.

เม็กซิโก เป็นชาติแรกที่ได้จัดฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ส่วนแชมป์โลกกลายเป็นสมัยที่ 2 ของ อาร์เจนติน่า

ว่ากันว่านี่คือศึกฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดตลอดกาลมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ซึ่งแชมป์นั้นตกเป็นของทัพ “ฟ้าขาว”อาร์เจนติน่า ที่นำทัพโดยยอดนักเตะมหัศจรรย์ของโลกอย่าง “เสือเตี้ย”ดีเอโก้ มาราโดน่า ผู้ดลบันดาลให้ทีมคว้าแชมป์เวิล์ดคัพ สมัยที่ 2

รอบแรกอยู่ในกลุ่ม เอ ประเดิมสนามด้วยการเอาชนะ เกาหลีใต้ 3-1 ตามด้วยการเสมอกับ อิตาลี 1-1 และปิดท้ายด้วยการต้อนเอาชนะบัลแกเรีย 2-0 เข้ารอบด้วยการเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มไปพบกับ อรุกวัย ที่เป็นหนึ่งใน 4 ของทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด

เกมการต่อกรสูสีสุด ๆ ก่อนที่ “ฟ้าขาว” จะเฉือน อุรุกวัย ที่มีจอมทัพอย่าง เอ็นโซ่ ฟรานเชสโคลี่ ไปได้ 1-0 จากประตูชัยของ เปโดร ปาสคูลลี่ เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปเจอกับขวัญใจมหาชนอย่าง “สิงโตคำราม” อังกฤษ

เกมนี้ทั้งสองทีมมีเหตุพิพาทกันเรื่องสงครามฟอล์คแลนด์ และเกิดเรื่องคลาสสิคที่โลกไม่มีวันลืมคือเหตุการณ์หัตถ์พระเจ้าของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่กระโดดเอามือชกบอลเข้าประตูไป รวมไปถึงจังหวะการโซโล่เดี่ยวลากหลบผู้เล่นของอังกฤษ จากครึ่งสนามไปยิงประตูให้ทีมนำ 2-0 ซึ่งเกมจบลงด้วยชัยชนะของ อาร์เจนติน่า เหนือ อังกฤษ 2-1

ในรอบรองชนะเลิศ อาร์เจนติน่า ต้องพบกับ เบลเยี่ยม ทีมม้ามืดที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นอย่าง ฌอง มารี พัฟฟ์ ประตูจอมหนึบ, ดาวรุ่งอย่าง เอ็นโซ่ ซีโฟ และ กัปตันทีมอย่าง ยาน คูเลมองส์ แต่ไม่มีใครหยุดอิทธิฤทธิ์ของ มาราโดน่า เมื่อเขายิงสองประตูพาทีมเข้าชิงสำเร็จ

การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ อาร์เจนติน่า ต้องเจอกับ เยอรมันตะวันตก โดย โฆเซ่ หลุยส์ บราวน์ โขกให้ทัพฟ้าขาวนำก่อน 1-0 ในช่วงครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังพวกเขามาได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดของ ฮอร์เก้ วัลดาโน่

เยอรมันตะวันตก ตายยาก มาได้สองประตูรวดจากจังหวะเตะมุมทั้งสองครั้งจาก “ไอ้หนูแก้มแดง”คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ และ”ไอ้เป็ดน้อย”รูดี้ โฟลเลอร์ สกอร์กลับมาเท่ากัน แต่ในช่วงท้ายเกม มาราโดน่า โชว์ทีเด็ดจ่ายบอลตัดขั้วหัวใจทะลุไปให้ ฮอร์เก้ เบอร์รูชาก้า ซัดเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้ อาร์เจนติน่า เฉือนชัยสุดระทึก 3-2

มาราโดน่า ชูถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพขึ้นเหนือหัว พร้อมกับจารึกตำนาน “แฮนด์ ออฟ ก๊อด” ที่ให้โลกกล่าวถึงไปอีกนานแสนนาน