การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในวันเสาร์นี้ มีการดวลแข้งกันทั้งหมด 8 คู่ โดยเกมบิ๊กแมทช์อยู่ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ กรุงลอนดอน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี จ่าฝูงร่วม เปิดบ้านเจอกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เกมนี้ เชลซี ไม่มี อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ปราการหลังทีมชาติเยอรมนี เนื่องจากเจ็บน่อง ทำให้ แกรี่ เคฮิลล์ จะยืนคู่กับ ดาวิด ลุยซ์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ที่เหลือไม่มีปัญหา เกปา อาร์ริซาบาลาก้า เป็นด่านสุดท้าย โดยมี จอร์จินโญ่ เดินเกมกลางร่วมกับ มาเตโอ โควาซิซ และเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ส่วนแนวรุก เอแด็น อาซาร์ นำทัพทะลวงตาข่าย ร่วมกับ วิลเลี่ยน และโอลิวิเยร์ ชิรูด์

ทางฝั่ง “ปีศาจแดง” ต้องลุ้นว่า โชเซ่ มูรินโญ่ จะโดนโทษแบนหรือไม่จากการสบถคำหยาบเป็นภาษาโปรตุเกสออกทีวี แต่ทีมไม่มี เจสซี่ ลินการ์ด ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ที่เจ็บมาหลายวีค รวมไปถึงต้องเช็คฟิต เนมานญ่า มาติช กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ว่าจะพร้อมหรือไม่ แต่ มารูยาน เฟลไลนี่ พร้อมลงสนาม

ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า”แมนฯซิตี้ เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยมเจอกับ เบิร์นลี่ย์ เวลา 22.00 น. โดยที่ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพชาวเบลเยียมที่เดี้ยงไปเกือบสองเดือนมีลุ้นสตาร์ทเป็นตัวจริงในแผงกลางร่วมกับ ดาบิด ซิลบา และแฟร์นานดินโญ่ ส่วนแนวรุกจะปรับมาใช้ ลีรอย ซาเน่, ราฮีม สเตอร์ลิง และเซร์คิโอ อเกวโร่

ฝั่ง เบิร์นลี่ย์ ที่คืนชีพไร้พ่ายมา 3 นัดติดจนทะยานมาอยู่อันดับ 12 จะส่ง โจ ฮาร์ท อดีตโกล์ที่อยู่กับ แมนฯซิตี้ มา 10 ปีลงเจอทีมเก่า แต่ ร็อบบี้ เบรดี้, สตีเฟ่น วอร์ด และเบน กิ๊บสัน ยังไม่พร้อม พร้อมรอลุ้น เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ปราการหลังคนสำคัญอีกคนหนึ่งด้วย

ส่วน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อีกหนึ่งจ่าฝูงร่วม จะบุกไปเยือน ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ในเวลา 23.30 น.โดยได้ตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ที่เจ็บจากทีมชาติ ผ่านความฟิตกลับมาแล้ว แต่ ซาดิโอ มาเน่ โอกาสริบหรี่หลังจากเพิ่งผ่าข้อมือ ส่วน นาบี เกอิต้า เจ็บพัก 2 วีค เจอกับเจ้าถิ่นที่ยังไม่ชนะใคร มีสถิติเสมอ 3 แพ้ 5 จะไม่มี เทเรนซ์ คองโกโล่ ที่เจ็บ เช่นเดียวกับ รอมอดอน โซบี้ และเช็คความพร้อมของ แอร่อน มอย, ฟิลลิป บิลลิ่ง, แดนนี่ วิลเลี่ยมส์ และทอมมี่ สมิธ