สืบเนื่องจากการที่ฟุตบอลลีกอาชีพในประเทศไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2554 สโมสรฟุตบอลชั้นนำในระดับไทยลีก T1
และไทยลีก T2 ได้จัดตั้งสถาบันฝึกนักเตะเยาวชนไทยขึ้นมาที่เรียกกันว่าฟุตบอลอะคาเดมี่มีการผสมผสานจากการปั้นนักเตะของสโมสรเองร่วมไปกับโรงเรียนมัธยมศึกษาชั้นนำทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ส่วนภูมิภาคในจังหวัดต่างๆ ปัจจุบันถึงแม้ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่จะไม่ได้เป็นสุดยอดทีมในกลุ่ม 11 ชาติอาเซียนแล้วก็ตาม เพราะได้สูญเสียตำแหน่งสุดยอดทีมอันดับหนึ่งในอาเซียนไปให้เวียดนามแล้วก็ตาม แต่ปรากฏว่าศักยภาพในเชิงฝีเท้าของนักเตะไทยนั้นดีกว่านักเตะเวียดนาม ในปัจจุบันมีนักเตะไทยออกไปโกยเงินในต่างประเทศรวม 9 คน
กลุ่มแรก 5 คนด้วยกันที่เดินทางไปโกยเงินเยนในญี่ปุ่นประกอบด้วยผู้รักษาประตูกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และกองกลางตัวรุก ชนาธิป สรงกระสินธ์ เล่นให้กับสโมสรคอนซาโดเลซับโปโร่ ที่อยู่บนเกาะฮอกไกโด ในภาคเหนือของประเทศ ธีราทร บุญมาทันวิงแบ๊กฝั่งซ้าย เล่นให้สโมสรโยโกฮาม่า ฟลูเกลส์ มารินอส แชมป์เจลีก ปี 2019 ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าสโมสรชิมิสุเอสพลัสและตะวัน โคตรสุโพธิ์ กองหน้าเล่นใน เจ 3 กับเซเรโซ่ โอซากา 4 คนแรกนั้นได้รับเงินค่าจ้างเดือนหนึ่งเป็นเลข 7 หลัก
กลุ่มต่อมาเป็นกลุ่มที่ 2 มี 4 คน อาจจะมีชื่อเสียงไม่โด่งดังเท่ากับกลุ่มแรกก็ตาม แต่พวกเขาก็มีดีพอที่ออกไปโกยเงินกลับเข้าประเทศไทยเช่นเดียวกันรายแรก ได้แก่ “โอเว่น” สันติราษฎร์ เวียงอินทร์ กองกลางตัวริมเส้น หรือปีก วัย 30 ปี ปัจจุบันไปค้าแข้งในกัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านของไทย อยู่กับคีรีวงศ์ เอฟซี สโมสรลีกของกัมพูชาในจังหวัดตาแก้ว เป็นนักเตะไทยหนึ่งเดียวในลีกสูงสุดของกัมพูชา คีรีวงศ์ เอฟซี สโมสรได้ชื่อใหม่แข่งในเมตโฟน ซี ลีก 2020 เพราะคีรีวงศ์ เอฟซี มีกุนซือชาวไทยชื่อ เอกภพ โพธิไสย
“โอเว่น” เล่นในตำแหน่งปีกได้ค้าแข้งกับทีมต่างๆ ในไทยมากมาย เล่นให้ นครพนม เอฟซี ระหว่างปี 2011-2013 ปี 2014 ย้ายมาอยู่ศรีสะเกษ เอฟซี ปี 2015 ถูกบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดึงตัวไปร่วมทีม ปี 2016 ย้ายมาเล่นให้กับ พีทีที ระยองส่วนเลกสองไปอยู่สุโขทัย เอฟซี ปี 2017 กลับมาเล่นที่ภาคอีสานกับ ยโสธร เอฟซี ปี 2018 เล่นให้ขอนแก่น เอฟซี ปี 2019 ค้าแข้งให้อยุธยา ยูไนเต็ด ทีมไทยลีก T2 ก่อนมาอยู่คีรีวงศ์ จังหวัดตาแก้วคาดว่าค่าจ้างโอเว่นไม่น้อยกว่า 300,000 บาท
ที่เหลืออีก 3 คน ล้วนไปค้าแข้งในเอ็มลีก มาเลเซียซูเปอร์ลีก ด้วยค่าจ้างประมาณคนละ 100,000 ริงกิตต่อเดือนตกประมาณ 700,000 บาท คนที่หนึ่ง ได้แก่ “เอ็ม” อนาวิน จูจีน อดีตปีกขวาทีมชาติไทยวัย 30 ปี เป็นชาวเมือง สี่แคว นครสวรรค์ เขาเคยค้าแข้งกับธนาคารกรุงไทยเอฟซี จากนั้นย้ายมาอยู่บางกอกกล๊าสเอฟซี กระต่ายสีเขียว, บุรีรัมย์ยูไนเต็ด, สุพรรณบุรีเอฟซี และพีทีทีระยอง รวม 272 ครั้ง ก่อนเดินทางไปทำสัญญาเล่นกับเปตัลลิ่งจาย่าในรัฐเซลังงอร์
อนาวิน เรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกีฬาอ่างทอง แล้วเริ่มเล่นฟุตบอลกับธนาคารกรุงไทย ใช้เวลา 3 ปี ถึงมีโอกาสได้เล่นชุดใหญ่ส่วนใหญ่เป็นแค่ตัวสำรองต่อมาปี 2551 ธนาคารกรุงไทยโอนสิทธิการเล่นในลีกให้กับบางกอกกล๊าส เอฟซี รังสิต ปี 2555 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซื้อตัว อนาวิน ด้วยสัญญา 2 ปีด้วยค่าตัว 2 ล้านบาท จากนั้นในปี 2560 ย้ายมาสุพรรณบุรี และปี 2562 มาอยู่กับพีทีทีระยอง เขาเคยติดทีมชาติในรุ่นอายุ 23 ปีและทีมชาติชุดใหญ่
คนต่อมาคือนักเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมันชื่อว่าเดนนิส บูเชนนิ่ง เล่นในตำแหน่งกองหน้าวัย 29 ปี เกิดที่ดอร์ทมุนด์ สหพันธรัฐเยอรมนีทำให้ได้ฝึกฟุตบอลกับอะคาเดมีของเสือเหลืองได้เล่นในระดับเยาวชนแล้วย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยบ้านเกิดของมารดาได้ทดสอบฝีเท้าแล้วทำสัญญาค้าแข้งกับบุรีรัมย์ยูไนเต็ด แล้วย้ายมาบีอีซีเทโรศาสน,อาร์มี่ยูไนเต็ด หรือทหารบก, ราชนาวีเอฟซี, อ่างทองเอฟซี ในไทยลีก 2และ ชัยนาทฮอร์นบิลเอฟซี ก่อนไปทำสัญญากับซาบาห์เอฟซีในซูเปอร์ลีกของมาเลเซีย ในสมัยเยาวชน เขาติดทีมเยาวชนชุดอายุ17 ปี ของทีมเยอรมนีมาแล้ว มีสถิติการเล่นในไทยรวม 77 นัด
คนสุดท้าย คือ นฤพนธ์ พุฒซ้อน ไวลด์ เป็นนักเตะลูกครึ่งไทย-อังกฤษ วัย 31 ปี ปัจจุบันทำสัญญาค้าแข้งกับสโมสรรัฐมะละกาของซูเปอร์ลีกมาเลเซีย เป็นนักเตะกองหลังเคยค้าแข้งกับแบงค็อกยูไนเต็ด, สงขลายูไนเต็ด, บีบีซียู, บุรีรัมย์ยูไนเต็ด, สุพรรณบุรีเอฟซี และนครราชสีมาเอฟซี รวมทั้งหมด 114 นัด ทำประตูได้ 5 ประตู