ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 11 ปี 1978 ที่อาร์เจนติน่า
การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับบอลโลกครั้งนี้ เพราะก่อนการเป็นเจ้าภาพได้ 2 ปี ในปี 1976 ได้เกิดการรัฐประหารในอาร์เจนติน่า ทหารเข้ายึดอำนาจ โค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดี อิซาเบลล่า เปรอง
ทำให้ “นักเตะเทวดา” โยฮัน ครัฟฟ์ ประกาศชัดเจนว่า จะไม่เข้าร่วมการเตะอย่างแน่นอน ต่อให้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ผ่านเข้ารอบ สุดท้ายทีมเข้ารอบ ครัฟฟ์ ก็ไม่ไป แม้จะได้รับการขอร้องจากสมาคมฟุตบอลของพวกเขาก็ตามที
ขณะที่ อังกฤษ หมดฤทธิ์ต่อเนื่อง ตกรอบคัดเลือก 2 สมัยติดต่อกัน ผิดกับคู่ปรับแห่งเกาะมหาสมบัติอย่าง สก็อตแลนด์ ตีตั๋วเข้ารอบได้เป็น 2 สมัยรวด
ขณะที่เจ้าภาพเริ่มต้นด้วยเรื่องฮือฮา เมื่อ เซซาร์ หลุยส์ เมน็อตติ กุนซือสิงห์อมควัน ก็ได้ตัดชื่อดาวรุ่งวัย 17 ปีออกจากทีม เขาคนนั้นคือ ดีเอโก้ มาราโดน่า
เกมต่อกรกันเข้มข้นจนกระทั่งรอบแบ่งกลุ่มเพื่อหาแชมป์กลุ่มเข้าไปชิงชนะเลิศ ปรากฏว่า บราซิล ที่เตะก่อนเอาชนะ โปแลนด์ 3-1 ทำให้เจ้าภาพที่เตะต่อจากคู่นี้ ต้องมีผลต่างมากกว่า 4 ลูกจึงจะเข้าชิง และก็เป็นไปตามคาด พวกเขายำ เปรู ครึ่งโหล เข้าไปดวลกับ เนเธอร์แลนด์
ประเด็นคือ ราม่อน กีโรก้า นายประตูเปรู เป็นชาวอาร์เจนติน่าโดยกำเนิด และเกิดที่โรซาริโอ สถานที่ใช้ทำการดวลแข้งครั้งนี้ด้วย!!!
ในเกมนัดชิงชนะเลิศ การแข่งขันล่าช้า เพราะเจ้าภาพทำสงครามจิตวิทยา ด้วยการจะไม่ยอมให้ เรเน่ ฟาน เดอ เคอร์คอฟ กองกลางดัทช์แมน ลงสนาม เหตุเพราะ”สวมเฝือกอ่อนที่แขน” ทำให้ผู้เล่นหงุดหงิด ลงท้ายเกมต้องสู้กันจนถึงช่วงต่อเวลา และอาร์เจนติน่า ชนะ 3-1
พวกเขาครองแชมป์สมัยแรกได้สำเร็จ เป็นทีมที่ 3 จากลาตินอเมริกาที่ทำได้อีกด้วย
ที่สุดแห่งความทรงจำ : กีโรก้า ให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่มีความคิดที่จะปล่อยบอลให้เข้าประตูอย่างที่หลายคนคิดกัน แม้ว่าเขาอยากให้ อาร์เจนติน่า เป็นแชมป์โลกก็ตาม!
ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 12 ปี 1982 ที่สเปน
ครั้งแรกที่มีการเพิ่มทีมจาก 16 เป็น 24 ทีม พร้อมกับใช้ 14 เมือง 17 สนามในการรับมือการเป็นเจ้าภาพในคราวนี้
การแข่งขันสุดเข้มข้นในสนาม มีตำนานเกิดขึ้นอย่างมากมายในการดวลแข้งครั้งนี้ แม้กระทั่งแชมป์โลก ก็ออกสตาร์ทรอบแรกด้วยการเสมอทั้ง 3 เกม และเข้ารอบด้วยการที่ยิงประตูได้มากกว่าเท่านั้น!!!
ฟุตบอลมีอะไรให้พูดถึงมากมาย อาร์เจนติน่า พลิกล็อคแพ้ เบลเยี่ยม ในนัดเปิดสนาม 0-1, แอลจีเรีย ชาติจากแอฟริกา พลิกล็อคชนะ เยอรมันตะวันตก 2-1, ฮังการี ไล่ถล่ม เอล ซัลวาดอร์ ยับเยิน 10-1, ไอร์แลนด์เหนือ เถือเจ้าภาพ สเปน แบบไม่น่าเชื่อ 1-0 และไบรอัน ร็อบสัน ใช้เวลาเพียง 27 วินาที ทำประตู ฝรั่งเศส
รสชาดเกมลูกหนังในรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2 “แซมบ้า” บราซิล ที่มาด้วยเกมรุกเต็มรูปแบบ พลาดท่าพ่าย อิตาลี แบบพลิกล็อคสุด ๆ 2-3 ด้วยแฮททริคของ เปาโล รอสซี่ ที่พัวพันกับการ ‘ล้มบอล’ ถูกแบนยาวไม่ให้ลงเล่นฟุตบอลกว่า 2 ปี และถือเป็นการเสี่ยงอย่างมากที่ เอ็นโซ แบร์ซอต ขรัวเฒ่าของอิตาลี เลือกมาติดทีม
ขณะที่เกมรอบตัดเชือก อิตาลี ทุบ โปแลนด์ ด้วยสองประตูทองของ รอสซี่ ทำให้เข้าไปชิงกับ เยอรมันตะวันตก ที่เอาชนะจุดโทษเหนือ ฝรั่งเศส 5-4 หลังจากเสมอกันสุดโชกโชน 3-3
ก่อนที่ อิตาลี จะครองแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1938 ด้วยการเอาชนะไปได้ 3-1 พร้อมกับการยิงจุดโทษในเวลาไม่เข้าครั้งแรกของ อันโตนิโอ คาบรินี่ แต่ที่โลกจดจำก็คือ ท่าดีใจของ มาร์โก ทาร์เดลลี่ ที่ยิงประตูที่ 3 แล้ววิ่งไปแบบสุดคลั่งจนเป็นที่จดจำไปนานแสนนาน
ที่สุดแห่งความทรงจำ : บราซิล ตกรอบทั้งที่มียอดนักเตะอย่าง โซคราเตส, ซิโก้, เอแดร์, ฟัลเกา, เซเรโซ่, จูเนียร์ นั่นเพราะพวกเขาเล่นเกมรับไม่เป็น และเป็นอีกหนึ่งราชันไร้บัลลังก์ของแท้!
ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 13 ปี 1986 ที่เม็กซิโก
ไม่เคยมีชาติไหนได้รับสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพ 2 ครั้ง แต่ เม็กซิโก ได้เป็นชาติแรก!
พวกเขาเกือบไม่ได้จัดการแข่งขัน เนื่องจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวก่อนการแข่งขันไม่นาน แต่ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคสำคัญนั้นมาได้ และต้อนรับน้องใหม่อย่าง แคนาดา, อิรัก และ เดนมาร์ก โดยเฉพาะ เดนมาร์ก สร้างความตื่นตะลึงด้วยการชนะ อุรุกวัย ถึง 6-1 แต่ก็มาตกรอบด้วยการแพ้ สเปน ในรอบ 2 ขาดลอยถึง 1-5
ขณะที่ จ๊อค สตีน เสียชีวิตกระทันหัน ทำให้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทัพสก็อตแลนด์ มาแข่งขันแทน และพวกเขาก็ยังคงเหมือนเดิมนั่นคือตกรอบแรก
สำคัญที่สุดก็คือ การใช้มือปัดบอลเข้าประตูของ ดีเอโก้ มาราโดน่า จอมทัพอาร์เจนติน่า ในเกมพบกับ อังกฤษ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยิ่งเพิ่มดีกรีเดือด หลังจากทั้งสองชาติมีกรณีพิพาทจากสงครามฟอล์คแลนด์
เท่านั้นยังไม่พอ มาราโดน่า ยังเลี้ยงหลบนักเตะอังกฤษค่อนทีม ก่อนยิงเข้าไปสุดสวย ทำให้ “ฟ้าขาว” ชนะ 2-1 และเขาบอกว่า ประตูแรกที่ทำได้นั้นไม่ใช่มือของเขา
แต่เป็น “หัตถ์พระเจ้า” นั่นเอง!!!
อาร์เจนติน่า เข้าชิงชนะเลิศ เจอกับ เยอรมันตะวันตก ในเกมสุดมันส์ที่อัซเตก้า ก่อนที่ ขุนแข้งอาร์เจนไตน์ จะชนะ 3-2 ครองแชมป์โลกสมัยที่ 2 พร้อมกับหักอก “อินทรีเหล็ก” เป็นแค่รองแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน
ยิ่งไปกว่านั้น รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฝรั่งเศส กับ บราซิล ยังรังสรรค์เกมสุดยอดเอาไว้ ด้วยการเสมอกัน 1-1 ก่อนที่ ฝรั่งเศส จะชนะจุดโทษ 4-3
เป็นเกมสุดมันส์ที่โลกไม่มีวันลืม
ที่สุดแห่งความทรงจำ : “แฮนด์ ออฟ ก๊อด”ของ มาราโดน่า และที่สุดแห่งเกมของฝรั่งเศส และบราซิล
ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 14 ปี 1990 ที่อิตาลี
จุดกำเนิดแห่งฟุตบอลที่เปี่ยมไปด้วยสีสันแห่งแฟชั่นในสไตล์ของอิตาลี ทั้งเพลงและเทคนิคในระหว่างการถ่ายทอดสด สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในสนาม ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นมากมายนัก เนื่องจากแทคติคการเล่นของแต่ละทีม ทำให้ค่าเฉลี่ยนในการทำประตูไม่ได้มากอย่างที่คิดเอาไว้
ลงท้ายที่สุด อิตาลี ที่วางแผนมาดิบดีว่าจะคว้าแชมป์โลก ก็พลาดท่าในการดวลจุดโทษต่อ อาร์เจนติน่า
ขุนพลเจ้าภาพกำชัยแบบไม่เสียประตูยาวนานถึง 5 เกมตั้งแต่รอบแรกมาจนถึงรอบ 8 ทีม พร้อมกับการแจ้งเกิดของดาวยิงตัวเลือกท้าย ๆ อย่าง ซัลวาตอเร่ “โตโต้” สคิลลาชี่ และโรแบร์โต้ บาจโจ้ ทุกนัดพวกเขาเล่นที่กรุงโรม แต่ในรอบตัดเชือก เลือกสนามวางเอาไว้แล้วว่า จะเตะที่เนเปิ้ลส์ เพื่อหวังจะพิชิตหัวใจของคนที่นั่นที่เต็มไปด้วย”แกงค์มาเฟีย”
อิตาลี พลาดท่าเสียประตูแรกทัวร์นาเมนท์ เสมอกับ ฟ้าขาว 1-1 และมาดวลเป้าแพ้จุดโทษ ซึ่งนัดนี้ เซร์คิโอ กอยโกเชีย โกล์สำรองของอาร์เจนติน่า ที่ได้ลงเล่นแทน เนรี่ ปุมปิโด้ ที่เจ็บตั้งแต่เกมที่ 2 ยังหนึบหนับเซฟได้ถึงสองโทษ
ดีเอโก้ มาราโดน่า เล่นแบบดีนัดเสียนัด เริ่มจากแพ้ แคเมอรูน แบบผีหลอกในนัดเปิดสนามจนเป็นตำนาน 0-1 ก่อนใช้ “แฮนด์ ออฟ ก๊อด ภาค 2” ปัดบอลไม่ให้ทีมเสียประตูในเกมทุบ โซเวียต 2-0 กระทั่งได้มาชิงกับ เยอรมันตะวันตก
ประตูโทนจากจุดโทษของ อันเดรียส์ เบรเม่ห์ แบ๊คซ้ายที่ใช้เท้าขวาพังประตู ทำให้ “อินทรีเหล็ก” ยุติความผิดหวัง เป็นแชมป์โลกสมัย 3 ได้สำเร็จ ก่อนทุบกำแพงเบอร์ลิน
ที่สุดแห่งความทรงจำ : โลกยังจดจำลีลาฉลองชัยด้วยการเต้นที่มุมธงของ โรเจอร์ มิลล่า ดาวยิงวัยดึกของแคเมอรูน ที่ซัดได้ถึง 4 ประตูอีกด้วย
ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 15 ปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา
ขาใหญ่ที่เรียก “ฟุตบอล” ว่า “ซอคเกอร์” อย่าง สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกสมัยแรก
พวกเขาทำให้ประเทศตัวเองรู้จักฟุตบอลจากการได้ไปเล่นเมื่อ 4 ปีก่อนที่อิตาลี คนที่นั่นรู้จัก โทนี่ มีโอล่า และมีปราการหลังคนสำคัญอย่าง อเล็กซี่ ลาลาส ปราการหลังเคราแพะ ที่โชว์ลีลากีตาร์ เรียกให้คนเข้ามาดูเกมในสนาม
สหรัฐ เข้าถึงรอบสองก่อนจะแพ้ บราซิล แบบสูสี 0-1 และเป็นที่จดจำของการฟันศอกสุดโหดของ เลโอนาร์โด้ แบ๊คจอมลุยที่สับใส่ แทป รามอส จนถูกแบนตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์
เรื่องราวถูกจดบันทึกมากมาย เมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ที่เข้าบอลโลกหนแรก สร้างความตื่นตะลึงเมื่อเข้ารอบ 2 พร้อมกับมีประตูสุดยอดแบบ”โซโลรัน”ของ ซาอิด โอไวรัน, การซัดนัดเดียว 5 ประตูของ โอเล็กซ์ ซาเลนโก้ หัวหอกรัสเซีย ในยุคล่มสลายของสหภาพโซเวียต และการยิงประตูด้วยอายุมากที่สุดบนวัย 42 ปี ของ โรเจอร์ มิลล่า
ลืมไม่ได้คือเรื่องราวที่ปิดตำนาน”เทวดาซาตานในร่างเดียว” ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ระเบิดฟอร์มยิงประตู ในเกมแรก ก่อนถูกอัปเปหิหลังจบนัดที่ 2 เนื่องจากไม่ผ่านการตรวจโด๊ป
มีถึงสองทีมที่พลิกล็อคเข้าถึงรอบตัดเชือกทั้ง บัลแกเรีย ที่โค่น เยอรมนี ยุครวมชาติในรอบ 8 ทีม และสวีเดน แต่สุดท้าย บราซิล กับ อิตาลี คือคู่ชิงชนะเลิศ ย้อนตำนานปี 1970
เป็นนัดแรกที่นัดชิงยิงกันไม่ได้เสมอกัน 0-0 จนกระทั่งต้องไปดวลจุดโทษ บราซิล ชนะ 3-2 ครองแชมป์โลก สมัยที่ 4 และเป็นหนแรกในยุคฟีฟ่า เวิลด์คัพ อีกด้วย
ที่สุดแห่งความทรงจำ : ภาพที่ “เปียทองคำ” โรแบร์โต้ บาจโจ้ ยิงจุดโทษไม่เข้าและทำให้ บราซิล เป็นแชมป์โลก ถูกจดจำมาจนถึงทุกวันนี้
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี