The Battle Of Britain หรือเกมแห่งสายเลือดเกาะมหาสมบัติ จบลงไปเมื่อค่ำคืนวันที่ 29 พฤศจิกายน 2022 ตามเวลาสากล
ส่วนในประเทศไทยนั้น จบเมื่อเช้ามืดเกือบตี 4 ของวันที่ 30พฤศจิกายน 2022
เป็นการพบกันครั้งแรกของในประวัติศาสตร์ของชาติในสหราชอาณาจักร ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาเก่าก่อน
อังกฤษ พี่เอื้อยใหญ่ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง พร้อมลดความกดดัน รวมถึงคำตะขิดตะขวงในหัวใจ เมื่อปราบ เวลส์ ทีมจากแคว้นไปได้ขาดลอย 3-0 ไม่ใช่แค่สกอร์ที่ขาดเท่านั้น
แต่มันเบ็ดเสร็ดเด็ดขาดทั้งหมด ในเรื่องของแทคติค, ระบบการเล่น, แบบแผนที่ชัดเจน และที่มากกว่าอย่างที่สุด
นั่นคือทรัพยากรที่มี
นี่คือการ"ปิดฉาก" ทีมชาติเวลส์ ในยุคของ แกเร็ธ เบล, แอร่อน แรมซี่ย์ และโจ อัลเลน ไปเป็นที่เรียบร้อย ส่งให้เข้าสู่ยุคใหม่จาก "ทีมชาติเวลส์" ให้เป็น "ทีมชาติคัมรี" ที่น่าจะเริ่มต้นในยูโร 2024 รอบคัดเลือก
"ภาพรวม"ในเกมไม่น่ามีอะไรให้ตื่นเต้นนัก แต่ "ภาพจำ" และตัวเลขในตำนานน่าสนใจมาก เพราะช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง เป็นการครบรอบ 150 ปีของฟุตบอลระดับนานาชาติ ครั้งแรกของโลก!!!!
30 พฤศจิกายน 1872 เกมระดับชาติคู่แรก มีการแข่งขันกันระหว่างสองทีมจากเกาะอังกฤษเป็นประเดิม
อังกฤษ พบกับ สก็อตแลนด์
เกมศึกสายเลือดแห่งเกาะมหาสมบัติเมืองผู้ดี "The Battle of Britain" ถูกบันทึกให้เป็นเกมลูกหนังระดับชาติ "อย่างเป็นทางการคู่แรกของโลก" ทั้งสองประเทศตกลงกันได้ และนัดกันมาเตะตรงกับ “วันเซนต์แอนดรูว์” ซึ่งเป็นวันชาติของสก็อตติช
จริง ๆ แล้ว หากเราย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ปี 1870-1872 สองทีมนี้เคยเตะกันมา 5 นัด ภายใต้การริเริ่มของ ชาร์ลส์ วิลเลี่ยม “ซี.ดับบลิว.”อัลค็อก หนุ่มชาวซันเดอร์แลนด์ โดยเกมแรกในวันที่ 5 มีนาคม 1870 ผลจบด้วยการเสมอกัน 1-1
จากนั้น ก็นัดมาเตะกันต่อมาอีก 4 นัด แต่พวกสก็อตติชไม่นับผลการแข่งขันที่ออกมา ที่ทีมอังกฤษ "ไร้พ่าย" กำชัยได้ 3 และเสมอ 2 ซึ่งทุกเกมเตะที่สนามแห่งตำนานอย่าง “ดิ โอแวล”
บันทึกที่ไม่นับผล ก็เพราะสืบเนื่องมาจากมีนักเตะสก็อตฯรังนกแท้ ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ได้ถูกเอาไว้ที่หอจดหมายเหตุ วงการฟุตบอล ที่พิพิธภัณธ์ฟุตบอลแห่งอังกฤษ(The National Football Museum is England) ที่ย้ายจากเปรสตัน มาตั้งที่อาร์นเดลล์ แมนเชสเตอร์ ซึ่งผมเองมีโอกาสได้เห็นกับตาตัวเองมาแล้ว 2 ครั้ง
สุดท้ายแล้ว กำหนดการเตะเพื่อให้ทุกอย่าง "เป็นทางการ" ตามขนบถนัดของคนเมืองผู้ดี จึงมีขึ้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 1872
เกมดวลแข้งมีขึ้นที่ “แฮมิลตัน เครสเซนต์” ของสโมสร เวสต์ ออฟ สก็อตแลนด์ คริกเก็ต คลับ ที่เมืองพาทริค ประเทศสก็อตแลนด์
11 นักเตะของสก็อตแลนด์ คัดเลือกมาจากทีมควีนส์พาร์ค ซึ่งเป็นทีมจ่าฝูงของลีกวิสกี้ ในเวลานั้น พร้อมกับให้ โรเบิร์ต การ์ดเนอร์ ผู้รักษาประตูรับบทเป็นกัปตันทีมด้วย
ซึ่งพวกเขาอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้ม หรือ Dark Blue
พร้อมกับมี โรเบิร์ต กับ เจมส์ สมิธ เป็นคู่พี่น้องลงสนามคู่แรกของโลก ในเกมแรกระดับชาติของโลกอีกด้วย
ขณะที่ อังกฤษ มาในชุดสีขาว มีผู้เล่นมาจาก 9 สโมสร ประกอบด้วย เฮิร์ดฟอร์ดเชียร์ เรนเจอร์ส, น็อตต์ส เคาน์ตี้, เดอะ วันเดเรอร์ส, แฮร์โรว เชเคอร์ส, เชฟฟิลด์ แอสโซซิเอชั่น, คริสตัล พาเลซ, บาร์เนส, มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
มีนักเตะตัวหลักมาจาก มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด 2 คน หนึ่งในนั้นคือ คูธเบิร์ต อ็อตตาเวย์ เป็นกัปตันทีม ส่วนผู้ตัดสินคือ วิลเลี่ยม เคย์ จากสก็อตแลนด์
ไล่เรียงผู้เล่นยุคบรรพบุรุษฟุตบอล อังกฤษ ประกอบด้วย โรเบิร์ต บาร์เกอร์, แฮร์วู้ด กรีนฮาลจ์, เรจินัลด์ คอร์ตเนย์ เวลช์, เฟรเดริก แมดดิสัน, วิลเลี่ยม เมย์นาร์ด, จอห์น บร็อคแบงค์, ชาร์ลส์ เคล็กก์, อาร์โนลด์ เคิร์ก สมิธ, คูธเบิร์ต อ็อตตาเวย์, ชาร์ลส์ เชเนรี่ และชาร์ลส์ มอไรซ์
สก็อตแลนด์ ประกอบด้วย โรเบิร์ต การ์ดเนอร์, วิลเลี่ยม เคอร์, โจเซปห์ เทย์เลอร์, เจมส์ ธอมสัน, เจมส์ สมิธ, โรเบิร์ต สมิธ, โรเบิร์ค เล็คกี้, อเล็กซ์ ไรนด์, บิลบลี่ แม็คคินน่อน, เจอร์รี่ เวียร์ และเดวิด เวิร์ทเธอร์สะพูน
ลงท้ายเกมคู่นี้จะเสมอกันไป 0-0 มีผู้เข้าร่วมชมเกมทั้งสิ้น 4,000 คน
นี่คือเกมที่ถูกบันทึกเอาไว้ว่า เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติครั้งแรกของโลก ก่อนจะมีการพัฒนาก้าวไปสู่ระบบลีกในอีก 6 ปีต่อมา
จากนั้นมาเป็นลีกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกในยุคปัจจุบัน แต่ลูกหนังต้องรอถึง 150 ปีต่อมาจึงจะมี "ศึกสายเลือด" หรือ The Battle Of Britain เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก แต่ไม่ใช่ อังกฤษ กับ สก็อตแลนด์ อย่างที่คาดหวัง
กลายเป็น อังกฤษ กับ เวลส์ ไปซะฉิบ!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี