.
เป็นครั้งแรกที่รอบสุดท้ายมีถึง 32 ชาติ และเป็นที่เจ้าภาพครองแชมป์โลกหนแรกในรอบ 20 ปี
“ตราไก่” ฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของ เอ็มเม่ ฌักเก้ต์ กลายเป็นแชมป์โลกทีมใหม่ หลังจากรอบแรกทำผลงานได้สุดเพอร์เฟคท์คว้า 9 คะแนนเต็มจากการเก็บชัยชนะ 3 นัดรวด เหนือ แอฟริกาใต้ 3-0, ถล่ม ซาอุดีอาราเบีย 4-0 และ เฉือน เดนมาร์ก 2-1
ต่อด้วยรอบ 2 การดวลกับ ปารากวัย กลายเป็นของแข็ง กว่าจะผ่านเข้ารอบได้ต้องต่อเวลาพิเศษและเป็น โลรองต์ บล็องก์ ปราการหลังคนสำคัญ มาซัดประตู “โกลเด้น โกล์” ลูกแรกในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล พาทีมผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฝรั่งเศส ต้องเจอกับงานหนักเมื่อพบกับเจ้าของแชมป์ 3 สมัยอย่าง อิตาลี เกมนี้จบลงด้วยการเสมอแบบไม่มีสกอร์ 0-0 แม้ว่าจะต่อเวลาพิเศษออกไป ทำให้ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ เป็นทัพตราไก่ที่แม่นกว่าเอาชนะไป 4-3 ผ่านเข้ารอบตัดเชือก
การเจอกับทีมม้ามืดอย่าง “ตราหมากรุก” โครเอเชีย เป็นอีกแมทช์แห่งความทรงจำ เมื่อ ดาวอร์ ซูเคอร์ ยิงให้โครแอตออกนำ ก่อนที่ ลิลิยง ตูราม แนวรับจอมแกร่งกลายเป็นฮีโร่ ทำคนเดียวสองประตูช่วยให้ ฝรั่งเศสพลิกกลับมาแซงเอาชนะได้ 2-1 ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่พวกเขาไร้เงา บลองก์ ลงเล่นนัดชิง เพราะถูกใบแดงจากจังหวะตบตาผู้ตัดสินของ สลาเวน บีลิช
ในรอบชิงชนะเลิศ ฝรั่งเศส ที่เล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง สามารถกำราบ “แซมบ้า” บราซิล ไปแบบขาดลอย 3-0 จากการโขกสองประตูของ ซีเนอดีน ซีดาน และอีกลูกในช่วงทดเจ็บจาก เอ็มมานูเอล เปอตีต์
ฝรั่งเศส คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรก และเป็นชาติที่ 7 ที่ได้แชมป์โลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี