การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022-23 ลีก เอ กลุ่ม 4นัดที่ 3 ในวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลา 01.45 น. โดยเกมรีแมทช์นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 คราวนี้มาเจอกันในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022-23 ลีก เอกลุ่ม 3 ไม่ได้เล่นที่ เวมบลีย์โยกไปเตะที่ โมลีนิวซ์ กราวด์ ในเวลา 01.45 น. “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ จะดวลกับ “อัซซูรี่” อิตาลี ที่ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022
“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนที่ลงเล่นมา 2 เกมยังไม่ชนะใคร เสมอ 1 แพ้ 1 ล่าสุดบุกเจ๊า “อินทรีเหล็ก”เยอรมนี แบบโชคช่วยได้จุดโทษท้ายเกม 1-1 เกมนี้ไม่มี เจมส์ จัสติน ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วน เคลวิน ฟิลิปป์สบาดเจ็บจากนัดที่แล้ว ไม่น่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้ ทำให้กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต อาจจะปรับทัพมาในระบบ 4-3-3 ส่ง จู๊ดเบลลิ่งแฮม และคอนอร์ กัลลาเกอร์ ลงไปคุมแดนกลางร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ โดยมี จาร์ร็อด โบเว่น, แฮร์รี่ เคน และแจ็คกรีลิช เป็นสามประสานในเกมรุก
ทีมเยือน อิตาลี ขึ้นนำไปเป็นจ่าฝูงด้วยการมี 4 คะแนนจากการเสมอ 1 ชนะ 1 ล่าสุดเฉือน “แม็กย่าร์” ฮังการี มา 2-1 ผู้เล่นจากชุดแชมป์ยูโร 2020 หายไปพอสมควร เน้นเรียกแข้งฟอร์มดีเข้ามาติดทีมหวังจะสร้างสายเลือดใหม่ เลโอนาร์โด้โบนุชชี่ ที่ได้พักจากนัดที่แล้วน่าจะกลับมาทวงตำแหน่งตัวจริงคุมแนวรับกับ อเลสซานโดร บาสโตนี่ ตรงกลางใช้ นิโกโล่ บาเรลล่า ยืนเป็นตัวหลักประสานงานกับ ซานโดร โตนาลี่ และลอเรนโซ่ เปเญกรินี่ สามแนวรุกเปิดโอกาสให้กับ อเลสซิโอ้ แซร์บิน เล่นร่วมกับ มัตเตโอ โปลิตาโน่ และจานโคโม่ ราสปาดูรี่
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมดวลกันมาทั้งหมด 28 ครั้ง อิตาลี ทำได้ดีกว่าชนะ 12 เสมอ 8 และ อังกฤษชนะ 8
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม อังกฤษ (4-3-3): จอร์แดน พีคฟอร์ด, รีซ เจมส์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์,คีแรน ทริปเปียร์, คอนอร์ กัลลาเกอร์, เดแคลน ไรซ์, จู๊ดเบลลิ่งแฮม, จาร์ร็อด โบเว่น, แฮร์รี่ เคน และแจ็ค กรีลิช
อิตาลี (4-3-3): จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, โจวานนี่ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, อเลสซานโดร บาสโตนี่,เลโอนาร์โด้ สปีนาซโซล่า, นิโกโล่ บาเรลล่า, ซานโดร โตนาลี่, ลอเรนโซ่ เปเญกรินี่, อเลสซิโอ้ แซร์บิน, มัตเตโอ โปลิตาโน่ และจานโคโม่ ราสปาดูรี่
ทางด้านเจ้าถิ่น “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ นำจ่าฝูงของกลุ่มด้วยการชนะ 2 เกมรวด มี 6 คะแนน นัดที่แล้วพักแกนหลักเกือบยกทีมบุกเอาชนะ “มังกรแดง” เวลส์ 2-1 รายการนี้ไม่มีเฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ที่เล่นแค่เกมแรก ก่อนที่กุนซือ หลุยส์ ฟาน กัลจะปล่อยให้ไปพักร้อนหลังกรำศึกหนักมาตลอดฤดูกาล คาดว่าเกมนี้จะกลับมาใช้ชุดหลักลงเล่น มาในระบบ 3-5-2 แฟรงกี้เดอ ยองก์ คุมแดนกลางร่วมกับ ดาวี่ คลาสเซ่น ปล่อยให้สตีเว่น เบิร์กฮุยส์ มีอิสระในเกมขึ้นเกมรุกสอดประสานกับคู่หัวหอกอย่าง สตีเว่น เบิร์กไวจน์ และเมมฟิส เดปาย
ฟากผู้มาเยือน โปแลนด์ ที่มีอยู่ 3 คะแนนจากการชนะ 1 แพ้ 1 ล่าสุดบุกไปโดน เบลเยียม ถล่มเละ 6-1 ชุดนี้ไม่มียาคุบ โมเดอร์ มิดฟิลด์หน่วยก้านดีจาก “นกนางนวล” ไบรท์ตันที่มีอาการบาดเจ็บและถอนตัวออกไป ในรายของผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง วอยเซียค เซสนี่ จะกลับมาเป็นตัวจริง ที่เหลือไม่น่าจะปรับอะไร จัดทัพในระบบ 4-3-1-2 นำโดย มาเตอุสซ์คลิค, เกอร์เซกอร์ซ ครีโซเวี๊ยค, ยาเซ็ค โกราลสกี้, ปีโอเตอร์ซีลีนสกี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และคาโรล ชวีเดอร์สกี้
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมดวลกันมาทั้งหมด 17 ครั้ง เนเธอร์แลนด์ เหนือกว่าเยอะ ชนะได้ 8 เสมอ 6 แพ้ 3 โดย 5 เกมหลังสุด “อัศวินสีส้ม” ชนะได้หมด และไม่เคยปราชัยให้กับโปแลนด์มาตั้งแต่ปี 1979
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี