ล้างตานัดชิง!

สเปนปึ้กดวลอัซซูรี่

สถิติ‘กระทิง’ข่มมิด

‘สิงโต’ปรับทัพอื้อ

‘เคน’ปักหอกตัวจริง

บู๊แข้ง‘ไอซ์แลนด์’

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 15 หรือ ยูโร 2016 
ในวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายนนี้ เดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย 2 คู่สุดท้าย เริ่มเวลา 23.00 น. เป็นเกมล้างตานัดชิงเมื่อ 4 ปีก่อน “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน แชมป์เก่าและแชมป์ 2 สมัยซ้อน พบกับ “มะกะโรนี” ทีมชาติอิตาลี แชมป์ 1 สมัย และรองแชมป์เก่า จากนั้นในเวลา 02.00 น. “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ จะดวลกับ “ขุนแข้งแดนน้ำแข็ง” ทีมชาติไอซ์แลนด์

เกมคู่ระหว่าง สเปน กับ อิตาลี ดวลแข้งกันที่สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ในแซงต์ เดนีส์ ช่อง 3 เอชดี (33) ถ่ายทอดสด โดย “กระทิงดุ” ผ่านเข้ารอบมาเป็นที่ 2 ของสาย ดี สถิติชนะ สาธารณรัฐเช็ค 1-0, ชนะ ตุรกี 3-0 และแพ้ โครเอเชีย 1-2 ไม่มีปัญหาในการจัดตัวผู้เล่น เนื่องจากทุกคนพร้อมลงเล่นแบบไม่มีเจ็บ และไม่ติดโทษแบน แนวรับวาง เซร์คิโอ รามอส กับ เคราร์ด ปีเก้ เป็นเซ็นเตอร์แบ๊ค, แผงกลางให้ เซร์คิโอ บุสเกตส์ เดินเกมกับ เชส ฟาเบรกาส โดยมี อันเดรียส อิเนียสต้า เป็นจอมทัพ และหน้าเป้ายังเป็น อัลบาโร่ โมราต้า

ทางด้าน อิตาลี ที่ได้แชมป์กลุ่ม อี ด้วยผลงานชนะ เบลเยี่ยม 2-0, ชนะ สวีเดน 1-0 และแพ้ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ 0-1 รอเช็คความฟิตของ อันโตนิโอ กานเดรว่า คนเดียวเท่านั้น หลังจากเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าทำให้ชวดลงเล่นนัดสุดท้ายของรอบแรก ส่วนด่านสุดท้ายจอมเก๋าอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ก็หายป่วยพร้อมลงสนามอีกครั้ง โดยตัวหลัก ๆ อยู่กันครบทั้ง เดนิเอเล่ เดอ รอสซี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เอ็มมานูเอเล่ จัคเครินี่ และกราเซียโน่ เปลเล่

สถิติการพบกันของสองคู่นี้ ปรากฏว่า สเปน เหนือกว่าด้วยการชนะ 11 เสมอ 11 อิตาลี ชนะ 8 และการเจอกัน 5 นัดหลังสุด สเปน ไม่เคยแพ้ โดยแพ้หนสุดท้ายคือเกมอุ่นเครื่องเมื่อ 5 ปีก่อน นอกจากนี้ สเปน ยังเขี่ย อิตาลี ตกรอบในศึกยูโร 2 ครั้งหลังอีกด้วย

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม สเปน : ดาบิด เด เกอา-ฆวนฟราน, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, ฆอร์ดี้ อัลบา-เซร์คิโอ บุสเกตส์, อันเดรส อิเนียสต้า, เชส ฟาเบรกาส-ดาบิด ซิลบา, โนลิโต้ และอัลบาโร่ โมราต้า

อิตาลี : จานลุยจิ บุฟฟ่อน-อันเดรีย บาร์ซาญี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่-อันโตนิโอ คันเดรว่า, เอมานูเอเล่ จัคเครินี่,ดานิเอเล่ เด รอสซี่, อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน-เอแดร์ และกราเซียโน่ เปลเล่

จากนั้นในเกมที่สต๊าด เดอ นีซ อังกฤษ จะดวลกับ ไอซ์แลนด์ โดย “สิงโตคำราม” ที่ได้อันดับ 2 ของกลุ่ม บี จากผลงาน เสมอ รัสเซีย 1-1, ชนะ เวลส์ 2-1 และเสมอ สโลวาเกีย 0-0 นัดนี้ รอย ฮอดจ์สัน ขรัวเฒ่าของอังกฤษ รอเช็คฟิต อดัม ลัลลาน่า จอมเลื้อยจากลิเวอร์พูล ที่บาดเจ็บข้อเท้าระหว่างการฝึกซ้อม ถ้าลงไม่ได้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น่าจะได้เล่นแทน ขณะที่ตำแหน่งกองหน้า แฮร์รี่ เคน มีโอกาสลุ้นยืนหัวหอกตัวจริงคู่กับ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และมี เวย์น รูนี่ย์ กับ เดเล่ อัลลี่ เดินเกม

ทางด้าน ไอซ์แลนด์ ที่ได้อันดับ 2 ของกลุ่ม เอฟ หลังจากเสมอ โปรตุเกส 1-1, เสมอ ฮังการี 1-1 และชนะ ออสเตรีย 2-1 ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ทันทีทั้งที่เพิ่งได้มาเล่นเป็นสมัยแรก เกมนี้ได้ อัลเฟรด ฟินโบการ์สสัน มาเป็นอีกหนึ่งอ็อปชั่นตัวเลือก หลังจากพ้นโทษแบนกลับมาแต่น่าเป็นสำรองไปก่อน เนื่องจาก 11 ตัวแรกเล่นกันได้ดีมาก ๆ ในนัดที่แล้ว รานญาร์ ซีกูร์ดสัน, โยฮันน์ กูดมุนด์สัน,กิลฟี ซีกูร์ดสัน และ บีร์กีร์ บียาร์นาสัน เป็นแกนนำของทีม

สำหรับสถิติการพบกันของทั้งสองทีมถือว่าน้อยมาก โดยเจอกันเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกเสมอกันเมื่อปี 1982 สกอร์ 1-1 และครั้งที่สอง อังกฤษ ถล่มแหลก 6-1 เมื่อปี 2004

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม อังกฤษ : อังกฤษ : โจ ฮาร์ท-ไคล์ วอล์คเกอร์, แกรี่ เคฮิลล์, คริส สมอลลิ่ง, แดนนี่ โรส-เอริค ดายเออร์, เดเล่ อัลลี่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน-เวย์น รูนี่ย์-แฮร์รี่ เคน และแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

ไอซ์แลนด์ ฮันเนส ฮัลล์ดอร์สัน;บีร์กีร์ แซวาร์สัน, รานญาร์ ซีกูร์ดสัน, คารี อาร์นาสัน, อารรี สกูลาสัน;โยฮันน์ กูดมุนด์สัน,กิลฟี ซีกูร์ดสัน, บีร์กีร์ บียาร์นาสัน; ยอน ดาดี บอดวาร์สัน, โลไบน์ ซีกธอร์สัน