การเดินทางของฟุตบอลโลก ผ่านปีที่ 92 กับการต่อสู้ที่สนุกและถือว่าสูสีน่าสนใจ มีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายให้ได้บันทึกกัน
เป็นเกมที่น่าแปลกตรงที่ว่า ทุกทีมดูเหมือนว่าไม่เป็นไม้ประดับ เป้าหมายน่าสนใจก็คือ แต่ละทีมมาเพื่อลุ้นเข้ารอบ ไม่ได้ “มา” เพื่อ “แค่มา”เหมือนเมื่อก่อน
ฟุตบอลโลกครั้งนี้มีหลายอย่างที่ไม่ค่อยปกติ และมีการลองผิดลองถูกระหว่างทัวร์นาเมนท์ค่อนข้างมากมาย
เริ่มตั้งแต่มีการเปลี่ยนวันเปิดสนามก่อนการแข่งขัน ทั้งที่ฟุตบอลโลกหนนี้ก็ผิดผีตั้งแต่เริ่มต้น เพราะขยับมาเตะปลายปีแทนที่จะทำตามธรรมเนียมปฏิบัตินั่นคือ ซัดกันกลางปี จากสาเหตุสุดมึนๆ ก็คือ อากาศร้อนของชาติเจ้าภาพ
จากนั้นไม่ถึง 5 นาทีแรกของทัวร์นาเมนท์ เรื่องของการตัดสินวีเออาร์ใหม่ ที่สร้างดราม่าใหญ่โตในนัดเปิดสนามจนหลายคนที่ “ไม่ได้รู้” หรือ “ไม่ได้ศึกษากฎ” พร้อมกับมีการ “ตั้งธง” เอาไว้แล้ว ซึ่งบทสรุปก็คือ ใครเละกว่ากันทุกคนย่อมรู้ดีจากแผลที่สีข้าง
เพียงเพราะไป “ปักใจเชื่อ” ในสไตล์โลกว่า กาตาร์จ้าง เอกวาดอร์ ล้มบอล......แล้ว หืม อื้อหือ เป็นยังไง....
ความเท่าเทียมที่เรียกร้องเรื่องเพศ เราได้เห็นเป็นรูปธรรมคือ ผู้หญิงตัดสินฟุตบอลชายในบอลโลก ทำให้กระแสนี้ค่อยๆเบาลง และการดื่มยาธาตุนักเลงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามฟุตบอลเป็นครั้งแรก
ทีมผู้ตัดสินเหมือนรอการแนะนำจากห้องวีเออาร์มากกว่าตัดสินใจเอง เพราะเกรงว่าจะผิดพลาด ทำให้หลายจังหวะดูน่าหงุดหงิด เช่นเดียวกันกับการทดเวลาเจ็บที่ไม่สมดุล
เป็นการทดเวลาที่ “เป็นบ้าเป็นหลัง” มันจะทดเยอะแยะอะไรขนาดนั้นตามที่หลายคนบ่นไว้ รวมรอบแรกมีการทดเวลาเจ็บบานตะไทโก้ ถึง 563 นาที นับเฉพาะเกมอังกฤษ กับอิหร่าน ทดนานถึง 27 นาที!!!!
กระทั่งค่อยๆ กลับมาเป็น “ธรรมชาติ” ในรอบน็อกเอาท์
การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ การเมืองกับฟุตบอลแยกกันไม่ออก การแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งการปิดปากในการถ่ายภาพทีมกรุ๊ปของทีมชาติเยอรมนี ก็มาถูกล้อเลียนแบบ “ไม่รู้วัตถุประสงค์” ในโลกออนไลน์ เพียงเพราะพวกเขาแพ้ กลายเป็นถูกสื่อออกมาเหยียดหยันเย้ยว่า ทำไมคุณถึง “ไม่ชนะ” ทั้งที่ใครกัน(วะ) จะชนะได้มันทุกวัน
การเต้นจนถูกวิจารณ์ของ บราซิล ที่ถูกมองไปหลากหลายประการว่า เป็นสไตล์แซมบ้า หรือว่าเย้ยเกาหลีใต้ ชาติที่มักจะถูกด่าว่า “กี่โมง(ขี้โกงนี่แหละ)” แต่ครั้งนี้ถูกปันใจในฐานะแข้งจากเอเชีย จนบางท่านลืมเรื่องในอดีตไปซะฉิบ!!!
การแผลงฤทธิ์ของทีมที่ต่ำชั้นกว่า หรือที่ฟุตบอลเรียกว่าอันเดอร์ด็อก จนน่าตกใจ บางครั้งแพ้ก็ไม่ขาด สู้ได้อย่างตรึงตาและน่าประทับใจ
ซาอุดีอาระเบีย ชนะ อาร์เจนตินา, ญี่ปุ่น โค่นสองแชมป์โลกเยอรนี และสเปน, บราซิล แพ้ทีมจากแอฟริกาครั้งแรกนั่นคือแคเมอรูน, เกาหลีใต้ ชนะ โปรตุเกส เป็นคำรบที่สองในบอลโลก,โมร็อกโก ที่ปราบทั้ง เบลเยียม, สเปน และโปรตุเกส ในบอลโลกครั้งเดียว กลายเป็น ม้ามืดตัวจริงเสียงจริงของรายการ
ภาพที่เราไม่เคยได้เห็น นั่นคือ เยอรมนี ตกรอบแรกบอลโลก 2 สมัยติด ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะไปตันที่นัดชิง รวมถึงกาตาร์ ที่กลายเป็น “เจ้าภาพทีมแรก” ที่ตกรอบแรกเร็วที่สุด และไม่มีแม้แต่แต้มเดียว
ซูเปอร์สตาร์มีทั้งจะเกิดและแจ้งดับ หนึ่งในนั้นคือ คริสติอาโน่โรนัลโด้ ที่มีแต่ข่าว ข่าว แล้วก็ข่าว มากกว่าผลงานในสนาม กระทั่งเขาถูกดร็อปเป็นตัวสำรองในเกมรอบน็อกเอาท์ และออกจากเวิลด์คัพที่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยน้ำตาผู้แพ้
การอำลานักเตะมากมายที่มาแข่งขันเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งการยืนยันอย่างเป็นทางการ หรือจะรวมไปถึงสภาพสังขารตามวัย นั่นคือ ลูก้า โมดริช และเดอะ แกงค์, ลีโอเนล เมสซี่,เซร์คิโอ บุสเกตส์ แม้กระทั่ง โรนัลโด้ เป็นอาทิ
ผู้จัดการทีมหลายคนต้องตกงาน หลังจากพลาดท่าตกรอบ ซึ่งถือเป็นครั้งหนึ่งที่กุนซือ “เสียงาน” มากมาย
หลุยส์ การ์เซีย กับสไตล์เคาะไปเรื่อย จาก ติกิตาก้า กลายเป็นตะกุกตะกัก, ตีตี้ กับบอลหน้าเดียวทำให้เต็งหามอย่างบราซิลเสียของ, แฟร์นานโด ซานโตส กล้าตัดสินใจแต่เหมือนกับคุมความปะทุของโปรตุเกส ไม่อยู่,
แต่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังได้ไปต่อ(นะ) รวมถึง ฮันซี่ ฟลิก ยังคงมีงานที่มั่นคงต่อไป
นี่คือตัวอย่างที่เคาะมาตามความรู้สึกที่ได้ดูบอลโลกครั้งนี้แบบสดๆ แทบจะ ครบทุกนัดของผู้เขียน
บอลโลก 64 นัด ผมดูสดไปทั้งสิ้น 63 เกม
สิ่งที่สำคัญก็คือ สไตล์การเล่นฟุตบอลเปลี่ยนไป จะสวยงามอย่างเดียวไม่ได้ จะรับศึกอย่างเดียวก็ไม่ดี จะบุกแบบไม่ลืมหูลืมตาก็เสร็จ แต่เต็มไปด้วยแท็กติกและเทคนิคทั้งของทีมบวกกับของบุคคล
สิ่งสำคัญก็คือ การเล่นเกมเพรสซิ่ง กับการแก้ไขการถูกเพรสซิ่ง หลายต่อหลายทีมทำได้อย่างเหลือเชื่อ กับการต่อบอลจากแนวลึกในแดนตัวเอง
เราได้เห็นอนาคตฟุตบอลใหม่ กับสไตล์ใหม่ในอนาคตไปอีกขั้น
แล้วฟุตบอลโลกหนนี้ สิ่งที่เห็นก็คือ กาตาร์ ในแง่ของการจัดการแข่งขัน ถือว่าทำได้ดีมาก โดยเฉพาะบรรยากาศก่อนเกม ที่เหมือนกับมีพิธีเปิดมันทุกนัด แม้จากมุมกล้องเราอาจจะแยกสนามแทบไม่ได้ว่า นี่คือสนามไหน เพราะเหมือนกันแทบจะทั้งหมด แต่ถือว่า แสงสีดีเยี่ยม
จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ยกให้ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ คือ เวิลด์คัพ ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ น่าจะเป็นคำรบที่5(00)
เหตุผลของผู้นำฟีฟ่า น่าสนใจ เพราะประสบความสำเร็จไม่น่าเชื่อในทุกด้าน ทั้ง แฟนบอล, บรรยากาศ, การถ่ายทอดสด
และพฤติกรรมแฟนบอล ทั้งที่คนมารวมกันมากมาย
แล้วฟุตบอลหนนี้ขาวสะอาด ใบเหลือง-ใบแดง น้อยลงไปเยอะทีเดียว
เขาบอกว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อในทุกด้าน สิ่งสำคัญคือแฟนบอล, พฤติกรรม, บรรยากาศที่สนุกสนาน การนำผู้คนมารวมกัน มีคนดูบอลในสนามกว่า 3 ล้านคนทั้งที่มีข่าวมาตลอดว่า ข้อจำกัดมันมากมาย
“การพบปะแฟนบอลในโลกอาหรับ มันสำคัญมากสำหรับอนาคตของทุกคน เมื่อพูดถึงการแข่งขัน เราได้เห็นเกมฟุตบอลหลายต่อหลายเกมที่น่าเหลือเชื่อ บางเกมแสดงถึงความน่าประหลาดใจ และการทำประตูที่ยอดเยี่ยมหลายต่อหลายประตู”
อินฟานติโน เชื่อว่า นี่คือฟุตบอลโลกที่เที่ยงธรรม และยุติธรรมยิ่ง เนื่องจากการเฉลี่ยทดเวลาบาดเจ็บอยู่ที่เกมละ 10 นาที เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน อีกทั้งเล่นได้อย่างขาวสะอาดขึ้นจากยอดการถูกลงโทษจากผู้ตัดสิน
ท้ายสุดสุดท้ายมันบอกไม่ได้หรอกว่า ดีที่สุดหรืออย่างไร
สเปกคนเราไม่เหมือนกัน ถ้าเทียบกันง่ายๆ มันเหมือนกับรสชาติอาหาร
ที่ว่าโอชารสใดจะถูกอกถูกใจใครมากกว่า
แต่สำหรับผม นี่คืออีกหนึ่งเวิลด์คัพที่อยู่ในความทรงจำตลอดไปครับ
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี