วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ประชาชนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมศพ“สมเด็จพระพันปีหลวง”เบื้องหน้าพระโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อย่างต่อเนื่องด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 สำนักพระราชวัง รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น.
สำหรับวันนี้ สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ตั้งแต่เวลา 08.00- 14.00 น. ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้ปรับเวลาเนื่องจากวันที่ 24-25 พ.ย.2568 มีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัย วันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ครบ 100 ปี พุทธศักราช 2568 และ พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยวันคล้ายวัสสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า ครบ100ปีและถวายพระราชสมัญญา พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2568
เช้าวันนี้ ได้มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสุภาพสีดำไว้ทุกข์ เดินทางมาเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ เบื้องหน้าพระโกศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มีคณะบุคคลจากจังหวัดต่าง ๆ อาทิ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, ปัตตานี,พระนครศรีอยุธยา, คณะนักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ, สมาคม สรีตาบอดในประเทศไทย, สมาคมบัณฑิตตาบอดไทย, สมาคมส่งเสริมอาชีพและสวัสดิการคนตาบอด, สมาคมคนตาบอดกรุงเทพมหานคร อำนวยความสะดวกโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.), สภาการแพทย์แผนไทยและนักศึกษาแพทย์แผนไทย รุ่น 22 โรงเรียนภัทรเวชสยามการแพทย์แผนไทย เป็นต้น เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ และวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระราชทานโครงการต่างๆช่วยเหลือประชาชนให้มีอาชีพมีความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนขึ้น
โดยมีข้าราชบริพารหน่วยราชการในพระองค์ เจ้าหน้าที่สํานักพระราชวัง จิตอาสา 904 และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อย รวมถึงให้คำแนะนำอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการที่นั่งวิวแชร์และประชาชนตลอดเส้นทาง เพื่อให้การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ และมีบริการ”ชัตเตอร์ บัส”รับ-ส่งบริเวณทางออกหน้าประตูเทวาภิรมย์ ไปยังท้องสนามหลวงด้วย
ด้าน นายพรชัย หาญศรี อายุ 54 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งพิการเนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถทับเมื่อปี 2555 กล่าวว่า ตนปั่นวีลแชร์มาจาก อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.มาถึงท้องสนามหลวงเที่ยงคืนของวันที่ 23 พ.ย. แล้วเข้าจุดคัดกรองที่ท้องสนามหลวง เช้าวันนี้ปั่นวีลแชร์เพื่อจะเข้าไปกราบสักการะพระบรมศพ โดยมีจิตอาสาคอยอำนวยความสะดวกดีมากๆ.jpg)
นายพรชัย กล่าวว่า การที่ตนถือพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระพันปีหลวงทรงอุ้มในหลวง ร.10 ตอนทรงพระเยาว์ สื่อความหมายแม่รักลูก ซึ่งตนก็ถือเป็นลูกของพระองค์ท่านคนหนึ่ง เมื่อปี 2559 ตนก็ตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพพ่อหลวง ร.9 วันนี้อยากมากราบแม่แห่งแผ่นดิน ที่ทรงพระราชทานอาชีพ และหลักเศรษฐกิจพอเพียง ผมได้เข้าไปฝึกอาชีพที่โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งในหลวง ร.9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ทรงให้สร้างไว้ ทั้งสองพระองค์เสด็จฯไปศูนย์อพยพที่ จ.สระแก้ว หลังจากที่ท่านเสด็จกลับมา ก็ทรงเห็นว่าที่ตรงนั้นเป็นดินทราย ท่านก็ขอซื้อที่ดินตรงนั้น แต่ชาวบ้านถวายให้พระองค์ท่าน เพื่อสร้างโครงการฯนี้ขึ้นมา เพื่อพัฒนาดินที่เป็นดินทราย และส่งเสริมการปลูกป่า การสร้างอาชีพให้เกษตรกร ผ่านการฝึกอบรม การเกษตรทฤษฎีใหม่, การเกษตรผสมผสาน, การประมง, และศิลปาชีพพิเศษ ฝึกการเย็บปักถักร้อย การจักสาร สร้างอาชีพให้กับประชาชน ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง ให้มีรายได้เพิ่ม ณ วันนี้ตรงนี้ก็อุดมสมบูรณ์ ตนก็ได้มีโอกาสไปฝึกอาชีพทางด้านจักสานเย็บปักถักร้อยและตอนนี้ผมก็ยึดอาชีพเกษตรกร เพื่อสร้างรายได้ และตอบโจทย์เศรษฐกิจพอเพียง เราสามารถเก็บเล็กผสมน้อย พ่อหลวงสอนไว้อย่างแยบยลมาก แม่หลวงก็สอนให้เรามีอาชีพ สอนการแปรรูปสิ่งของที่เรามีเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม
“ความทรงจำที่มีต่อสมเด็จพระพันปีหลวง ผมจำทุกอย่าง ทั้งด้านรักลูก ด้านอาชีพ พระองค์ท่านทรงส่งเสริมเกี่ยวกับเรื่องผ้า และของที่อยู่ในป่า พระองค์ท่านทรงมีพระเนตรกว้างไกล ว่าของนั้นสามารถมีประโยชน์ นำมาสร้างเป็นอาชีพ สร้างเป็นของใช้ในครัวเรือนได้ หรือนำมาเป็นของแบรนเนมขึ้นชื่อของประเทศไทยได้ ผมเห็นตรงนี้ ผมจึงเคารพและศรัทธาพระองค์ท่านอย่างมาก และเป็นแรงบันดาลใจให้ผมปั่นวีลแชร์มา การสูญเสียแม่แห่งแผ่นดินรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ผมเดินทางมาผมไม่รู้จักใคร แต่ระหว่างทางมีคนยิ้มให้และทักทาย ก็มีกำลังใจ บางคนบอกกับผมว่าเขามากราบไม่ได้นะ เขาขอฝากใจไปด้วยและขอจับมือผม วันนี้มือที่เขาจับ ผมจะมากราบพระองค์ท่าน“ นายพรชัย กล่าวด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน
ขณะที่ ดร.พท.ภัทราภรณ์ เอกวิทยาเวชนุกูล จิตอาสาสภาการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า คณะจิตอาสาสภาการแพทย์แผนไทย เข้ากราบพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวงเพื่อแสดงความอาลัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เมื่อครั้งที่สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จฯ ไปต่างจังหวัดหรือท้องถิ่นที่ห่างไกล จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานตรวจรักษาประชาชนและทรงสนับสนุนการใช้สมุนไพรไทยในการรักษาชาวบ้านในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศไทย รวมถึงทรงมีโครงการพระราชดำริอนุรักษ์ป่า ซึ่งป่าที่อุดมสมบูรณ์ถือเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะสมุนไพรธรรมชาติมากมาย อดีตคนในชนบทเข้าถึงการแพทย์ได้ยาก ซึ่งแพทย์แผนไทยอยู่ใกล้ชิดประชาชน มีแพทย์พื้นบ้านแนะนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคแก่ชาวบ้าน แม้แต่พืชผักสวนครัวนำมาใช้ดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวได้ โดยเริ่มต้นจากดูแลตัวเอง ครอบครัว และชุมชน
“สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงมีพระวิสัยทัศน์กว้างไกลส่งเสริมการใช้แพทย์แผนไทย นำสิ่งใกล้ตัวมารักษา ปรับสมดุลร่างกายก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต โดยที่ต้นทุนไม่มาก รวมถึงเป็นต้นทุนที่มีอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ ช่วยเหลือประชาชนให้มีสุขภาพที่ดี พึ่งพาตัวเองได้ ชุมชนดูแลชุมชน โดยไม่เป็นภาระของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ซึ่งมีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ทั้งยังทรงเป็นแบบอย่างให้กับเหล่าแพทย์แผนไทยทุ่มเททำงานเพื่อดูแลสุขภาวะของประชาชน” จิตอาสาสภาการแพทย์แผนไทย กล่าว
ดร.พท.ภัทราภรณ์ กล่าวว่า เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระพันปีหลวง ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้สภาการแพทย์แผนไทยจัดทีมจิตอาสาแพทย์แผนไทยตั้งจุดบริการประชาชนในพื้นที่สนามหลวง เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนที่เดินทางมาเข้ากราบ แจกจ่ายยาดมสมุนไพรสูตรดอกไม้หอมมีส่วนประกอบสำคัญ คือ ดอกมะลิ ซึ่งนอกจากมีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ลดอาการวิงเวียนศรีษะแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ของแม่แห่งชาติ สื่อความรักบริสุทธิ์ ความกตัญญู แล้วยังมียาดมสมุนไพรเปลือกสมุลแว้งมีกลิ่นหอมเฉพาะ ประชาชนที่เข้ากราบจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุ รวมถึงคณะเดินทางไกลจากต่างจังหวัด พบมีอาการวิงเวียนศีรษะและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ สามารถมารับยาดมและใช้บริการนวดแผนไทยได้ เหล่าจิตอาสาแพทย์แผนไทยจะทำหน้าที่ดูแลประชาชนด้วยหัวใจเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ท่าน“ ดร.พท.ภัทราภรณ์ กล่าว