ศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมมันเดย์ ไนท์ ประจำวันจันทร์ที่ 16 พ.ค. นี้ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่กำลังลุ้นท็อปโฟร์ จะบุกไปเยือนถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ของ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เริ่มฟาดแข้งในเวลา 02.00 น. เป็นต้นไป

“ไอ้ปืนใหญ่” ที่แม้จะยังรั้งอันดับ 4 ของตาราง แต่ฟอร์มนัดล่าสุดเพิ่งสะดุดหลังบุกไปพ่าย ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แบบเละเทะ 0-3 ทำให้เกมนี้จำเป็นต้องคว้าชัยชนะให้ได้ หากยังหวังคว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า เกมนี้สภาพทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปน จะขาด ร็อบ โฮลดิ้ง ปราการหลังที่ติดโทษแบนหลังโดนใบแดงในเกมที่แล้ว รวมไปถึง คีแรน เทียร์นีย์และ โธมัส ปาร์เตย์ ที่เดี้ยงยาวทั้งฤดูกาล นอกจากนี้ต้องรอเช็คความฟิตของ กาเบรียล มากัลเญซ ที่เจ็บจากเกมล่าสุดอีกราย อย่างไรก็ตาม จะได้ เบน ไวท์ กลับมาเป็นตัวจริง และอาจจะต้องเขยิบ ทาเคฮิโระ โทมิยาซึ มายืนเซ็นเตอร์แบ๊ก ส่วนแดนกลาง กรานิต ชาก้า จะเป็นห้องเครื่องร่วมกับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่พร้อมให้ มาร์ติน โอเดการ์ด ,บูกาโย่ ซาก้า และ กาเบรียลมาติเนลลี่ เป็นสามประสานในแนวรุก โดยมี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยืนปักหอกล่าตาข่าย

ทางฝั่งเจ้าถิ่น สาลิกาดง เกมนี้ การันตีรอดตกชั้นแน่นอนแล้วหลัง มี 43 แต้ม รั้งอันดับ 14 ของตารางเกมนี้สภาพทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือของทีม จะขาดแข้งเพียบทั้ง จอนโจ้ เชลวีย์, โจ วิลล็อค, ไรอัน เฟรเซอร์ และ เฟเดริโก้ แฟร์นานเดซอย่างไรก็ตาม แกนหลักที่เหลือจะยังพร้อมลงสนามนำโดย ฟาเบียน ชาร์, คีแรน ทริปเปียร์, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, โจเอลินตอน, บรูโน่กิมาไรส์ รวมไปถึง 3 ประสานในแนวรุกอย่าง มิเกล อัลมิรอน,แซงต์ อัลแลง มักซิแม็ง และ คัลลั่ม วิลสัน

สำหรับสถิติที่ดวลกันมาในพรีเมียร์ลีก 5 นัดหลังสุด เป็น อาร์เซน่อล ที่คว้าชัยชนะได้ทั้งหมด ที่น่าเหลือเชื่อคือไม่เสียประตูให้ “สาลิกาดง” แม้แต่ลูกเดียวด้วย

ขณะเดียวกัน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่กำลังไล่ล่าสร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ ก็คว้าถ้วยรายการที่ 2 ของตัวเอง เมื่อเอาชนะ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในการดวลจุดโทษ (6-5) คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามเวมบลีย์

ซึ่งจากชัยชนะในนัดนี้ นับเป็นการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี และเป็นแชมป์สมัยที่ 8 ของ “หงส์แดง”ต่อจากปี 1965, 1974, 1986, 1989, 1992, 2001 และ 2006 นอกจากนี้ยังนับเป็นเกียรติประวัติแชมป์รายการที่ 6 สำหรับการคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และเป็นถ้วยเมเจอร์ที่ 50 ให้กับลิเวอร์พูลในประวัติศาสตร์

ภายหลังเกม คล็อปป์ ได้ออกมายกย่องลูกทีมว่าทำผลงานได้อย่างสุดยอดกับการเผชิญหน้ากับเกมที่กดดันเช่นนี้“ผมไม่สามารถภูมิใจในตัวลูกทีมของผมมากไปกว่านี้ได้อีกแล้วพวกเขาต่อสู้อย่างหนักหน่วง แม้จะต้องเปลี่ยนตัวเร็วเพราะมีตัว ตอนยิงจุดโทษมันเครียดมาก แต่ผมเข้าใจความรู้สึกของ เชลซีเหลือเกินเพราะมันเป็นครั้งที่สองที่ต้องเล่นถึง 120 นาทีแล้วเสมอ 0-0 มันยากลำบากจริงๆ แต่ก็แน่นอนว่าสำหรับพวกเรามันเป็นเรื่องที่ความสุข เรามีสัตว์ประหลาดในจิตใจ แต่พวกเขาก็มีสัตว์ประหลาดในจิตใจที่เป็นสีน้ำเงินเช่นกัน จุดโทษมันดวลครั้งเดียวรู้เรื่อง เชลซี เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ท้ายที่สุดต้องมีผู้ชนะหนึ่งคนและนั่นคือเราในวันนี้”

ขณะเดียวกัน กุนซือเฮฟวี่เมทัล ยังได้พูดถึงอาการบาดเจ็บของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่เกิดขึ้นในเกมนี้ว่า “ผมคุยกับพวกเขาทั้งสองคนหลังจบเกม และทั้งคู่ก็โอเคจริงๆ ทั้งหมดที่เรารู้คือมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เกมต่อไปคือวันอังคาร ผมคิดว่าพวกเขาจะทั้งคู่ สบายดี”

ทางฝั่ง โธมัส ทูเคิ่ล เผยว่าแม้ว่าจะต้องเจอกับความผิดหวังอีกครั้งแต่เขาก็ประกาศกร้าวว่าภูมิใจในตัวนักเตะเป็นอย่างมากที่ได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการ และสู้กับลิเวอร์พูล ได้อย่างเต็มที่และไม่แพ้ใน 120 นาทีทั้งสองนัด

“มันเหมือนกับรอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ ผมไม่เสียใจเลย ผมอยากบอกลูกทีมว่าผมภูมิใจในตัวพวกเขา เรามั่นใจว่าเราสู้ได้และสามารถทำให้ ลิเวอร์พูล เหนื่อยกว่าที่คิด เราถูกโจมตีหนักใน 15 นาทีแรก แต่จากนั้นเราก็ทำได้ยอดเยี่ยมตลอดทั้งเกม เราเสมอ 0-0 กับทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดในโลก แต่เราก็สร้างโอกาสได้มากมายเช่นกัน เราสมควรได้รับมัน แต่ว่าพวกเขาก็สมควรได้รับเช่นกัน ซึ่งโชคไม่ดีที่เราแพ้จุดโทษอีกครั้งแน่นอนว่าเราผิดหวังมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ภูมิใจ ก่อนเกมผมแน่ใจว่าเราจะชนะในวันนี้ ผมเชื่อมั่นจนถึงนาทีสุดท้าย แต่โชคร้ายที่มันไม่เป็นอย่างที่หวัง”

ทั้งนี้นัดต่อไป ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือน เซาแธมป์ตัน คืนวันอังคารที่ 17 พ.ค. เวลา 01.45 น. ก่อนจะลงสนามนัดสุดท้ายในแอนฟิลด์ ดวลกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในศึกพรีเมียร์ลีกวันที่ 22 พ.ค. จากนั้นจะดวลกับ เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 28 พ.ค. นี้