การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องบันทึกสถิติต่างๆ เอาไว้อีกครั้ง หลังจากเกมเมื่อคืนวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์ใหม่ และ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า
โดยที่ “หงส์แดง” ทำสถิติด้วยการคว้าชนะถึงจำนวน 30 นัด เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก จากการลงเตะเพียง 34 เกม เท่านั้น พังสถิติเดิมที่ แมนฯซิตี้ ทำเอาไว้ด้วยการชนะ 30 ใน 35 เกม เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนสำเร็จ ทำให้ ลิเวอร์พูล มีแล้ว 92 คะแนน เหลืออีก 8 คะแนน จะทาบของเดิมที่ แมนฯซิตี้ ทำไว้เมื่อ 2 ปีก่อน และถ้าได้ 9 จาก12 คะแนนที่เหลือในซีซั่นนี้ ก็จะเป็นสถิติใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษในทันที
“เหลือเชื่อที่เราทำได้ถึงขนาดนี้” เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล กล่าว “ผมไม่คิดมาก่อนว่าเราจะโกยคะแนนได้เยอะมากๆ ในสองฤดูกาลหลังสุด แต่บางคนอยากให้เราทำคะแนนให้แซง แมนฯซิตี้ หรือทำให้ได้ 100 คะแนน ผมรู้ และผมเข้าใจทุกคน อย่างไรก็ดี เป้าหมายของผมก็คือ ผมอยากให้เราได้คะแนนมากกว่าปีก่อนที่เราทำกันไว้ 97 คะแนน”
ขณะเดียวกัน ชัยชนะ 30 นัด เท่ากับทีมลิเวอร์พูล ที่ก่อนหน้านี้ทำเอาไว้ด้วยเมื่อปี 1978-79 และ 2018-19 พร้อมกันนี้ยังคว้าชนะนอกบ้าน 13 เกมใน 1 ซีซั่น เป็นสถิติของสโมสร ส่วน 3 หัวหอกหินเหล็กไฟ สังหารไปครบ 250 ประตูในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั่นคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์94 ประตู, ซาดิโอ มาเน่ 79 ประตู และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่77 ประตู หลังจากรวมทีมกันเป็นปีที่ 3
ในส่วนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมแรกในรอบ 35 ปี ที่มีนักเตะรวมทั้งสิ้น 5 คน ทำประตูได้อย่างน้อย10 ประตู ภายในฤดูกาลเดียว ในเกมที่พวกเขาไล่ต้อน“สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กระจุย 5-0 ซึ่งคนที่ทำได้ล่าสุดคือ ริยาด มาห์เรซ แกนรุกทีมชาติแอลจีเรีย ทำให้เขาทำไปแล้ว 10 ประตูในฤดูกาลนี้ ส่งผลให้ “เรือใบสีฟ้า” มีนักบอลที่ยิงได้ถึง 2 หลัก ในซีซั่นนี้ไปแล้ว 5 คนด้วยกัน ประกอบด้วยเซร์คิโอ อเกวโร่ 16 ประตู, ราฮีม สเตอร์ลิง 14 ประตู,เควิน เดอ บรอยน์ 11 ประตู และ กาเบรียล เฮซุส 11 ประตู
สำหรับทีมล่าสุดที่เคยทำได้แบบนี้คือ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน เมื่อฤดูกาล 1984/85 ประกอบไปด้วยแกรม ชาร์ป 21 ประตู, เทรเวอร์ สตีเว่น 12 ประตู,เควิน ชีดี้ 11 ประตู, เอเดรียน ฮีธ 11 ประตู และดีเร็ค เมาท์ฟิลด์10 ประตู
ขณะเดียวกัน เป๊ป กวาดิโอล่า กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืนยัน ดาบิด ซิลบา กองกลางตัวเก๋า จะกลับมาสู่ทัพ“เรือใบสีฟ้า” เพื่อเล่นเกม เทสติโมเนียลแมทช์ ของตัวเอง อย่างแน่นอน เมื่อมีการปลดล็อกให้แฟนบอลสามารถกลับมาเข้าชมเกมในสนามได้อีกครั้ง
“เขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อเล่นเกมอำลาต่อหน้าแฟนๆ เพราะเขาคือตำนานที่น่าเหลือเชื่อของพวกเรา ของสโมสรแห่งนี้ หากเขาจะมีชื่อถนนเป็นของตัวเองหรือรูปปั้นหน้าสนามมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ดาบิด ทำได้สุดยอดกว่าใครในการเล่นในพื้นที่เล็กๆ และเขาเคลื่อนที่ไปมาได้แบบเหลือเชื่อ ซึ่งผมไม่เคยเห็นใครทำได้เหมือนเขาจากนี้ไปหากเขาตัดสินใจว่าจะย้ายไปเล่นที่ไหน ผมเชื่อว่าเขาสามารถเล่นได้ทุกที่ ไม่ต้องสงสัยเลยแข้งดาวรุ่งของเรา สามารถเรียนรู้จาก ดาบิด ได้เลย เขาเป็นคนที่พูดไม่เยอะ แต่เป็นตัวอย่างให้กับทุกคนได้อย่างดี” กุนซือชาวสแปนิช กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี