9 มีนาคม 2020 ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่านั่นจะเป็นเกมสุดท้ายในการดวลแข้งฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และถูกหยุดยาวมาตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาด้วยไวรัสร้าย
เกมที่คิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ ถลุง “สิงห์เผ่นมิดแลนด์” แอสตัน วิลล่า กระจุย 4-0 คือเกมล่าสุดที่เราได้ชมกันและทุกอย่างกำลังจะยุติลงในคืนวันพุธที่17 มิถุนายนนี้
ในยุคที่ฟุตบอลกำลัง “ฝืด”และ “เฟ้อ” พร้อมกัน!!!!
หลังจากแมทช์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีม ที่แอนฟิลด์ จบลงในคืนวันที่12 มีนาคม ทุกอย่างกำลังก้ำกึ่งว่าจะไปได้หรือไม่ แต่สุดท้ายเมื่อมีผู้ติดเชื้อชื่อว่า มิเกล อาร์เตต้า ทำให้ทุกอย่างแทบจะหยุด 100 เปอร์เซ็นต์
ไม่มีใครบอกได้ว่าเป็นเพราะ อาร์เตต้าติดจากการได้พบกับเอวานเจลอส มารินาคิส เจ้าของทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และโอลิมเปียกอส ที่ยอมรับก่อนหน้านั้นว่าติดเชื้อในระหว่างที่ข่าวกำลังไปทางลบ ก็ยิ่งลบไปใหญ่เมื่อ คัลลัม-ฮัดสัน โอดอย ปีกของเชลซี ติดเชื้อในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
พรีเมียร์ลีก จึงตัดสินใจหยุดทันที พร้อมๆ กับการประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินของรัฐบาลอังกฤษ
ทุกคนต้องอยู่บ้าน จากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที
...เกมในสนามอาจจะต้องพักแต่เรื่องการประชุมนอกสนามทุกคนต้องเดินหน้าต่อ โดยการทำงานไปพร้อมกันของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ), พรีเมียร์ลีก, สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (พีเอฟเอ), รัฐบาลอังกฤษ และสาธรณสุข NHS กระทั่งมีการกลับมาซ้อมครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา
ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมกันระหว่างผู้ถือหุ้นของพรีเมียร์ลีก และตัวแทนของผู้เกี่ยวข้องเน้นย้ำไปที่เรื่องของนักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาลงในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ หลังจากการประชุดนัดก่อนไม่มีเรื่องนี้อยู่เลย
เหตุผลที่ต้องเคลียร์กันเกี่ยวกับนักเตะที่สัญญากำลังจะหมดลงกว่า 60 คนนั่นก็คือ จะต้องได้รับการยืนยันที่ชัดเจนจากทั้งสองฝ่าย นั่นก็คือ สโมสร และตัวนักเองเพราะเรื่องนี้ ฟีฟ่า ได้ประกาศช่วยเหลือแล้ว แต่ด้วยช่องโหว่ทางกฎหมายแรงงานของอังกฤษ ต้องปิดเอาไว้ให้ละเอียดยิบที่สุด
เรื่องสัญญานักเตะนั้น ฟีฟ่า ได้ยืนยันมาตั้งแต่วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563 ว่า จะกระโดดเข้ามาช่วยสโมสรและนักฟุตบอลที่กำลังจะหมดสัญญา หลังจากร่างกฎขึ้นมาใหม่ เพราะทุกคนไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะมีวิกฤติร้ายแรงถึงขั้นนี้ และเป็นเหตุสุดวิสัย เป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ระเบียบใหม่นี้ได้ร่างมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ใจความระบุไว้ว่านักเตะสามารถอยู่กับทีมได้ต่อไป แม้ว่าสัญญาจะหมดลงแล้วก็ตาม และเมื่อไหร่ที่การแข่งขันฤดูกาลนี้จบลงทุกคนก็จะเป็นอิสระตามสัญญาเดิม
จากนั้นในวันที่ 15 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ของพรีเมียร์ลีก จะร่วมประชุมกันเพื่อ “ยืนยัน” แผนงานของฟุตบอลอังกฤษ ที่จะกลับมาเตะเพื่อความชัดเจนที่สุดของโปรแกรมการแข่งขัน
หลังจากยืนยันความชัดเจนแล้ว ในวันที่ 18 พฤษภาคม สโมสรในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด กลับมาฝึกซ้อมกันอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเรียกความฟิตก่อนจะเข้าสู่การแข่งขัน แต่ยังคงอยู่ในกรอบของการเว้นระยะห่างทางสังคมเช่นเดิม
กำหนดการแรกนั้น จะกลับมาแข่งขันในวันที่ 8 มิถุนายน หรือ 13 มิถุนายน โดยเกมจะมีขึ้นในสนามกีฬาที่ได้รับการอนุมัติเท่านั้น นั่นหมายความว่าการเตะแบบทีมเหย้าทีมเยือนจะไม่เกิดขึ้นเหมือนปกติโดยการตัดสินใจจะเกิดขึ้นจากรัฐบาล, ตำรวจ และที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์จากกลุ่มกรณีฉุกเฉิน
กีฬาได้ถูกกำหนดให้กลับมาแข่งขันกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งรัฐบาลได้ตีพิมพ์เอกสาร 50 หน้า ระบุว่าการเปิดสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก อาทิ สนามกีฬา “อาจเป็นไปได้ในภายหลัง” เรื่องนี้มีเงื่อนไขก็คือ จะขึ้นอยู่กับนัยสำคัญการลดจำนวนของการติดเชื้อเท่านั้น
แผนงานการดำเนินงานทางการแพทย์ หรือโปรโตคอลอย่างเป็นทางการ (Official protocols) ได้ถูกส่งให้กับนักฟุตบอล และผู้จัดการทีมทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม สมาชิก“เกินครึ่ง” ต้องการที่จะ “แข่งขันในบ้านตัวเอง”
เรื่องนี้สมาชิกพรีเมียร์ลีก รับฟังคำคัดค้านของบางสโมสร ในการเตะสนามกลาง พร้อมสนับสนุนแนวคิดนี้ในการไปเจรจากับ รัฐบาล, ตำรวจ และฝ่ายรักษาความปลอดภัย
มี 6 ทีมเป็นตัวตั้งตัวตีในการที่ไม่เตะสนามกลาง ซึ่ง “A group of six clubs” นำโดย ไบรท์ตัน, วัตฟอร์ดและวิลล่า พร้อมกับมีข่าวว่า จะขอไม่ให้มีการตกชั้น
ก่อนที่ ริชาร์ด มาสเตอร์ส หัวหน้าผู้บริหารระดับสูงของพรีเมียร์ลีก ยืนยันด้วยตัวเองว่า สโมสรทุกแห่งต่อต้านการเตะสนามกลางพร้อมกันนั้น ในวันที่ 13 พฤษภาคม สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ประกาศว่า พรีเมียร์ลีกปีนี้จะไม่มีคำว่า “โมฆะ” และจะต้องมีทีม “ตกชั้น” เหมือนเดิม
ข้อสรุปอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นว่า ทีมต่างๆ จะกลับมาซ้อมและจะต้องมาจากความเต็มใจของทุกคนในวันที่ 18 พฤษภาคม ด้วยแนวทาง New Normal และการปฏิบัติตัวเองตามการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือที่เราคุ้นหูกันว่า social distancing
ถ้าพิจารณาออกมาเป็นข้อๆ ประกอบไปด้วย
1.การตรวจคัดกรองสุขภาพ โดยผู้เล่นจะได้รับการแจ้งให้ลงทะเบียนส่วนกลาง ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ความยินยอมของข้อตกลงระหว่างนักฟุตบอล กับ สมาคมนักฟุตบอลอังกฤษ (Professional Footballers’ Association)
2.นักฟุตบอลจะลงทำการฝึกซ้อมในเวลาจำกัดคนละไม่เกิน 75 นาที
3.มาตรการควบคุมสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างพิถีพิถัน และการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล(personal protective equipment) สำคัญที่สุดก็คือ จำกัดพื้นที่ของแต่ละคน
4.ภายใต้กฎอันเข้มงวดนักบอลจะไม่สามารถเดินทางมาสนามซ้อมร่วมกับใครทั้งสิ้น และไม่สามารถกลับได้กลับใครด้วยเช่นกัน นักบอลจะต้องทำความสะอาดรถตัวเองเป็นประจำ โดยไม่ใช่ยวดยานพาหนะของทีม และห้ามใช้ขนส่งสาธารณะเด็ดขาด
5.มีการประเมินความเสี่ยง และข้อควรระวัง เกี่ยวกับนักกีฬาที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหอบหืด รวมไปถึงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเชื้อชาติอื่นๆ (Bame) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าชายกับหญิงผิวสีในอังกฤษ กับ เวลส์ เสียชีวิตมากกว่าคนผิวขาวในอังกฤษ เพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยร่วม
นักบอลกลับมาซ้อมกันได้อย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤษภาคม...จากนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆ ขยับไปตามเฟสต่าง ๆ 2-3-4
กระทั่งย่ำค่ำในวันที่ 28 พฤษภาคมข้อสรุปยืนยันว่าฟุตบอลจะกลับมาแข่งขันเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายนเป็นต้นไป
การกลับมาเตะก่อน 2 เกมนี้ ก็เพื่อให้จำนวนแมทช์การแข่งขันกลับมาเตะเท่ากันที 29 นัดจากนั้นจะเริ่มแข่งขันตามโปรแกรมในวันที่ 19 หรือ 20 มิถุนายน
บทสรุปทั้งหมดจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งจะไม่มีการพูดถึงอีกเพื่อลดความตึงเครียด จนกว่าการจะมีมาตรการชัตดาวน์จากทางรัฐบาล ที่ทำให้การแข่งขันในลีกต้องยุติลงอีกครั้งนั่นหมายถึง กรณีการระบาดในระลอกที่ 2
การกลับมาแข่งขันพรีเมียร์ลีก ได้มีการอนุมัติให้มีการเปลี่ยนตัวได้ทั้งสิ้น จากเดิม 3 คน มาเป็น 5 คน และสามารถส่งชื่อนักเตะสำรองได้ทั้งหมด 9 คน จากเดิมที่ส่งได้ 7 คน
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกฝ่ายพร้อมกลับมาและยืนยันการโหวตเอกฉันท์ เมื่อ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้มีการลงมติเห็นชอบในหลักการ ประกอบด้วยนักเตะ, ทีมงานสต๊าฟโค้ช และทีมผู้ตัดสินไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยมาที่สนาม โดยทุกคนจะผ่านการวัดอุณหภูมิ ก่อนเข้าสนามและตรวจไวรัสโควิด-19คนละ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจที่สุดในความปลอดภัย นั่นหมายความว่าฟุตบอลอังกฤษจะไม่มีผู้สวมใส่หน้ากากเวลาอยู่ในสนาม ทั้งตัวจริง, ตัวสำรอง, ผู้ตัดสินที่ 4 และเจ้าหน้าที่ต่างๆ
ขณะที่จำนวนผู้ที่จะเข้าร่วมในสนามการแข่งขันแต่ละสนาม จะถูกจำกัดทั้งสิ้นในโซนสีแดง 110 คน และภายนอกของสนามจำนวนของคนสูงสุดจะอยู่ที่ 300 คนเท่านั้น และจะไม่มีเด็กเก็บบอลข้างสนาม
ลูกฟุตบอลจะถูกวางไว้ตามจุดต่างๆ และนักเตะจะเป็นผู้เก็บลูกฟุตบอลมาเตะเอง เหมือนกับลีกบุนเดสลีกา เยอรมนี และลา ลีกา สเปนที่ดำเนินการแบบนี้ในการรีสตาร์ทซีซั่น
ถึงตรงนี้ได้เวลา...ยินดีต้อนรับสู่พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ที่ซัดกันในฤดูร้อน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี