“หงส์แดง” จับมือกับ “ไนกี้” เป็นที่เรียบร้อย
เสื้อฟุตบอล หากเป็นเมื่อก่อนใครใส่ออกจากบ้านนี่โดนด่าเละ!!!!
ใช่เวลามั้ย...ไม่มีคลาส...ไหวมั้ยเนี่ย บลา บลา บลา
ในยุคที่เสื้อฟุตบอลแท้ๆ จากต่างประเทศไม่ได้เข้าเมืองไทย หายากอย่างที่สุด และราคาแทบจะ “แตะต้องไม่ได้” เมื่อปีพุทธศักราช 2533 ราคาเสื้อบอลแท้ๆ ทะลุหลักตัวละ 1,200 ไปจนถึง 2,000 บาท
….ใครจะไปรู้ว่าอยู่มาวันหนึ่ง เสื้อบอลจะเข้ามายึดพื้นที่ตลาดในบ้านเราได้มากมายขนาดนี้ และมีเสื้อทีมโน้นทีมนี้ใส่กัน พร้อมกับมีประเด็นให้ได้พูดถึงอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับ “ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด” ที่มีการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญระหว่าง “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ในฐานะปัจจุบันคือ “หล่อเลือกได้” กับบริษัทผู้ผลิตเสื้อยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาอย่าง “ไนกี้”
ถือเป็นดีลประวัติศาสตร์ของทั้งคู่ เพราะไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนเลย
ที่บอกว่าหล่อเลือกได้นั้นก็เพราะนาทีนี้ลิเวอร์พูล ครอง 3 แชมป์ในปี 2019 ทั้งการเป็นเจ้ายุโรป ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก,แชมป์ซูเปอร์คัพ หรือแชมป์เหนือแชมป์ของยุโรป และแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ ประกาศความเป็น “หมายเลข 1” ของทีมโลก
ทุกอย่างดูเป็น “ขาขึ้น” ไปทั้งหมด ไม่ว่าผลงานในสนามที่ตอนนี้นำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก พร้อมกับอยู่เส้นทางการป้องกันแชมป์ยุโรป และถ้วยเอฟเอ คัพ อีกรายการ
ผลประกอบการนอกสนามก็เช่นเดียวกัน นับจากได้กำไรครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับยกระดับแบรนด์ตัวเองไปอีกขั้นกับ ไนกี้
เท่ากับว่า ไนกี้ ถือเป็นผู้ผลิตรายที่ 6 และเป็นลำดับที่ 7 ของสโมสร ต่อจาก รายแรกคือ อัมโบร ระหว่างปี 1973-1984, อาดิดาส 2 รอบ ปี 1984-1996 และ 2006-2012, รีบอค ปี 1996-2006, วอร์ริเวอร์ ปี 2012-2015 และนิว บาลานซ์ ปี 2015-ปัจจุบัน
ยังไม่มีการระบุออกมาเป็นจำนวนเงินที่ถูกต้องว่า ลิเวอร์พูล รับจาก ไนกี้ เท่าไหร่???เป็นสถิติโลกหรือไม่??? ยังไงมันยังไงกัน????
แต่ที่แน่ๆ หลายคนมองแตกต่างกันออกไปกับประเด็นที่ออกมาก่อนหน้านี้
ข่าวก่อนหน้านี้คือ รับทรัพย์ต่อปีไม่แพง 30 ล้านปอนด์ แต่ส่วนแบ่งการขาย 20 เปอร์เซ็นต์ และลดมา 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับรองเท้า
แต่ที่แน่ๆ ยืนยันพร้อมจำหน่ายเวิลด์ไวลด์กว่า 6,000 สโตร์ มากกว่าของเดิมคือ นิว บาลานซ์ กว่า 3,000 สโตร์ทั่วโลกเลยทีเดียว
.....ย้อนกลับไปปลายปีที่แล้ว ระหว่างที่ความเย็นยะเยือกโผล่มาเยือนเมืองไทยจนเหงื่อไหลไคลย้อย มีตัวละครมากมายเดินมาด้อมๆ มองๆ ที่แอนฟิลด์ ตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส
พันธมิตรเก่าอย่าง อาดิดาส และ พูม่าที่ไม่เคยเป็นคู่ค้า ได้เข้ามาเจรจากับ ลิเวอร์พูลสุดท้ายเป็นไนกี้ มาแรงสุดๆ อันเนื่องมาจาก นิว บาลานซ์ สัญญาเดิมจะหมดในเดือนพฤษภาคม 2020 ด้วยปัจจุบันตัวเลขจ่ายให้หงส์แดง 45 ล้านปอนด์ต่อปี
กระทั่งเดือนกันยายน 2019 ที่ผ่านมา นิว บาลานซ์ เริ่มทนไม่ไหวหลังจากมีแต่ข่าวปูดออกมาตลอดว่า “ไนกี้” มอบข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจกว่าอย่างโน้น ให้มากกว่าอย่างนี้ ทำให้เรื่องราวจำเป็นจะต้องไปจบกันที่ศาล
ลิเวอร์พูล ต่อยอดความสำเร็จหลังจากครองแชมป์ยุโรป ด้วยเป็นแชมป์โลก ทำให้มูลค่าทีมสูงขึ้น
ในเดือนตุลาคม นิว บาลานซ์ ถึงกับฟ้องศาลเมื่อต้องการที่จะทำสัญญาต่อกับ ลิเวอร์พูล การตัดสินมีขึ้นที่ศาลในมหานครลอนดอน London’s High Court ณ ซิตี้ ออฟ เวสต์มินสเตอร์ ประเด็นคือ...........
1.ข้อตกลงใหม่ที่ ลิเวอร์พูล กำลังจะทำกับ ไนกี้
2.นิว บาลานซ์ มีสิทธิ์ที่จะยื่นข้อเสนอแข่งขัน ไนกี้ ตามสัญญาที่เคยทำไว้กับสโมสร นั่นคือ “การประมูล” ในกรณีที่มีคู่แข่ง
3.ลิเวอร์พูล มองว่า แบรนด์ของ ไนกี้สามารถกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า นิว บาลานซ์ เพราะมีช็อปอยู่ทั่วโลกและมากกว่าเกือบ 3,000 แห่ง และข้อสุดท้าย
4.นิว บาลานซ์ ยืนยันการฟ้องศาลก็เพราะอยากร่วมงานกับ ลิเวอร์พูล ต่อไป ด้วยการขยายสัญญาใหม่ และอ้างว่าได้ออกแบบซีซั่นหน้าไว้แล้ว
นิว บาลานซ์ ยืนยันว่า มีสิทธิ์ที่จะยื่นข้อเสนอแข่งขัน ไนกี้ ตามสัญญาที่เคยทำไว้กับสโมสร นั่นคือ “การประมูล” ในกรณีที่มีคู่แข่ง ในสัญญาจะทำให้พวกเขาสามารถขยายเงื่อนไขได้ทันที แต่ลิเวอร์พูล บอกว่า สัญญานั้นไม่ได้เป็นจริงแต่อย่างใดและสามารถทำข้อตกลงร่วมกันกับไนกี้ได้ทันที
จากนั้น ผู้พิพากษาระบุว่า ข้อเสนอทางการตลาดของ นิว บาลานซ์ เอื้อประโยชน์ให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล น้อยกว่าข้อเสนอของ ไนกี้ นั่นเพราะข้อเสนอของ ไนกี้ นั้นมีมูลค่ามากกว่า
จึงไม่เข้ากับเงื่อนไข ที่ นิว บาลานซ์ ระบุในสัญญาเดิมว่า จะสามารถต่อสัญญาได้ทันที หากมูลค่าข้อเสนอนั้นเท่ากัน
ขณะเดียวกัน ข้อเสนอของ ไนกี้ ที่จะใช้นักกีฬายอดเยี่ยมระดับโลกเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของลิเวอร์พูล มีมูลค่ามากกว่าคู่สัญญาเดิมอย่าง นิว บาลานซ์ จุดนี้จึงไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ ศาลจึงตัดสินให้ ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ ไม่จำเป็นต้องต่อสัญญาครั้งใหม่กับนิว บาลานซ์
อย่างไรก็ตาม ทีมกฎหมายของ นิว บาลานซ์ ได้ยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าว โดยยืนยันว่า ข้อเสนอตรงกับเงื่อนไขและมีมูลค่าไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน โดย นิว บาลานซ์ แถลงจะทำการยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์คำวินิจฉัยของผู้พิพากษาทันที โดยให้เหตุผลที่ว่าไนกี้ จำหน่ายได้ 6,000 ร้านค้าทั่วโลก โดย 500 แห่ง เป็นของไนกี้ก็จริง
แต่ นิว บาลานซ์ สามารถจำหน่ายได้ทั่วโลกกับร้านค้าปลีกที่เป็นคู่ค้าถึง 40,000 แห่ง
ทนายฝั่งลิเวอร์พูล ยืนยันว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งหมดคือข้อมูลเพ้อฝันกับ 40,000 ร้านทั่วโลก เป็นแค่ข้ออ้างที่เกินจริงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทนายของลิเวอร์พูลออกมาโต้เช่นเดียวกันว่า ตัวเลข 40,000 ที่อดีตคู่สัญญาเอามาอ้างนั้น เป็นข้อมูลเพ้อฝันเกินจริง ทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถยอมรับข้อตกลงกับรายอื่นๆ ได้ในทันที
เมื่อเป็นแบบนี้มันเหมือนกับ “เข้าทาง” และเหมือนกับทุกอย่างได้ “กำหนดทิศทาง” มาแล้ว
เพราะไม่รู้เหมือนกันว่า ลิเวอร์พูล กับ ไนกี้ ที่จริงแล้ว ใครอยากได้ใครกันแน่.......?!?!?
ไนกี้ กำลังถึงทางตันเหมือนกันในบอลอังกฤษ หลังจาก 5 ปี หลังถือว่า “เสียหาย” หลังจากดีลกับ 3 ทีม ดังค่อยๆหายไปทีละทีม
“หงส์แดง” มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง กับผู้ผลิตเสื้อรายใหม่ของทีม
เริ่มจากพันธมิตร 20 ปี กับ อาร์เซนอลตั้งแต่ปี 1994-2014, แมนฯยูไนเต็ด 13 ปี 2002-2015 และแมนฯซิตี้ 6 ปี 2013-2019
ตอนนี้เหลือจะจะ คือ เชลซี กับสเปอร์ส ที่ดีลพร้อมกันตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ส่วนอีกรายคือ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน
แน่นอนว่า ตลาดสู้กับ ลิเวอร์พูล ไม่ได้แน่นอนที่กำลังขึ้นหม้อมากๆ
ไม่แปลกที่ ไนกี้ อยากจะได้ ลิเวอร์พูล เพราะตอนนี้ต้องหาพันธมิตรใหม่ที่โกยเงินได้ชัดเจน
แล้วก็ไม่แปลกที่ ลิเวอร์พูล ก็อยากจะได้ไนกี้ หรือรายอื่นๆ ที่พร้อมจะประเคนเงิน และออปชั่นต่างๆ ให้ เพื่อโกยเงินได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นการเสนอราคาใหม่ของ นิว บาลานซ์ เพื่อต่อยอดชุดแข่งกับ ลิเวอร์พูล จึงถูกปฏิเสธ ทำให้ ไนกี้ มีโอกาสและพร้อมจะนำเสนอข้อตกลงใหม่อย่างเป็นทางการ
นี่คือสิ่งที่ข้อตกลงการสนับสนุนชุดใหม่ที่ลิเวอร์พูลมองว่าอาจคุ้มค่ามากกว่าเดิม
ไนกี้ ได้เสนอรายงานเบื้องต้นว่า พร้อมจะเสนอเงินราคา 30 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล ด้วยสัญญา 5 ปี แม้ว่าราคาจะไม่ทำลายสถิติและน้อยกว่าที่ได้รับจาก นิว บาลานซ์
แม้ว่าแหล่งข่าวบางแห่งจะยืนยันว่าไนกี้พร้อมจ่ายให้ลิเวอร์พูลปีละ 90 ล้านปอนด์ก็ตาม
แต่เงื่อนไขแรก มีอะไรที่มากกว่านั้น
งานนี้มองไปที่แรงจูงใจหลักคือ 20% ของยอดขายสุทธิทั้งหมดที่ลิเวอร์พูลจะได้รับ สิ่งนี้จะเป็นการจูงใจทั้งสโมสรรวมไปถึงซูเปอร์สตาร์ อย่าง เลอบรอน เจมส์, เดร็ก และเซเรน่า วิลเลี่ยมส์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลของ ไนกี้ จะร่วมกันวางแผนงานเพื่อส่งเสริมชุดแข่งชุดใหม่นี้
เลอบรอน เจมส์ ได้เข้าถือหุ้น 2% กับ ลิเวอร์พูล ในปี 2011 ในราคา 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตอนนี้คาดว่าจะมีมูลค่า32 ล้านเหรียญ
เลอบรอน ถือเป็นบุคคลสำคัญที่น่าจะช่วยให้ ลิเวอร์พูล สามารถบุกตลาดจีนได้ เนื่องจากความนิยมของเอ็นบีเอ ของแดนมังกร
ลือกันหนักว่า ไนกี้ ใช้เงินเกือบ 6 ล้านปอนด์ ในการผลิตผ้าสำหรับชุดใหม่ที่มีศักยภาพ และได้รับการสั่งซื้อล่วงหน้าจากร้านค้าประมาณ 8,000 แห่ง…ส่วนเสื้อจะกระจายไปทั่วโลก 6,000 ช็อปทั่วโลก......
ทั้งสองฝ่ายจะร่วมงานกันในซีซั่นหน้า 2020-21 สัญญาจะมีผล “อย่างเป็นทางการ”ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป
นิว บาลานซ์ จะร่วมมือกับ ลิเวอร์พูล เป็นปีสุดท้าย
สัญญาในครั้งนี้ครอบคลุมทั้งทีมชาย, ทีมหญิง, ทีมเยาวชน, สต๊าฟ และลิเวอร์พูล Foundation
สำหรับผมมองว่า ลิเวอร์พูล ไม่ต้องการเซ็นสัญญาทำเงินเป็นสถิติโลก และไม่ต้องการ “ได้เงิน” มากนักจากการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นหลัก
แต่หลักๆ ต้องการที่จะ “ได้ไปทั่วโลก” ต้องการที่จะทำการ “กระจายแบรนด์” สู่ผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยเฉพาะตลาดในอเมริกาใต้ นี่สำคัญมากๆ เพราะไม่มีขาย
อีกหนึ่งสิ่งก็คือ การเดินหมากการตลาดที่ “ผิดพลาด” หลายต่อครั้งของ นิว บาลานซ์ ที่เหมือนกับไม่มีพละกำลังในการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนบอลได้
1.ซีซั่นที่แล้วปล่อยให้เกียร์ว่างเสื้อไม่พอขายอยู่ถึงสองรอบ พอออกมาขายก็เหลือบานเบอะ ปล่อยเงินเข้าป่าเข้าตลาดมืดไปบานตะไทโดยเฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเมษายน
2.ปีที่แล้วเสื้อผู้รักษาประตูขายดีแบบยังกะแจกฟรี ขาดตลาดไปตั้งแต่เดือนกันยายน ก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้นอีกในปีนี้ และปีก่อนขายได้ 3 สีดีๆ ปีนี้ออกมา 2 แบบ....เกิดอะไรขึ้นหว่า!?!?!?!
สโมสรคงเห็นความผิดพลาดแบบไม่ควรเกิดขึ้นอย่างนี้ ทั้งที่แฟนบอลแทบจะถอนเงินในแบงค์มาซื้อกันแบบแทบจะล้มละลาย
วันนี้มาถึงขั้นที่แฟนบอลหงส์แดงแทบจะ “ขายไต” ไปซื้อของ แม้ว่าจะหาซื้อได้ไม่ง่ายนัก แต่ก็ดั้นด้นหากันจนได้ หากเป็น ไนกี้ ที่หาซื้อง่ายขึ้นมาก ก็น่าจะแทบจะหมดตัวไปกับของที่ระลึก นี่แหละคือสิ่งที่ ไนกี้ ก็ต้องทำแบบให้ได้แบบ นิว บาลานซ์
เนื่องจากทุกคนกลัวการออกแบบหนเดียว ใส่ทั่วโลก อย่างที่พวกเขาเคยเป็น
ไนกี้ ต้องพิสูจน์ตัวเองในจุดนี้ด้วยการคาดหวังจากแฟนบอล พร้อมกับต้องทำการป้องกัน “ของปลอม” ที่ขนาดของจริงยังไม่ออกมา ตอนนี้ก็ระบาดไปทั่ว แม้กระทั่ง
คนทั่วไปที่มือไวใจเร็วและน่าจะปากเปราะด้วยว่า ไนกี้ปลอมง่ายกว่าทุกยี่ห้อ
.....ทั้งหมดทั้งมวลต้องไม่ลืมว่า“เสื้อบอล” ที่ออกแบบจะต้องสะท้อนความมี“อัตลักษณ์” และมี “เอกลักษณ์” ที่ชัดเจนที่สุด
ทุกอย่างต้องมาพร้อมกัน ทั้งเงินทองของนอกกายที่ไม่ตายก็หายาก และแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
ลืมไม่ได้คือ “ชุดแข่ง” ที่ไม่ใช่แบบโหลๆ
ความสง่างามต้องล้ำหน้า...ราคาค่อยมาว่ากัน!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี