การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2020-21กลับมาดวลแข้งกันอีกครั้ง ในรอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก ในเวลาประเทศไทย 03.00 น. คืนวันอังคารต่อเช้าวันพุธนี้โดยเกมบิ๊กแมทช์ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า เจ้าของแชมป์5 สมัย จากสเปน เปิดสนามคัมป์นู เจอกับ “หอคอยฝังเพชร”ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่เกมที่คนเฝ้าติดตามนั่นก็คือ “กระทิงเปลี่ยว”อาร์เบ ไลป์ซิก จากเยอรมนี ดวลกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์ 6 สมัยจากอังกฤษ

ในเกมระหว่าง ไลป์ซิก กับ ลิเวอร์พูล ต้องไปเตะที่สนามปุสกัส อารีน่า กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เนื่องจากกฎของประเทศเยอรมนี โดย ไลป์ซิก ชนะมา 4 เกมรวด ทั้งในบุนเดสลีกา
และบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล เป็นรองจ่าฝูงบอลเยอรมนีได้ทีมที่ลงตัวในการเล่น 3 เซ็นเตอร์แบ๊ก ที่มีตัวเลือกมากมายถึง 7 คน โดยเกมล่าสุดคือ ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ เล่นสต็อปเปอร์คู่กับ มาร์เซล ฮัลสเตนแบร์ก โดยมี วิลลี่ ออร์บาน เป็นตัวสุดท้าย แต่เกมนี้เป็นไปได้ที่ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ที่เพิ่งเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ บาเยิร์น มิวนิค จะกลับมาเป็นตัวจริง เล่นกับ ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ และอีกคนจะต้องเลือกระหว่างออร์บาน, ฮัลสเตนแบร์ก และอิบาฮิมา โกนาเต้ รวมถึงนอร์ดี้ มูกีเล่ ที่เกมก่อนเล่นวิงแบ๊ก อาจจะได้มาสตาร์ทที่เซ็นเตอร์ด้านขวา

ขณะที่แผงมิดฟิลด์ เควิน คัมเปิ้ล ดาวเตะปอดเหล็กจะเป็นตัวสกรีนหน้าแนวรับ คาดว่า ดานี่ โอลโม่กับ มาร์เซล ซบิตเซอร์ สองดาวเตะมนุษย์แปลงที่จับเข้าคู่ตรงกลางกันได้ดีจะได้สตาร์ทก่อน โดยมี อมาดู ไฮดาร่า กับ ไทเลอร์ อดัมส์ เป็นตัวเสียบ ส่วนคู่หอก ยูซูฟ โพลเซ่น เล่นคู่กับ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู

ตำแหน่งด่านสุดท้าย เปตาร์ กูลาซซี่มือ 1 ทีมชาติฮังการี วัย 30 ปี จะลงเฝ้าเสาในบ้านเกิดของตัวเอง โดยเขาเคยอยู่กับ“หงส์แดง” ตั้งแต่ปี 2008-2013 โดยตลอดเวลาที่อยู่ในแอนฟิลด์ ไม่เคยได้ลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการ โดยเป็นตัวสำรองข้างสนามรวม 51 เกม

ในระหว่างนั้น ถูกปล่อยให้ยืมตัวไปที่ เฮเรฟอร์ด ยูไนเต็ด, ทรานเมียร์ โรเวอร์ส และฮัลล์ ซิตี้ ก่อนจะย้ายจากแอนฟิลด์ ไปอยู่ที่ เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก แบบไม่มีค่าตัว ในปี 2013 และมาอยู่กับ ไลป์ซิก ปี 2015

ส่วน ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือวัยรุ่นของไลป์ซิกเคยดวลกับ ลิเวอร์พูล มาแล้ว 2 นัด สมัยคุม ฮอฟเฟ่นไฮม์ เมื่อ 3 ซีซั่นที่แล้ว ปรากฏว่า ลิเวอร์พูล ชนะได้ทั้งไปทั้งกลับ ด้วยสกอร์ 2-1 และที่แอนฟิลด์ 4-2

ทางด้าน “หงส์แดง” ที่กำลังประสบปัญหาในการกลับฝั่งไม่ได้ แพ้ในเกมลีก 3 นัดรวดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเข้ามาถือบังเหียนของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อปี 2015 ทำให้ปฏิทินปีนี้เตะไป 10 นัดทุกรายการ ชนะได้แค่ 3 แพ้ไปถึง 6 นัดจนมีกระแสข่าวลือสะเทือนไปถึงเก้าอี้ของ คล็อปป์ ทั้งการที่ คล็อปป์ จะไขก๊อกลาเองเหมือนกับเมื่อครั้งกับ ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 6 ปีก่อน หรือจะถูกปลดโดยกลุ่ม FSG ที่เป็นเจ้าของทีม หากไม่สามารถนำทีมติดท็อปโฟร์ได้สำเร็จ จนทำให้แฟนบอลทั่วโลกให้กำลังใจ และแฟนบอลท้องถิ่นได้นำป้ายแบนเนอร์ ไปให้กำลังใจคล็อปป์ที่รั้วสนามแอนฟิลด์

ปัญหาอาการบาดเจ็บยังตามตอแย คล็อปป์ แบบไม่หยุด ตอนนี้มีนักบอลลงไม่ได้แน่นอนเพิ่มเป็น 10 คน โดยฟาบินโญ่ ดาวเตะทีมชาติบราซิล คือคนล่าสุดที่พลาดการลงเล่นเนื่องจากเจ็บกล้ามเนื้อ ขนาด เบน เดวิส กองหลังตัวใหม่ที่ยังไม่ลงเล่นก็เจ็บแล้ว คาดกันว่า คล็อปป์ จะเลือก โอซาน คาบัค ที่ลงเล่นนัดก่อนลงเล่น แม้จะเพิ่งประสานงากับ อลิสซอนเบ๊คเกอร์ จนเสียประตูสำคัญถูกนำ ก่อนพ่าย เลสเตอร์ 1-3 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

คาดว่า คล็อปป์ จะเลือก ธิอาโก้ อัลคันตาร่า กลับมายืนตัวจริงอีกครั้งในแดนกลาง เพราะเคยเขมือบแผงกลางไลป์ซิกมาแล้วทุกรอบ สมัยอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค โดย ธิอาโก้จะเล่นกับ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม และอีกที่น่าจะเป็น เคอร์ติส โจนส์เนื่องจาก นาบี เกอิต้า ยังมีอาการเจ็บจนพลาดลงเล่นเจอกับทีมเก่า ส่วนแนวรุกไม่มีทางเลือกอื่น จะต้องใช้ 3 ประสานต่อไปเหมือนเดิม

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม เปตาร์ กูลาซซี่-วิลลี่ ออร์บาน,ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ลูคัส คลอสเตอร์มันน์-นอร์ดี้ มูกีเล่,เควิน คัมเปิ้ล, ดานี่ โอลโม่, มาร์เซล ซบิตเซอร์, อังเคลินโญ่-ยูซูฟ โพลเซ่น และคริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู

ลิเวอร์พูล : อลิสซอน เบ๊คเกอร์-เทรนท์ อเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์โรเบิร์ตสัน-เคอร์ติส โจนส์, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, ธิอาโก้อัลคันตาร่า-ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์

ทางด้านเกมที่คัมป์นู ประเทศสเปน บาร์เซโลน่า จะดวลกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เจ้าถิ่นยังคงเล่นในระบบเดิมคือ 4-3-3 ลีโอเนล เมสซี่ เดินเกมรุกร่วมกับ อุสมาน เดมเบเล่ และอองตวน กรีซมันน์ แต่บัญชีนักเตะบาดเจ็บยังคงยาวเป็นหางว่าว ประกอบด้วย เฟลิปเป้ คูตินโญ่, มาร์ติน เบรธเว็ท, อันซู ฟาติ, เคราร์ด ปีเก้, แซร์จี้ โรแบร์โต้ และโรนัลด์ อรูโย่

แผงกลาง มิราเลม ปานิช เล่นกับ เซร์คิโอ บุสเกตส์ ส่วนแนวรับต้องถอยเอา เฟร็งกี้ เดอ ยนอง ไปเล่นกับ เกลมองต์ลองเลต์ ส่วนแบ๊กขวาก็ต้องใช้ดาวรุ่งอย่าง ออสการ์ มินกูซา

ฝั่งทีมเยือนไม่มี 3 กำลังสำคัญอย่าง เนย์มาร์ จูเนียร์ ที่บาดเจ็บตาม อังเคล ดิ มาเรีย และฮวน แบร์นาร์ พร้อมกับต้องเช็กฟิต มาร์โก แวร์รัตติ, โคลิน แด๊กบา และราฟินญ่าซึ่ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือปรับมาใช้ระบบ 4-23-1 แนวรุกใส่มอยเซ่ คีน เล่นกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ พร้อมกับวาง เมาโร่อิคาร์ดี้ เป็นกองหน้าตัวเป้า