ซ้อมเข้ม : ขุนพลแข้งทีมชาติอิตาลี และ ทีมชาติเวลส์ ลงสนามฝึกซ้อม ก่อนที่จะทำศึกฟุตบอล ยูโร 2020 รอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย ในวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน นี้
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 16 หรือ ยูโร 2020 ในวันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน นี้ เดินทางมาถึงรอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย 2 คู่แรก ซึ่ง “มะกะโรนี” ทีมชาติอิตาลี แชมป์ 1 สมัย จะบดกับ “อินทรีดำแห่งดานูบ” ทีมชาติออสเตรีย และ “มังกรแดง” ทีมชาติเวลส์ ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศเมื่อครั้งที่แล้ว จะชนกับ “โคนม” ทีมชาติเดนมาร์ก
เวลส์-เดนมาร์ก เวลา 23.00 น. เกมประเดิมสนามในรอบ 16 ทีม ที่โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ “มังกรแดง” เวลส์ ที่ผ่านเข้ามารอบมาได้ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอ ไม่มี เอธาน อัมปาดู ปราการหลังดาวรุ่งที่ติดโทษแบนเนื่องจากไปโดนใบแดงในเกมนัดสุดท้ายที่พ่ายให้กับอิตาลี 0-1 แกนหลักรายอื่นๆ ไม่น่าจะปัญหาอะไร ยึดผู้เล่นชุดเดิม
ในแผน 4-2-3-1 โจ อัลเลน คุมแดนกลางร่วมกับ โจ มอร์เรลล์ แผงเกมรุกนำโดย แกเร็ธ เบล จอมทัพคนสำคัญประสานงานกับ แอรอน แรมซีย์, แดเนี่ยล เจมส์ และคีฟเฟอร์ มัวร์
ทางฝั่ง “โคนม” เดนมาร์ก หนึ่งในทีมเจ้าภาพร่วมที่ผ่านเข้ามาได้ราวปาฏิหาริย์ เนื่องจากออกสตาร์ท 2 เกมแรกแพ้หมด ก่อนจะมาถล่ม รัสเซีย ในเกมสุดท้ายพลิกนรกเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ด้วยการมีเพียง 3 คะแนนเท่านั้น ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ เชื่อว่ากุนซือ แคสเปอร์ ยูลมันด์ ได้ระบบการเล่นที่ลงตัวแล้วคือ 3-4-2-1 แผงเกมรับถือมีทั้ง อันเดรียส คริสเตนเซ่น,
ซิมง แคร์ และยานนิค เวสเตอร์การ์ด แดนกลางก็เหนียวแน่น โธมัส เดลานีย์ และปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค อยู่กันครบ ขณะที่สามแนวรุกให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง มิคเกล ดัมส์การ์ด ที่ผลงานดีประสานงานกับ มาร์ติน เบรธเวต และยุสซุฟ โพลเซ่น
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เวลส์ (4-2-3-1) : แดนนี่ วอร์ด, คอนเนอร์ โรเบิร์ตส, คริส เมเพม, โจ โรดอน, เบนเดวีส์, โจ มอร์เรลล์, โจ อัลเลน, แกเร็ธ เบล, แอรอน แรมซีย์, แดเนี่ยล เจมส์ และคีฟเฟอร์ มัวร์
ซ้อมเข้ม : ขุนพลแข้งทีมชาติอิตาลี และ ทีมชาติเวลส์ ลงสนามฝึกซ้อม ก่อนที่จะทำศึกฟุตบอล ยูโร 2020 รอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย ในวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน นี้
เดนมาร์ก (3-4-2-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ซีมง แคร์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, แดเนี่ยล วาสส์, โธมัส เดลานีย์, ปีแอร์ เอมิล ฮอยเบียร์ค, โยอาคิม เมห์เล่, มาร์ติน
เบรธเวต, มิคเกล ดัมส์การ์ด และยุสซุฟ โพลเซ่น
สถิติการพบกับของทั้งสองทีม เจอกันมา 10 ครั้ง ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ เดนมาร์ก ชนะได้ 6 และเวลส์ ชนะ 4 หนล่าสุดที่เจอกันคือศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปี 2018 “โคนม” ชนะได้ทั้ง 2 เกมไปกลับ
อิตาลี-ออสเตรีย เวลา 02.00 น. “มะกะโรนี” อิตาลี กลายเป็นทีมที่ถูกจับตามองขึ้นมาทันที หลังจากผลงานรอบแรกที่เอาชนะมาได้ทั้ง 3 นัดเก็บ 3 คะแนนเต็ม จะเล่นที่ นิว เวมบลีย์มหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ประเด็นหลักของทีมคือเช็คความฟิตของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ปราการหลังจอมเก๋า และอเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ ที่มีอาการบาดเจ็บ ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ต้องเลือกระหว่าง ฟรานเชสโก้อแซร์บี้ หรือ อเลสซานโดร บาสโตนี่ ดาวรุ่งจากอินเตอร์ มิลาน ที่จะยืนคู่กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ส่วนแบ๊กขวาไม่น่าเปลี่ยนใช้ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ที่ผลงานดีต่อไป ยึดระบบการเล่น 4-3-3
มาร์โก แวร์รัตติ หายเจ็บกลับมาฟิตเต็มร้อยมีโอกาสเบียด มานูเอลโลคาเตลลี่ ลงตัวจริง ประสานงานกับ จอร์จินโญ่ และนิโกโล่ บาเรลล่า ส่วนแดนหน้ายังใช้บริการของ โดมินิโก้ เบราร์ดี้ เล่นร่วมกับ ชิโร่ อิมโมบิเล่ และลอเรนโซ่ อินซินเญ่ เหมือนเดิม
ทางฝั่ง “อินทรีดำ” ออสเตรีย นัดสุดท้ายบดเอาชนะ ยูเครน มาได้ 1-0 เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มซี ผลงาน ชนะ 2แพ้ 1 มีคะแนน เกมนี้ ฟรานโก้ โฟด้า ต้องรอเช็คความฟิตคริสตอฟ บวมการ์ทเนอร์ ที่ได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะ เช่นเดียวกับ คอนราด ไลเมอร์ มิดฟิลด์ที่วิ่งเกินฝีมือ นัดนี้อาจจะมีการปรับแท็คติกในการเล่น มาใช้ระบบ 4-2-3-1 ขยับเอา ดาวิด อลาบา ไปขึ้นเกมริมเส้นฝั่งซ้าย พร้อมดัน ซาเวอร์ ชลาเงอร์ขึ้นไปเล่นเกมรุกร่วมกับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ใส่มิดฟิลด์อย่างสเตฟาน อิลซานเกอร์ กับ ฟลอเรียน กริลลิตช์ ลงมาคุมจังหวะแดนกลาง ส่วนหน้าเป้าใช้ความเก๋าของ มาร์โก อาร์เนาโตวิช
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม อิตาลี (4-3-3) : จานลุยจิดอนนารุมม่า, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่,อเลสซานโดร บาสโตนี่, เลโอนาร์โด้ สปีนาซโซล่า, นิโกโล่ บาเรลล่า,จอร์จินโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ, โดมินิโก้ เบราร์ดี้, ชิโร่ อิมโมบิเล่ และลอเรนโซ่ อินซินเญ่
ออสเตรีย (4-2-3-1) : แดเนี่ยล บัคห์มันน์, สเตฟาน ไลเนอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, มาร์ติน ฮินเตอร์เร็คเกอร์,อันเดรียส อุลเมอร์, สเตฟาน อิลซานเกอร์, ฟลอเรียน กริลลิตช์,มาร์เซล ซาบิตเซอร์, ซาเวอร์ ชาลาเงอร์, ดาวิด อลาบา และมาร์โก อาร์เนาโตวิช
สถิติการพบกับของทั้งสองทีม เจอกันมา 35 ครั้ง อิตาลี ชนะได้ 16 ออสเตรีย ชนะ 11 และเสมอกัน 8 ครั้ง ที่น่าสนใจคือ 13 เกมหลังสุด นับตั้งแต่ปี 1962 อิตาลี ไม่เคยแพ้ให้กับ ออสเตรีย เลย โดยเอาชนะไปได้ถึง 10
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี