห็นชาวบ้านยังใช้กระบอกไม้ไผ่หุงข้าวกิน ความเป็นอยู่
ลำบากมากๆ ก็ถามชาวบ้านว่าเคยมีหน่วยงานไหนไปดูแลบ้างไหม ชาวบ้านบอกไม่มีเลย มีแต่ในหลวง ร.9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ลุยน้ำเสด็จฯไปเยี่ยมราษฎรที่นั่น พระองค์ท่านเสด็จไปช่วยเหลือประชาชนที่ยากไร้ ตนเห็นด้วยตาตนเองว่าทั้งสองพระองค์ทำเพื่อประชาชนจริงๆ แต่น้องๆ คนรุ่นหลังๆ บางคน ไม่รู้ว่าทั้งสองพระองค์เป็นใครไม่รู้จัก จึงอยากให้รัฐบาลส่งเสริมให้คนไทยได้เรียนประวัติศาสตร์ เพื่อให้รู้ว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ของไทยเรานั้นทรงทำอะไรเพื่อช่วยเหลือประชาชนมากมายแค่ไหน อยากให้คนรุ่นใหม่ดูข่าวบ้าง เปิดตา เปิดใจบ้าง ว่าสิ่งที่พระองค์ท่านทำให้กับประเทศชาตินั้นสมควรที่จะระลึกถึงแค่ไหน และจะรู้ว่าพระเมตตาของพระองค์ท่านที่มีต่อประชาชนนั้นมีมากแค่ไหน แล้วคุณจะรักและภูมิใจในความเป็นไทย
“สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงมีพระราชเสาวนีย์ ตรัสบ่อยครั้งว่า คนไทยต้องมีวัฒนธรรม การพูดจาต้องพูดให้ไพเราะ และเวลาท่านเสด็จไปเยี่ยมราษฎร ท่านจะทรงถามว่ามีอะไรลำบากไหม ตกทุกข์ได้ยากไหม คนที่เจ็บป่วยไม่มีเงินรักษา ทหารที่บาดเจ็บขาขาด พระองค์ท่านก็ทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เพื่อให้กลับมามีชีวิตที่ปกติสุขได้ และที่ไหนมีอุทกภัยหรือมีภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้นจะเห็นสิ่งของพระราชทานส่งไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนเสมอ และทรงพระราชทานแนวทางต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งการสร้างสะพาน สร้างโรงพยาบาล เพื่อให้พสกนิกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วันนี้ได้มาเห็นว่าประชาชนจำนวนมากเดินทางมาถวายความอาลัยด้วยใจ เพื่อมากราบพระองค์ท่านที่ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณช่วยเหลือประชนและรักประชาชนจริงๆ” อ้อย-จิระวดี กล่าว
ขณะที่ นายฐานวุฒิ ถนอมชู นักวิชาการเกษตร อบต.ท่าอุเทน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมประชาชนพื้นที่ อบต.ท่าอุเทน เพื่อมาถวายความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงมีโครงการพระราช
ดำริต่างๆ ไปช่วยเหลือประชาชนในทุกภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ส่งเสริมในเรื่องการทอผ้าไหม ผ้าไทย การอนุรักษ์ธรรมชาติ การอนุรักษ์น้ำ รณรงค์ส่งเสริมการปลูกหญ้าแฝก ซึ่งชาว อบต.ท่าอุเทน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากการส่งเสริมผ่านโครงการต่างๆ ของพระองค์
ขณะที่ นายไทวุฒิ ขันแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังติดตามการดำเนินงานประจำวันของกรุงเทพมหานคร เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การดูแลประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ และทั่วถึง
รองปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่าการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในวันที่ 21 พ.ย.2568 มีประชาชนเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง รวมจำนวน 8,994 คน ส่งผลให้ยอดสะสมตั้งแต่วันแรกอยู่ที่ 119,367 คน โดยกรุงเทพมหานครได้ระดมกำลังทุกภาคส่วนร่วมดูแลและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 24-25 พ.ย.2568 สำนักพระราชวัง มีการปรับเวลาการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ซึ่งมีบางช่วงปิด-เปิดพื้นที่ไม่ตรงกับเวลาปกติ เพื่อป้องกันการเดินทางคลาดเคลื่อน และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนอย่างดีที่สุด เนื่องจากมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพได้ตั้งแต่ 08.00 - 14.00 น.ปิดจุดคัดกรองเวลา 13.00 น. สำหรับช่วงเวลาเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (สำหรับนักท่องเที่ยว) เปิดให้เข้าชม 08.30 -
12.00 น.
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาปกติในการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ แบ่งเป็น4 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วงที่ 1 เวลา 08.00 -10.45 น. ช่วงที่ 2 เวลา 12.00 - 16.45 น. ช่วงที่ 3 เวลา 17.45 - 18.30 น. ช่วงที่ 4 เวลา 19.45 - 21.00 น.