ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2018-19 ได้ปิดฉากลงไปแล้วเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ป้องกันแชมป์ไว้ได้สำเร็จแบบหืดจับ หลังจากเฉือนชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไปได้หวุดหวิดเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น
เกมนัดตัดสินแชมป์ที่เอแม็กซ์ สเตเดี้ยม ไบรท์ตัน เจ้าบ้านพลิกนำ แมนฯซิตี้ ก่อนจากจังหวะเตะมุม ปาสกาล กรอสส์ เปิดให้ เกล็นน์ มาร์รี่ย์ ขึ้นโขกเสาแรกเสียบตาข่าย แต่อีก 83 วินาทีต่อมา เซร์คิโอ อเกวโร่ ตามตีเสมอให้กับ แมนฯซิตี้ ได้สำเร็จ จากนั้นทำนบเจ้าบ้านก็แตกยับโดนอีก3 ลูกจาก อายเมอร์ริค ลาป็อร์ก นาทีที่ 38, ริยาด มาห์เรซนาทีที่ 63 และอิลคาย กุนโดกัน นาทีที่ 72 ทำให้ แมนฯซิตี้ยำใหญ่ ไบรท์ตัน 4-1
จากชัยชนะนัดนี้ทำให้ แมนฯซิตี้ คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2018-19 โดยเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย และเป็นแชมป์ลูกสูงสุดเมืองผู้ดี (ดิวิชั่น 1 กับ พรีเมียร์ลีก) 6 สมัย ในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร
ขณะที่ “หงส์แดง” ทำหน้าที่ของตัวเองได้เต็มที่ที่สุด หลังจากเปิดบ้านเอาชนะ “หมาป่า” วูล์ฟส์ ลงได้ 2-0 จากการเหมายิงของ ซาดิโอ มาเน่ ทำให้ทีมมี 97 คะแนน แต่ไม่เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ที่รอคอยมานานถึง 29 ปี แต่ถือว่าใกล้เคียงที่สุด โดยมีบันทึกไว้ชัดเจนว่า มีการสลับตำแหน่งจ่าฝูงกันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 32 ครั้งในฤดูกาลเดียว
ภายหลังการแข่งขันอันยาวนานจบลง เป๊ป กวาร์ดิโอล่ากุนซือแมนฯซิตี้ เปิดเผยว่า เป็นปีที่ยิ่งใหญ่สุดๆ เราเล่นกันได้ดีมาก เราได้แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์, คาราบาว คัพ, พรีเมียร์ลีก และเราได้เข้าชิง เอฟเอ คัพ ไม่มีอะไรจะยอดเยี่ยมกว่านี้อีกแล้ว
“ทีมของเราไม่มีนักเตะเพียงคนเดียวที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ แต่เราต้องทำแบบนี้ร่วมกันเป็นทีมการทำงานเป็นทีมคือเคล็ดลับความสำเร็จ เรากระตุ้นซึ่งกันและกัน ผมกระตุ้นพวกเขา และพวกเขาก็กระตุ้นผมกับทีมสตาฟฟ์ของผมด้วย ทำให้งานของเราออกมาดีมากๆ เพราะเราต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่งในการลุ้นแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล ที่ให้ผมต้องเจองานยากที่สุดในชีวิตการลุ้นแชมป์ของผม ขอชมว่า ลิเวอร์พูล ยอดเยี่ยมมาก”
ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดง กล่าวว่าการได้อันดับ 2 พรีเมียร์ลีกไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ แต่เราต้องมองว่านี่เป็นก้าวแรกสำหรับทีมชุดนี้ เรามีค่าอายุเฉลี่ยที่น้อย และกำลังเดินทางสู่ฟุตบอลที่ยิ่งใหญในอนาคตมันมหัศจรรย์แค่ไหนที่เราได้ลุ้นถึง 2 แชมป์ในซีซั่นเดียวแบบนี้
“การขับเคี่ยวในปีนี้ถือว่าเหลือเชื่อมากๆ กับทั้งสองทีมพยายามขับเคี่ยวกัน และมีความเชื่อมั่นซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราทำ เมื่อคุณเจอคู่แข่งอย่าง ซิตี้ มันเป็นเรื่องยากลำบาก พวกเขาไม่สามารถฉีกหนีเรา และเราก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้พรีเมียร์ลีกจบแล้ว ผมขอยินดีและแสดงความเคารพต่อแมนฯซิตี้ ที่เก็บได้สองซีซั่นนี้ถึง 198 แต้มพวกเขาสุดยอดจริงๆ ส่วนพวกเรามีเวลา 3 สัปดาห์ในการเตรียมตัวสำหรับรอบชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก เราต้องพยายามกันต่อไป”
จำนวนของยอดเงินรายได้ในฤดูกาลนี้ ปรากฏว่า ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมแชมป์รวยที่สุดเป็นที่เรียบร้อยหลังจากมีการประเมินรายได้ออกมาว่า พวกเขาจะได้รับเงินถึง 150 ล้านปอนด์ เลยทีเดียว จากค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ ตามมาด้วย แมนฯซิตี้ 148 ล้านปอนด์, เชลซี 143 ล้านปอนด์ และสเปอร์ส 142 ล้านปอนด์
ส่วน “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงโชว์ฟอร์มห่วยสนิทในนัดปิดซีซั่น เมื่อพลาดท่าแพ้ให้กับ “บลูเบิร์ดส์” คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมที่ตกชั้นไปแล้วแบบไม่มีสภาพคาบ้านโอลด์ แทรฟฟอร์ด 0-2 ทำให้พวกเขามีสถิติย่ำแย่สุดๆ เมื่อตามหลังทีมแชมป์ห่างถึง 32 คะแนน นับเป็นฟอร์มที่แย่ที่สุดนับในรอบ 45 ปีอีกด้วย
สำหรับสถิติที่น่าสนใจของพรีเมียร์ลีกมีดังนี้
l เกม 380 นัดปีนี้ยิงไป 1,072 ลูก เฉลี่ย 2.82 ประตูต่อ 1 นัด
l ชัยชนะขาดลอยที่สุดของเจ้าบ้าน คือ แมนฯซิตี้ ชนะ เชลซี 6-0 และชัยชนะขาดลอยที่สุดของทีมเยือน คือ แมนฯซิตี้ บุกชนะ คาร์ดิฟฟ์ 5-0 อีกเกมคือ บอร์นมัธบุกชนะ ไบรท์ตัน 5-0
l สกอร์สูงสุดในเกมเดียวคือ เอฟเวอร์ตัน แพ้ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 2-6 และพาเลซ ชนะ บอร์นมัธ 5-3
l ทีมที่ไม่แพ้ใครนานที่สุดคือ ลิเวอร์พูล 20 นัดรวด
l ทีมที่ไม่ชนะใครนานที่สุดคือ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 14 นัดรวด
l ทีมที่แพ้ติดต่อกันนานที่สุดคือ ฟูแล่ม รวม 9 นัดรวด
l นัดที่มีแฟนบอลเข้าชมมากที่สุดคือ สเปอร์ส เสมอ อาร์เซนอล 1-1 ผู้ชม 81,332 คน
l ผู้ชมต่ำที่สุดของซีซั่น คือเกม บอร์นมัธ ชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 2-1 มีผู้ชมเพียง 9,980 คน
l ผู้ชมเข้าชมเกมในสนามรวม 14,135,870 คน เฉลี่ย 38,205 คน
l มีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย สลาวิซ่า โยคาโนวิช, มาร์ค ฮิวจ์ส, โชเซ่ มูรินโญ่, ดาวิดว้ากเนอร์, โคล้ด ปูแอล และเคลาดิโอ รานิเอรี่
l มีการยิงแฮททริกทั้งสิ้น 11 ครั้ง
l เอเตียง กาปู ของวัตฟอร์ด โดนใบเหลืองมากที่สุด 14 ใบ
l ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ของเซาแธมป์ตัน กับ เวส มอร์แกน ของเลสเตอร์ โดนใบแดงมากที่สุดคนละ 2 ใบ
l วัตฟอร์ด คือทีมที่โดนใบเหลืองมากที่สุด 77 ใบ ส่วน เลสเตอร์ โดนใบแดงมากที่สุด 5 ใบ
l ทีมที่ได้ไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีก คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และสเปอร์ส
l ทีมที่ได้ไปยูโรป้า ลีก คือ อาร์เซนอล และแมนฯยูไนเต็ด
l ทีมตกชั้นคือ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, ฟูแล่ม และฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์
l แมนฯซิตี้ ทำสถิติชนะรวด 14 นัดเป็นสถิติที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก เท่ากับที่พวกเขาทำไว้เองเมื่อปีก่อน
l แมนฯซิตี้ ชนะได้ถึง 32 จาก 38 นัด ดีที่สุดทาบสถิติเดิมเมื่อซีซั่นที่แล้วที่พวกเขาทำไว้เอง
l แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟอร์มแย่ที่สุดในรอบ 45 ปี เมื่อมีคะแนนตามหลังทีมแชมป์มากถึง 32 คะแนน
l ลิเวอร์พูล เป็นทีมแรกที่ทำแต้มเกิน 90 คะแนนแต่ไม่ได้แชมป์ และแพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้น
l มีนักเตะเพียง 32 คนที่เป็นผู้เล่นเอาท์ฟิลด์แล้วลงเตะทุกนาที ประกอบด้วย ลูก้า มิลิโวเยวิช (คริสตัล พาเลซ), คอนอร์ เคาดี้ (วูล์ฟส์) และ เบน มี(เบิร์นลี่ย์)
l ดาวซัลโวซีซั่นนี้มีถึง 3 คน คือ โมอาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ จากลิเวอร์พูล อีกคนคือ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยัง ของอาร์เซนอล คนละ 22 ลูก
l อลิสซอน เบ๊คเกอร์ ไม่เสียประตู 21 นัด เป็นอันดับ 2 ตลอดกาล เท่ากับเอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ปี 2008-09 ส่วนอันดับ 1 คือ ปีเตอร์ เช็ก 24 นัด ปี 2004-05
l มีการลุ้นแชมป์วันสุดท้ายยุคพรีเมียร์ลีก 8 ครั้ง ซึ่งทีมนำก่อนลงเตะได้แชมป์ทุกครั้ง
l เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ๊กของลิเวอร์พูล ทำสถิติจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูมากที่สุดตลอดกาลจากตำแหน่งกองหลัง รวม 12 ครั้ง
l อาร์เซนอล ไม่เสียประตูนอกบ้านเพียงหนเดียว แย่สุดตั้งแต่ปี 1967-68
l สเปอร์ส จบซีซั่นเหนือคู่ปรับอย่าง อาร์เซนอล3 ปีซ้อน เป็นหนแรกตั้งแต่ปี 1968
l แมนยู ไม่เสียประตูในบ้านเพียง 2 นัด แย่สุดตั้งแต่ปี 1962-63
l เอแด็น อาซาร์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของ เชลซี แอสซิสต์มากที่สุดในฤดูกาลนี้ ที่ผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูไป 15 ครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี