การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 2 ถึงคิวของ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ฟุตบอลอังกฤษ มากที่สุด 20 สมัยเปิดถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ลงเล่นเป็นเกมแรกของฤดูกาลนี้ ต้อนรับการมาเยือนของ “ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ ที่ฟอร์มดีเอาชนะ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน มาในเกมที่แล้ว โดยคู่นี้ดวลแข้งกันในเวลา 23.30 น.

แมนฯยูไนเต็ด ต้องรอเช็คความฟิตของ ปอล ป๊อกบา ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเพิ่งกลับมา ไม่รู้ว่าจะฟิตทันหรือไม่ ขณะที่อักเซล ตวนเซเบ้ บาดเจ็บเล่นไม่ได้ ส่วนรายอื่นๆ ถือว่าพร้อมลงเล่นได้ทั้งหมด คาดว่าสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ หรือ เนมานญ่ามาติช จะยืนคุมแดนกลางร่วมกับแข้งใหม่อย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ๊ค ทำให้ป๊อกบาต้องนั่งสำรองไปก่อน ส่วนแนวรุกน่าจะเหมือนเดิม มาร์คัส แรชฟอร์ด ประสานงานร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส และเมสัน กรีนวู้ด คอยทำเกมสนับสนุนหน้าเป้าอย่าง อองโตนี่ มาร์กซิยาล ยืนหน้าเป้า

ทีมเยือน คริสตัล พาเลซภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮอดจ์สัน ยังไม่มีคริสติยง เบนเตเก้, แกรี่ เคฮิลล์, เจมส์ทอมกิ้นส์ และแพทริค ฟาน อานโฮลท์ ที่บาดเจ็บ ทำให้ในตำแหน่งแบ๊กซ้าย ไทริค มิทเชลล์ จะได้ลงทำหน้าที่ต่อเนื่อง ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะปรับทัพอะไรจากเกมที่ชนะเซาแธมป์ตันมา 1-0 ถ้าจะเป็นคงเป็นสองแนวรุกที่มาใหม่อย่าง เอเบเรซี่ เอเซ่ และมิตชี่ บัตซัวยี่ น่าจะได้รับโอกาสลงตัวจริง

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1): ดาบิด เด เกอา, อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, สก็อตต์
แม็คโทมิเนย์, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ๊ค, เมสัน กรีนวู้ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ดและอองโตนี่ มาร์กซิยาล

คริสตัล พาเลซ (4-4-2): บิเซนเต้กวยต้า, โจเอล วอร์ด, ชีค คูยาเต้, สก็อตต์ แดนน์, ไทริค มิทเชลล์, เอเบเรซี่ เอเซ่, เจมส์ แม็คคาร์ธีย์, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์,วีลฟรีด ซาฮา, จอร์แดน อายิว และมิตชี่ บัตซัวยี่

สำหรับสถิติการพบกันของทั้งสองทีมในทุกรายการ แมนฯยูไนเต็ด เหนือกว่าเยอะเอาชนะได้ 38 ครั้ง เสมอ 11 ส่วน พาเลซ ชนะได้ 8 ครั้ง โดยการเจอกันเมื่อฤดูกาลที่แล้วผลัดกันแพ้ชนะ เกมแรก พาเลซ บุกไปเอาชนะถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด2-1 ก่อนที่แมนฯยูไนเต็ดจะเอาคืนบุกไปต้อน 2-0

ขณะที่ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่เกมนัดแรกออกสตาร์ทได้อย่างสวยหรูด้วยการต้อนรับทีมน้องใหม่อย่าง ฟูแล่มขาดลอย 3-0 สภาพทีมเกมนี้ มิเกลอาร์เตต้า ยังเจอปัญหาผู้เล่นบางรายที่บาดเจ็บไล่ตั้งแต่ คัลลั่ม แชมเบอร์ส, กาเบรี่ยลมาร์ติเนลลี่, ปาโบล มารี, ดาวิด ลุยซ์ และสโคดราน มุสตาฟี่ ทำให้เกมนี้น่าจะไม่มีการปรับทัพอะไรมากนัก อาจจะเปลี่ยนตรงนี้กรานิต ชาก้า ที่บาดเจ็บเล็กน้อยน่าจะพักก่อน และให้ ดานี่ เซลบาญอส ลงมาคุมจังหวะเกมตรงกลางร่วมกับ โมฮาเหม็ดเอลเนนี่ ส่วนแนวรุกเหมือนเดิมวาง วิลเลี่ยน,อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ และปีแอร์-เอเมอริคโอบาเมยัง เป็นสามประสาน

ทีมเยือน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่นัดแรกเปิดรังพ่ายให้กับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มา 2-0 แต่ไปแก้ตัวในเกมลีก คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ด้วยการถล่ม ชาร์ลตัน 3-0 สภาพทีมมีข่าวดีเมื่อ มานูเอล ลานซินี่ หายเจ็บกลับมามีชื่ออีกครั้ง แต่เชื่อว่าน่าจะนั่งสำรองไปก่อน ส่วนจุดที่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคาดว่า เฟลิเป้ อันแดร์สัน และเซบาสเตียน ฮัลแลร์ ที่ผลงานดีในเกมบอลถ้วยอาจจะได้ออกสตาร์ทตัวจริง ทำให้ปาโบล ฟอร์นาร์ลส์ และมิคาอิล อันโตนิโอ ต้องหลุดไปเป็นสำรอง

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม อาร์เซนอล (3-4-3): แบรนด์ เลโน่,ร็อบ โฮลดิ้ง, กาเบรียล มากัลเญส, คีแรนเทียร์นีย์, เอคตอร์ เบเญริน, โมฮาเหม็ดเอลเนนี่, ดานี่ เซบาญอส, เอนสลีย์เมตแลนด์-ไนล์ส, วิลเลี่ยน, อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ และปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (4-2-3-1): ลูคัส ฟาเบียนสกี้, ไรอัน เฟรเดริคส์, อิสซ่าดิยอป, อังเจโล่ อ๊อกบอนน่า, อารอนแครสเวลล์, เดแคลน ไรซ์, โธมัส ซูเซ็ค, จาร็อด โบเว่น, มาร์ค โนเบิ้ล, เฟลิปเป้อันแดร์สัน และเซบาสเตียน ฮัลแลร์

สำหรับสถิติการพบกันของทั้งสองทีมในทุกรายการถือว่าเจอกันบ่อย โดยอาร์เซนอล เหนือกว่าพอสมควรเอาชนะไปได้ 67 ครั้ง เสมอ 40 ส่วน เวสต์แฮมชนะได้ 35 ครั้ง ย้อนกลับไปในฤดูกาลที่แล้ว “ปืนใหญ่”ต้อนทั้งไปและกลับ เกมแรกบุกชนะ 3-1 ก่อนจะกลับมาเล่นในรังเฉือนไป 1-0

ทางด้าน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตันจะเปิดกูดิสัน พาร์ค เวลา 18.30 น. รับการมาเยือนของทีมน้องใหม่อย่าง “แบ๊กกี้ส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน โดยเจ้าถิ่นที่ผลงานดีจากการเอาชนะสเปอร์สมา 1-0 เกมนี้ยังไม่มี เมสัน โฮลเกต ที่บาดเจ็บ ส่วนฟาเบียน เดลฟ์ ไม่ฟิต ซึ่งไม่น่าจะส่งผลอะไรอยู่แล้ว เพราะยังไง คาร์โล อันเชล็อตติก็น่าจะยึดแกนหลักชุดเดิม นำทัพโดยอัลลัน, อับดูลาย ดูคูเร่, อันเดร โกเมส,ฮาเมส โรดริเกวซ, ริชาร์ลิซอน และโดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน อยู่ที่ระบบการยืนมากกว่าว่า จะเล่นกันอย่างไร

ทางฝั่งของ เวสต์บรอมวิช ที่เกมแรกก็เจอรับน้อง โดนเลสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม 3-0 ไม่มีหัวหอกอย่าง “ไอ้แก๊ส” เคนเน็ธ โซฮอร์ ที่บาดเจ็บ ส่วนในรายของกองหลังตัวใหม่อย่าง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น่าจะยังไม่ฟิตที่จะเป็นตัวจริง ซึ่งเกมนี้ สลาเวนบิลิช อาจจะปรับทัพมาใช้ระบบ 5-4-1 เน้นเกมรับเป็นพิเศษ โดยฝากความหวังเอาไว้ที่แนวรุกอย่าง กราดี้ เนียงกาน่า, มาเตอุส เปเรยร่า และคัลลั่ม โรบินสัน

อีกคู่เวลา 21.00 น. เป็นการเจอกันของสองทีมน้องใหม่อย่าง “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่บุกไปพ่ายให้แชมป์เก่าอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แบบสนุก 3-4 จะได้ดวลกับ “เจ้าส้วน้อย” ฟูแล่ม ที่พ่ายให้กับอาร์เซนอลมาแบบเละเทะ 3-0 โดยเจ้าถิ่น ลีดส์ ของมาร์เซโล่ บิเอลซ่า ลุ้นเช็ความฟิตของ เลียม คูเปอร์ แค่รายเดียวเท่านั้น ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร น่าจะใช้ชุดเดิม มี คาลวิน ฟิลิปป์ส เป็นตัวบัญชาการเกมแดนกลางคอยออกบอลซ้ายขวาให้แนวรุกริมเส้นอย่าง แจ็ค แฮร์รี่สัน และเฮลแดร์ คอสต้า โดยมี แพทริค แบมฟอร์ด ยืนหน้าเป้า

ทางฝั่งของ ฟูแล่ม ทีมของสก็อต ปาร์คเกอร์ สภาพทีมถือว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่อาจจะมีการปรับทัพในหลายตำแหน่ง เริ่มจากผู้รักษาประตู อัลฟองส์ อเรโอล่า จะได้โอกาสเฝ้าเสาตัวจริง เช่นเดียวกับ เคนนี่ เตเต้จะได้ออกสตาร์ทแบ๊กขวา แดนกลางมีแฮร์ริสัน รีด คุมเกมร่วมกับ ทอม เครนี่ย์ และอันเดร ฟรองซ์ อองกีสซ่า ส่วนแนวรุกใช้ อีวาน คาวาเลยโร่, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิชและนีสเก้นส์ เกบาโน่ เป็นสามประสาน