ในที่สุดแผลก็เปิดออกมาเรื่อยๆ ...................
วงการฟุตบอลอังกฤษ ประสบปัญหาหนักในเรื่องการเงินเนื่องจากพิษของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 รวมถึงการมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการทางการเงินต่อเนื่องมานาน
ล่าสุด สโมสรวีแกน แอธเลติก ทีมดังเจ้าของแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 2013 มีอันต้องถูกควบคุมกิจการแล้ว และเป็นทีมแรกในยุคโควิด-19 ที่บริหารต่อไปไม่ได้
วีแกน ประสบปัญหาเรื่องการเงิน จนต้องถูกควบคุมกิจการจากลีก หลังจากงบการเงินของ วีแกน หนี้เน่าสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อติดหนี้อยู่ 9.2 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1.5 ล้านปอนด์ และจะถูกหัก 12 คะแนน แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจนว่า จะตัดแต้มทันทีในซีซั่นนี้ หรือเริ่มตัดในซีซั่น
นาทีนี้ วีแกน อยู่อันดับ 14 ของเดอะ แชมเปี้ยนชิพ มีอยู่ 50 คะแนน ถ้าถูกหักในซีซั่นนี้จะทำให้พวกเขาหล่นไปอยู่บ๊วยแทนที่ ลูตั้น ทาวน์ ทันที เพราะตอนนี้ ลูตั้น มีอยู่ 40 แต้มแต่ถ้าเริ่มซีซั่นหน้าพวกเขาจะออกสตาร์ทด้วยการติดลบย 12 คะแนนตามกฎทันที
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว “กงสี” วีแกน แอธเลติก ทีมเงินเดือนขวัญใจคนยาก สร้างสถิติสุดประหลาดให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษ เมื่อเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งแรกของสโมสร ด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 แต่ต้องตกชั้นในอีกไม่กี่วันต่อมาเป็นทีมแรกในบันทึกประวัติศาสตร์ลูกหนังที่ได้แชมป์เอฟเอ คัพแต่ต้องตกชั้นในซีซั่นเดียวกัน
การถูกควบคุมกิจการในครั้งนี้ ทำให้เป็นที่น่าหวั่นใจว่าฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ กำลังจะล้มเป็นโดมิโน่นั้น อาจจะไม่ใช่แค่คำขู่ เพราะวิกฤติการขาดทุนของทีมในระดับลีกล่าง บวกกับประสบปัญหากับ โควิด-19 แบบนี้ยิ่งสาหัส
หายนะวงการฟุตบอลเริ่มเค้าลางมาตั้งแต่เมื่อตอนต้นฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อ บิวรี สโมสรใน ลีกวัน หรือดิวิชั่น 3 ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดี โดน สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ “เอฟเอ”ขับออกจากระบบอาชีพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไม่สามารถปลดภาระหนี้สิน จำนวน 2.7 ล้านปอนด์ ได้ทันเวลา
“The Shakers” ได้รองแชมป์ลีกทู เมื่อปีก่อน แล้วขึ้นชั้นมาอยู่ลีกวัน ได้พยายามเดินหน้าหากลุ่มทุนมาเทคโอเวอร์สโมสร แต่ท้ายที่สุดไม่สามารถหาได้ทันกำหนดเส้นตายในเวลา 17.00 น. ของวันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2019ที่ผ่านมา ทำให้ถูกไล่ออกจากระบบลีกอย่างน่าเศร้า
บิวรี ถือเป็นทีมแรกในรอบ 27 ปี ที่ถูกขับออกไปจากลีกโดยทีมล่าสุดคือ เมดสโตน เมื่อปี 1992 ยังผลให้ระบบลีกอาชีพปีนี้เหลือ 91 ทีม ส่วนทีมสามารถกลับเข้าระบบพีระมิดชิงลีกได้ในซีซั่นหน้า หรือ 2020-21 แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา
ขณะเดียวกัน “เดอะ ทร็อตเตอร์ส” โบลตันวันเดอร์เรอร์ส รอดตายอย่างหวุดหวิด ในวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ลังจาก Football Ventures (Whites) Limited ได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร หลังจากไม่มีเงินจ่ายพนักงานกว่า 150 คน และต้องออกสตาร์ทซีซั่นด้วยการติดลบ 12 คะแนน ก่อนจะตกชั้นจากลีก วัน ไปอยู่ ลีก ทูในฤดูกาลหน้า
มีการวิเคราะห์กันว่า ความจริงที่โหดร้าย นั่นคือฟุตบอลกำลังเล่นโดยไม่มีแฟนๆ เข้ามาในสนามในปัจจุบัน นั่นหมายความว่าสโมสรอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังสูญเสียรายรับ 5 ล้านปอนด์ต่อเกม เป็นอย่างน้อย แต่ทีมในพรีเมียร์ลีก มีการถ่ายทอดสดช่วยเหลืออยู่
แต่เมื่อมองลงไปที่รากลึกในระบบพีระมิดของฟุตบอลอังกฤษ มันเกิดเหตุการณ์วุ่นไปกันใหญ่ ทั้งในลีกวัน, ลีก ทู และเนชั่นแนล ลีก(นอกลีก) ไม่มีเงินมาช่วยเหลือตรงนี้เลยทำให้อาจจะถึงเวลาที่ รัฐบาลอังกฤษ จะต้องมาดูแลอย่างเต็มตัวเนื่องจากมีอีกถึง 50-60 สโมสรที่กำลังย่ำแย่อย่างหนัก
เป็นความเหลื่อมล้ำของวงการฟุตบอลอังกฤษในปัจจุบันอย่างแท้จริง
พรีเมียร์ลีก กับ เดอะ แชมเปื้ยนชิพ ได้แข่งขันกันต่อ กับ “โปรเจกท์ รีสตาร์ท” ผิดกับ ลีก วัน หรือ ดิวิชั่น 3 และลีก ทู หรื อดิวิชั่น 4 จำเป็นต้อง “ตัดจบ” และ “ยุติการแข่งขัน” เหตุผลก็คือ เนื่องมาจากปัจจัยทางการเงิน ที่ไม่มีรายรับหากเตะไปก็ไม่ได้เงิน เนื่องจากแฟนบอลเข้าสนามไม่ได้และไม่มีการถ่ายทอดสด
เมื่อรายได้ไม่เข้า บวกกับการที่ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการตรวจโรค ทั้งที่ค่าใช้จ่ายตรงนี้คนละเรื่องกับพรีเมียร์ลีกนั่นเพราะเงิน 4 ล้านปอนด์ ที่พรีเมียร์จัดกระบวนการตรวจละเอียดยิบ แต่งบประมาณค่าตรวจ 150,000 ปอนด์ ของบอลลีก ทู ไม่สามารถหามาใช้จ่ายได้ ได้แค่เตะเพลย์ออฟเท่านั้น
นักบอลนับพันคนกำลังหมดสัญญา บางคนหมดสัญญายืมตัว แต่บางคนหมดสัญญาถาวร ทำให้เกิดการว่างงานขึ้นเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าบอลจะกลับมาได้อีกเมื่อไหร่ ทำให้การตัดจบและคิดคะแนนเฉลี่ยคือทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุด และสุดท้ายก็ออกมาเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่ง ลีก วันเหลือเกม 106 นัดและลีก ทู เหลืออีก 112 นัด
เรื่องดังกล่าวนี้ เดวิด เคราส์บี้ สมาชิกรัฐสภาของโบลตัน นอร์ท อีสต์ ยืนยันว่า เป็นเรื่องที่น่าเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด นี่คือจุดที่น่าสนใจว่า อะไรเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลอังกฤษ กันแน่
“มีบางอย่างผิดปกติในฟุตบอลอังกฤษ” เคราส์บี้ กล่าวไว้เมื่อต้นซีซั่น “สโมสรเหล่านี้มีประวัติศาสตร์มากมาย และมีความสัมพันธ์อันดีในท้องถิ่น แต่กลายเป็นว่า หลายทีมกำลังดิ้นรนอย่างหนักต่อการสุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลาย แต่ในเวลาเดียวกันกับที่พรีเมียร์ลีกกำลังเฟื่องฟู ทำให้เราต้องร่วมกันทำให้ถูกต้องโดยเฉพาะทำกับทีมท้องถิ่น ที่สำคัญไม่ใช่ให้ใครบางคนที่หยิบมันขึ้นมาเพื่อทำกำไร และหาผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว แน่นอนที่สุดเราต้องมีความตั้งใจจริงๆ ที่จะปกป้องสถาบันฟุตบอลนี้ไม่อนุญาตให้ล้มเหลวและหายไปให้จงได้”
ริค แพร์รี่ ประธานฟุตบอลอังกฤษ หรือ อีเอฟแอล ระบุเอาไว้ชัดเจนเมื่อเดือนก่อนต่อคณะกรรมการดิจิทัล และวัฒนธรรมสื่อของอังกฤษ ว่า สโมสรต่างๆ ในลีกระดับ 2, 3 และ 4 กำลังเผชิญกับวิกฤติทางการเงินถึง 200 ล้านปอนด์ และจะมีปัญหาอย่างแน่นอนในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ทางด้าน ฟิล ฮ็อดก์กินสัน ประธานของ “เดอะ เทอร์เรียร์ส”ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า มีถึง50-60 ทีมที่ประสบปัญหาด้านการเงินกับวิกฤติโควิด-19
คำว่า football without fans is nothing เริ่มแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของวลีนี้ได้มากยิ่งขึ้น เมื่อไม่มีแฟนบอลทุกอย่างเริ่มที่จะยากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
นี่คือวิกฤติที่สาหัสที่สุดในทุกวงการ
นี่คือวิกฤติที่สาหัสที่สุดของฟุตบอลอังกฤษ อาจจะไม่ใช่ในรอบ 100 ปี
น่าจะหนักที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งมาเลยก็ได้!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี