สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่าทำการเสนอการปรับกฎกติกาการแข่งขันสำหรับฟุตบอลที่จะกลับมาแข่งขันในช่วงฤดูกาลที่เหลือ หลังจากที่หลายประเทศเริ่มคลายกฎการล็อกดาวน์ และทำให้ฟุตบอลลีกเตรียมกลับมาฟาดแข้งอีกครั้งในช่วงเดือน มิ.ย. นี้
โดยก่อนหน้านี้ ฟุตบอลลีกนั้นถูกพักเบรกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โคโรนาไวรัส หรือ โควิด-19 ตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถึงเวลานี้หลายชาติในยุโรปนั้นเชื่อว่าจะกลับมาแข่งขันได้อีกครั้งแบบปิดสนามไม่ให้แฟนบอลเข้าชม ซึ่งในช่วงเวลาที่เหลือนั้นอาจะต้องเตะกัน3 นัดต่อสัปดาห์ ล่าสุด ฟีฟ่าได้เสนอกฎที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยการอนุญาตให้ทีมเปลี่ยนตัวได้มากขึ้น จากเดิมที่เปลี่ยนได้ 3 คนระหว่างเกมจะเพิ่มขึ้นเป็น5 คน ในทุกรายการ และหากมีการต่อเวลาพิเศษก็สามารถเปลี่ยนเพิ่มขึ้นได้อีก 1 คน รวมเป็น 6 คน เพื่อลดผลกระทบต่อนักเตะที่ต้องลงแข่งขันในโปรแกรมอัดแน่นที่เหลือของฤดูกาลนี้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนกฎกติกาใดๆก็ตามจำเป็นต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการของฟีฟ่า รวมถึงคณะกรรมการสมาคมฟุตบอลนานาชาติ (IFAB) ก่อนจึงจะสามารถนำมาบังคับใช้ได้อย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกัน มิเชล ดีฮูเก ประธานคณะกรรมการด้านการแพทย์ของฟีฟ่าได้ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลต่อจากนี้ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในด้านของพฤติกรรมการรักษาความสะอาดของแต่ละคนมากขึ้น โดยดีฮูเกเชื่อว่าควรจะมีกติกาใหม่เกิดขึ้น เช่น การถ่มน้ำลายในสนามฟุตบอลอาจเป็นความผิดที่ทำให้นักเตะโดนใบเหลืองได้ เช่นเดียวกับการสั่งน้ำมูกบนสนามการบ้วนน้ำ การป้องมือพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และการจับมือก่อนและหลังเกม สิ่งเหล่านี้ฮูดีเกมองว่าอาจเป็นสิ่งที่ต้องระงับชั่วคราวหากฟุตบอลกลับมาแข่งขันในช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่หมดลงแบบไม่มีวัคซีนรักษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี