อลิสซอน เบ๊คเกอร์ ลุ้นกลับมาเฝ้าเสาให้กับ ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์เก่า ในเกมบุกเยือน ฟูแล่ม
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคมนี้ มีการดวลแข้งกันถึง 5 คู่ โดยเฉพาะการลงสนามในฐานะทีมเยือนทั้งคู่ของ 2 ทีมที่มีคะแนนสูงสุดในโลก โดยจะเล่นที่มหานครลอนดอนทั้งหมด“ไก่เดือยทอง” จะทำศึกดาร์บี้แมทช์บุกรัง พาเลซ และ ลิเวอร์พูล ยกพลมาเยือนกระท่อมน้อยของ “ฟูแล่ม” ซึ่งปรีวิวทุกเกมมีดังนี้
เซาแธมป์ตัน-เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (19.00 น.) เจ้าถิ่น “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ที่ผลงานดีเกาะกลุ่มหัวตาราง เกมนี้ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ แถมได้หัวหอกตัวความหวังอย่าง แดนนี่อิงค์ส หายเจ็บกลับมาฟิตเต็มถังลงล่าตาข่ายเป็นตัวจริงร่วมกับคู่หู เช อดัมส์ ส่วนแดนกลางยังเหมือนเดิมใช้ เจมส์ วอร์ด-พราว์สเล่นกับ โอริโอล โรเมอู โดยมี สจ๊วรต์ อาร์มสตรอง และมุสซ่า เฌเนโป ทำเกมริมเส้น
ทีมเยือน “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ในเวลานี้กลายเป็นทีมเดียวที่ยังไม่ชนะใครเลยในลีกจากการลงเล่น 11 นัดรั้งบ๊วยของตาราง นัดนี้ยังไม่มี แจ็ค โอคอนเนลล์ ปราการหลังที่บาดเจ็บ ส่วน อีธาน อัมปาดู, รีส มุตเซ่ต์ และเอ็นด้า สตีเว่นส์ รอเช็คความฟิตคาดว่าน่าจะนั่งสำรองไปก่อน โดยยังยึดระบบ 3-5-2 นำโดยแกนหลักอย่าง จอห์น เฟลค, จอห์น ลุนด์สแตรม, ซานเดอร์ เบอร์เก้,โอลิเวอร์ เบิร์ก และโอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่
คริสตัล พาเลซ-สเปอร์ส (21.15น.) เจ้าบ้าน พาเลซ เพิ่งจะระเบิดฟอร์มด้วยการบุกไปถล่มเอาชนะเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่เหลือ 10 คน มาแบบขาดลอย 5-1 เกมนี้ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน คอเนอร์วิคแฮม, มาร์ติน เคลลี่ และเวย์น เฮนเนสซี่ย์ เชื่อว่ากุนซือ รอย ฮอดจ์สัน ไม่น่าจะปรับทัพอะไรมากยึดระบบ 4-4-2 ให้ เจฟฟรีย์ชลุปป์ และเอเบเรซี่ เอเซ่ คอยทำเกมริมเส้นสนับสนุนคู่หัวหอกอย่าง วีลฟรีด ซาฮา และคริสติยง เบนเตเก้
ทีมเยือน “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ที่ฟอร์มติดลมบน เกมนี้ยังไม่มี เอริค ลาเมล่า แนวรุกอาร์เจนไตน์ที่บาดเจ็บ ส่วนแซร์กโอริเย่ร์ น่าจะผ่านความฟิตลงตัวจริงได้ แถมยังได้ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์หายเจ็บกลับมาด้วย โดยจะกลับมาใช้ผู้เล่นชุดใหญ่หลังจากได้พักไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา มุสซ่า ซิสโซโก้ คุมแดนกลางร่วมกับ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ แนวรุกใช้ สตีเว่น เบิร์กไวจน์ ประสานงานกับ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ และซน ฮึง มิน โดยมีแฮร์รี่ เคน ยืนหน้าเป้าลงล่าตาข่าย
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม คริสตัล พาเลซ (4-4-2) : บิเซนเต้ กวยต้า, นาธาเนี่ยล ไคลน์, ชีค คูยาเต้,แกรี่ เคฮิลล์, แพทริค ฟาน อานโฮลท์, เจฟฟรีย์ ชลุปป์, ลูก้ามิลิโวเยวิช, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, เอเบเรซี่ เอเซ่, วีลฟรีด ซาฮา และคริสติยง เบนเตเก้
สเปอร์ส (4-2-3-1) : ฮูโก้ ญอริส, แซร์ก โอริเย่ร์, โทบี้อัลเดอร์ไวเรลด์, เอริค ดายเออร์, เซร์คิโอ้ เรกีลอน, มุสซ่า ซิสโซโก้, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์, สตีเว่น เบิร์กไวจน์, ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่, ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด สเปอร์ส เหนือกว่าเอาชนะได้ 3 ครั้ง เสมอ 1 และพาเลซ ชนะ 1 ครั้งหนล่าสุดที่พบกันเมื่อ 26 กรกฎาคมเสมอกันที่เซลเฮิร์ท พาร์ค 1-1
แฮร์รี่ เคน กับ ซน ฮึง มิน ความหวังในการถล่มประตูของ สเปอร์ส เพื่อยึดจ่าฝูงต่อไปอีกสัปดาห์
ฟูแล่ม-ลิเวอร์พูล (23.30) “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม ทีมน้องใหม่จะเปิดคราเว่น คอตเทจ ต้อนรับการมาเยือนของแชมป์เก่าอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
เจ้าถิ่น ฟูแล่ม เกมล่าสุดบุกไปแพ้ แมนฯซิตี้ มา 2-0 เกมนี้จะได้กลับมาเล่นในรังของตัวเองไม่มี เทเรนซ์ คองโกโล่ และเคนนี่ เตเต้ สองแนวรับชาวดัตช์ที่บาดเจ็บ ส่วนที่เหลือไม่มีปัญหาอะไรให้กุนซือสก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ต้องกังวลใจเพราะตัวหลักอยู่กันครบ นำโดย แฮร์ริสัน รีด, อองเดร์-ฟร้องค์ ซามโบ้ อองกิสซ่า, บ๊อบบี้เด คอร์โดว่า-รีด, รูเบน ลอฟตัส ชีค, อเดโมล่า ลุคแมน และอีวานคาวาเลโร่
ทางฝั่งผู้มาเยือน ลิเวอร์พูล ยังเจอปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บหลายราย ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ,อลิสซอน เบ็คเกอร์, ธีอาโก้ อัลคันทาร่า และเจมส์ มิลเนอร์ ทำให้ในตำแหน่งผู้รักษาประตูดาวรุ่ง ควีวีน เคลเลเฮอร์ ที่กำลังมั่นใจจะลงเฝ้าเสาต่อไป ส่วนตัวหลักที่ได้พักมาจากเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกจะกลับมาเป็นตัวจริงทั้งหมด นำโดยสามประสานในแนวรุกอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม ฟูแล่ม (3-4-1-2) : อัลฟองซ์ อเรโอล่า, โอล่า ไอน่า, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น,โทซิน อดาราบิโอโย่, บ๊อบบี้ เด คอร์โดว่า รีด, อองเดร์ อองกิสซ่า,แฮร์ริสัน รีด, แอนโธนี่ โรบินสัน, รูเบน ลอฟตัส ชีค, อเดโมล่า ลุคแมนและอีวาน คาวาเลโร่
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวีน เคลเลเฮอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติป, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล เหนือกว่าเยอะเอาชนะได้ทั้ง 5 ครั้ง กดไป 14 ประตูเสียแค่ 4 ลูก
อาร์เซนอล-เบิร์นลี่ย์ (02.15 น.) เกมคู่ดึก “ปืนใหญ่” ที่ มิเกลอาร์เตต้า เก้าอี้เริ่มร้อนเจอเสียงวิจารณ์เอาหนักจะเปิดเอมิเรตส์สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของทีมจากโซนท้ายตารางอย่าง “เดอะ คลาเร็ตต์” เบิร์นลี่ย์
อาร์เซนอล เพิ่งแพ้มาในเกมนอร์ท ลอนดอนดาร์บี้ ส่วนยูโรป้า ลีก พักตัวหลักบุกถล่ม ดัลดอร์ค มา 4-2 เกมนี้ยังไม่มี นิโคลัสเปเป้ ปีกค่าตัวแพงที่ติดโทษแบน ส่วนโธมัส ปาร์เตย์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บพลาดเกมนี้แน่นอนแล้ว ที่เหลือไม่น่ากังวลอะไร โดย มิเกล อาร์เตต้า จะใช้ระบบหลัง 4 คู่กลางเป็น ดานี่ เซบาญอส เล่นกับกรานิต ชาก้า ส่วนแนวรุกมี วิลเลี่ยน ประสานงานร่วมกับ ปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง, บูกาโย่ ซาก้า และอเล็กซองดร์ ลากาแซตต์
ทีมเยือน เบิร์นลีย์ 5 เกมหลังสุดชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 2 นัดนี้ยังไม่มี แจ็ค คอร์ก กลางรับที่บาดเจ็บ ในรายของ เดล สตีเฟ่นส์ และฟิล บาร์ดสลีย์ รอเช็คความฟิต แต่ดูแล้วไม่น่าจะส่งผลอะไร เพราะตัวหลักๆ ที่ ฌอง ไดซ์ เลือกใช้งานเป็นประจำยังอยู่กันครบ นำโดย ร็อบบี้ เบร์ดี้, แอชลีย์ เวสต์วู้ด, จอช บราวน์ฮิลล์, ดไวท์ แม็คนีล, เจย์ โรดริเกซ และคริส วู้ด
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม อาร์เซนอล(4-2-3-1) : แบรนด์ เลโน่, เอคตอร์ เบเญริน, ร็อบ โฮลดิ้ง,กาเบรี่ยล มากัลเญส, คีแรน เทียร์นีย์, ดานี่ เซบาญอส, กรานิตชาก้า, วิลเลี่ยน, ปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง, กาโย่ ซาก้า และอเล็กซองดร์ ลากาแซตต์
เบิร์นลีย์ (4-4-2) : นิค โป๊ป, แมทธิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, ชาร์ลี เทย์เลอร์, ร็อบบี้ เบร์ดี้, แอชลีย์ เวสต์วู้ด,จอช บราวน์ฮิลล์, ดไวท์ แม็คนีล, เจย์ โรดริเกซ และคริส วู้ด
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด อาร์เซนอล ไม่ปราชัยให้กับ เบิร์นลีย์ เลย โดยเอาชนะได้ 4 ครั้ง และเสมอ 1 ซึ่งการเสมอคือเกมนัดล่าสุดที่ทั้งคู่เพิ่งเจอกันเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เลสเตอร์ ซิตี้-ไบรท์ตัน (02.15 น.) “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ช่วงหลังผลงานไม่ดีเพิ่งจะมาฟื้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกมนี้ไม่มี คักลาร์ โซยุนคู, ริคาร์โด้ เปเรยร่า และแดเนี่ยล อมาร์ตี้ย์ ส่วน ทีโมธี กาสตานเญ่ รอเช็คความฟิต คาดว่า แบรนแดน ร็อดเจอร์สน่าจะไม่เสี่ยงให้ลงเล่น ยังใช้บริการของ เจมส์ จัสติน และมาร์คอัลไบรท์ตัน ในตำแหน่งวิงแบ๊กต่อไป ส่วนแนวรุกเลือก อโยเซ่ เปเรซลงมาทำเกมร่วมกับ เจมส์ แมดดิสัน โดยมี เจมี่ วาร์ดี้ ยืนหน้าเป้า
ทีมเยือน “นกนางนวล” ไบร์ทตัน เกมล่าสุดพังคารังพ่ายให้กับ เซาแธมป์ตัน มา 1-2 นัดนี้ไม่มี อดัม ลัลลาน่า ที่บาดเจ็บส่วน โฆเซ่ อีซเกียร์โด้, ดาวี่ พร็อบเพอร์ และอเล็กซิส แม็คอลิสเตอร์ไม่ฟิต ทำให้ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ไม่น่าจะปรับทัพอะไร นำโดยผู้เล่นตัวหลักอย่าง เบน ไวท์, อีฟส์ บิสซูม่า, ทาริค แลพ์ตี้ย์,โซลลีย์ มารช์, แดนนี่ เวลเบ็ค และอารอน คอนนอลลี่ ส่วนนีล เมาปายไม่สมบูรณ์นั่งดูเพื่อนเล่นไปก่อน
คริส ไวลเดอร์ กุนซือเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่ยังไม่ชนะใคร ต้องบุกไปเยือน เซาแธมป์ตัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี