“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกแผนครั้งสำคัญอีกทีเมื่อเล็งเป้าเน้นไปหากุนซือแบบชั่วคราวที่จะคุมทัพในช่วง 6 เดือนที่เหลือของฤดูกาลนี้เป็นลำดับแรก และวางแผนคว้าตัวกุนซืออย่างเป็นทางการเอาไว้เป็นลำดับที่สอง หลังจากโอกาสที่จะดึงตัวกุนซือฝีมือดีนั่นค่อนข้างจะริบหรี่ลงทุกขณะ

บีบีซี สื่อเชื่อถือได้ของอังกฤษ ระบุว่า แผนการดังกล่าวนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ ซีเนดีน ซีดาน ที่เป็นเป้าหมายอันดับ 1และเป็นคนเดียวที่ว่างงานอยู่ในตอนนี้ ปฏิเสธไม่เข้ารับงานที่นี่ตามกระแสข่าวจากฝรั่งเศส หลังจากเจ้าตัวและครอบครัวไม่ต้องการมาทำงานในอังกฤษ อีกทั้งในเรื่องความพร้อมต่างๆ ในเวลานี้

เมื่อเป้าแรกอย่าง ซีดาน ตกไป ทำให้มีข่าวต่อเนื่องทั้ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ของเลสเตอร์ ซิตี้ และเมาริซิโอโปเช็ตติโน่ ของปารีส แซงต์-แชร์กแมง มีข่าวมาตามลำดับ แต่จะต้องจ่ายค่าชดเชยถึง 8 ล้านปอนด์ หรือ 10 ล้านปอนด์ตามลำดับ เพียงแต่ไม่มีต้นสังกัดใดอยากจะเสียกุนซือของตัวเองไปกลางทาง ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด เริ่มเดินเครื่องหากุนซือที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วยทำงานก่อน 6 เดือนในช่วงซีซั่นที่เหลือนี้เพื่อประคองสถานการณ์ทีม ก่อนจะเฟ้นหาผู้จัดการทีมตัวจริงในช่วงซัมเมอร์ แม้จะถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับแนวคิดแบบนี้ก็ตามที

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่น่าสนใจก็คือ โปเช็ตติโน่ ที่ตกเป็นข่าวอย่างมากกับการสนใจคุมทัพแมนฯยูไนเต็ด ก็เพิ่งออกมาเปิดปากด้วยตัวเองว่า เขามีความสุขดีกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยิ่งทำให้ แมนยูฯ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เข้าไปอีก เพราะตัวเลือกเหลือน้อยเต็มทน

เป้าหมายล่าสุดในตอนนี้ถูกโฟกัสไปที่ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้กุนซือชาวสเปน วัย 57 ปี ที่มากประสบการณ์ และดูดีกว่า โลรองต์บลองก์ อดีตดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดปฏิบัติการใช้กุนซือชั่วคราวร่วมไปกับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ตลอดฤดูกาลนี้

ขณะเดียวกัน คาร์ริค เพิ่งจะคุมทัพนัดแรก และนำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกหลังจากชนะบียาร์เรอัล 2-0 จาก ประตูของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้และ จาดอน ซานโช่ โดยยกชัยชนะในนัดนี้ให้กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาที่เพิ่งโดนปลดออกไป

“ชัยชนะหนนี้ โอเล่ สำคัญมากๆ เขาวางแผนทีมเอาไว้ ทำให้ผมทำงานได้ง่ายขึ้น ซี่งตัวผมเองมีความสุขและสนุกกับเกมมากๆ ผมต้องขอบคุณสต๊าฟที่หนุนหลังผม และมันไม่ใช่เพียงแค่ผมเท่านั่น แต่มันสำคัญสำหรับทุกคน การคุมทีมข้างสนามและได้เห็นนักเตะทำในสิ่งที่ทำเพื่อช่วยให้สโมสรผ่านไปได้คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมมากๆ”

คาร์ริคกล่าวต่อไปอีกว่า ในความพ่ายแพ้ที่ผ่านๆ มา เราไม่สามารถหลบซ่อนจากสิ่งนั้นได้ ดังนั้น การได้รับความรู้สึกในการคว้าชัยชนะอีกครั้งจึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนักบอลอย่างมากๆ มันน่าตื่นเต้นและมหัศจรรย์มากที่พวกเราเข้าใจซึ่งกันและกันได้อย่างเหลือเชื่อ