วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / กีฬา
World Cup ฉบับทะเลทราย : The Art of War : สงครามแห่งดาว

World Cup ฉบับทะเลทราย : The Art of War : สงครามแห่งดาว

วันอังคาร ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
Tag : พิพากษาลูกหนังโลก บี แหลมสิงห์
  •  

เกมนัดชิงฯฟุตบอลโลก 2022 แสดงให้หลายคนได้เข้าใจตรงกันแล้วว่า ทำไม.......

ทำไม “ฟุตบอล” จึงเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ของโลกใบนี้


อาร์เจนตินา คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ครั้งแรกในรอบ 36 ปี ด้วยการดวลจุดโทษชนะ ฝรั่งเศส 4-2 ในเกมที่ถือว่า มีแทบจะทุกรสชาติดุเด็ดเผ็ดมันส์ และว่ากันว่าอาจจะเป็นเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมา

อันนี้ตอบไม่ได้ อยู่ที่ใครพิสมัยแบบไหนมากกว่ากัน

การเสมอกันไฟแล่บ 3-3 ใน 120 นาทีคือสิ่งที่เหลือเชื่อในเกมนัดชิงฯ ที่มักจะเต็มไปด้วยแท็กติกต่างๆ มากมาย แต่ก็ซัดกันได้เท่ากับเมื่อ 4 ปีก่อนที่บทจบด้วยชัยชนะของฝรั่งเศส เหนือ โครเอเชีย 4-2

แท็กติกที่ปรับกันไปมา ชิงพื้นที่ตั้งแต่เกมยังไม่เริ่ม เมื่อ อาร์เจนตินา กับออกสตาร์ทของ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ แต่นี่คือสไตล์ของ ลีโอเนล สกาโลนี่ กุนซืออายุน้อยที่สุดประจำการแข่งขัน

เขาปรับหมากต่อเนื่องตั้งแต่รอบน็อกเอาท์ สลับแผนการเล่นทุกนัด ตั้งแต่ 4-3-3 มาเป็น 3-5-2 ต่อด้วย 4-4-2 และเล่น 4-3-3 อีกครั้งในนัดชิงฯ และให้ ดิ มาเรีย มาเล่นปีกซ้าย ทั้งที่ปกติยืนแนวรุกด้านขวา

จากแผนที่ขัดตา กลายเป็น ดิ มาเรีย เป็นคนเรียกจุดโทษได้ลีโอเนล เมสซี่ จะหักข้อยิงอย่างเยือกเย็น จากนั้น ดิ มาเรีย กลายเป็นภัยคุกคามทางด้านซ้ายของฝรั่งเศส ได้น่าสนใจ และยิงประตูได้สำเร็จ ทำให้36 นาทีแรก อาร์เจนฯ นำ 2-0 ฝรั่งเศส ยังไม่มีโอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียว

ดีดิเย่ร์ เดส์ชองป์ส เหมือนกับ “เลือดเข้าตา” เปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว ถอดเอา ชิรูด์ กับ เดมเบเล่ ที่มีส่วนสำคัญแบกทีมเข้ามาชิงออกไปตั้งแต่ยังไม่หมดครึ่งแรก ขยับ เอ็มบัปเป้ ยืนหน้าเป้า จากนั้นเลือกถอด กรีซมันน์ ที่เล่นดีทุกนัดออกไปอีกราย แล้วส่งสายสปีดลงไปล้วนๆ

ดูเหมือนว่า เดส์ชองป์ส จะมาสไตล์มั่วๆ แต่เกมเปลี่ยนเฉย!!!!

ฝรั่งเศส จำเป็นต้องใช้แผนสอง ในการดวลกับ อาร์เจนฯ ที่ใครก็ไม่รู้ว่า จะมาแผนไหน

สปีดบอล-แผน-การเข้าหาบอล คือหัวใจสำคัญ อาร์เจนตินาได้ลูกโทษ ไม่พลาด ได้โต้กลับ เป็นประตู

บอลฝรั่งเศส ไม่รู้ว่าสภาพร่างกายนักบอลครึ่งทีมที่เพิ่งหายป่วยมาก มีผลขนาดไหน แต่พวกเขาลำบากมาก รูปเกมไม่ดีด้วย ไม่ได้ยิงเลย

ทั้งสองทีมไม่ได้เพรสซิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาศัยคุมจังหวะ คุมโซน

อาร์เจนตินา ครองเกมนี้ได้เพราะพวกเขามีเทคนิค ที่ดีกว่า ในขณะที่ฝรั่งเศสไม่มี และปล่อยให้ อาร์เจนฯ เล่นง่าย

การไล่ขึ้นมากดมาเพรสของ อาร์เจนฯ ช่วยรักษาแรงกดดันในแนวลึกและตอบโต้ทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย “เกินคาด”

ฝรั่งเศส ลงมาต้องแลก และกล้าได้กล้าเสียกว่าเดิม เพราะไม่มีอะไรจะต้องเสีย แล้วก็เกิดการผิดพลาดจากฝั่ง อาร์เจนฯ เอง ที่เลือกเปลี่ยน อาคุนญ่า แทน ดิ มาเรีย กลายเป็น “แบ๊ก”ลงมา “ซ้อนแบ๊ก”

อาคุณญ่า ตำแหน่งไปทับซ้อนกับ ตาเกลียฟิโก้ แล้วทีมไปยืนหน้ากระดานเรียง 4 ทั้งกลางทั้งหลัง โดน ฝรั่งเศส ที่ตัดสินใจจั่วด้วยบอลเร็วและได้ประตูด้วยระยะเวลาสุดช็อกห่างกัน 2 เม็ดแค่ 97 วินาที

นาทีที่ 80 จุดโทษปลุกชีพขึ้นมาของ เอ็มบัปเป้ มาในจังหวะที่พวกฟ้าขาวโรยๆ ลงไป จากนั้น เอ็มบัปเป้ ซัดประตูสุดสวยตีเสมอ นาทีที่ 81

ซึ่งตอนนั้น อาร์เจนฯ เล่นแบบมนุษย์แปลงตำแหน่งอีกไม่ได้ต้องคิดถึงการกลับไปเล่นมิดฟิลด์ 4 คนอีกครั้ง เพราะพวกเขาสูญเสียการควบคุมเกมไปอย่างสิ้นเชิง

บอลถูกลากไปต่อเวลา และน่าจะจบอีกครั้ง เมื่อ เมสซี่ เข้าไปสังหารลูกซ้ำระยะจะจะ ตุงตาข่าย นาทีที่ 108 แต่กลับมาเสียจุดโทษอีกครั้ง และ เอ็มบัปเป้ ก็ไม่พลาดยิงแฮททริกในนาทีที่ 118

เจฟฟ์ เฮิร์สท์ เป็นคนแรกที่ยิงแฮททริกได้ในฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศปี 1966 และคนที่สองก็เกิดขึ้นในเกมนี้

แน่นอนที่สุด ไม่รู้เลยว่านาทีนั้น บทจบฟุตบอลโลก ใครจะเป็นแชมป์กันแน่ มันพลิกไปมาอย่างน่าตกใจ การไล่ล่าของ ฝรั่งเศส ถึง 3 ครั้งทำให้พวกเขา “ดูเหมือนจะ” เป็นต่อในการดวลจุดโทษ

ก่อนจะดวลเป้า เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นก็จังหวะได้ยิงแบบจ่อๆ ของ โคโล่ มูอานี่ ซึ่งลูกนี้ “ต้องเข้า” แต่ไปติดขาของ “แป๋งน้อย” เอมิลิอาโน่มาร์ติเนซ แบบเหลือเชื่อ และจังหวะกระเด้งออกมา อาร์เจนฯ โต้กลับซึ่งก็น่าจะได้ประตูแต่ เลาโตโร่ มาร์ติเนซ โหม่งโล่งๆ ออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

ลงท้ายจากผลเสมอ 3-3 อาร์เจนตินา ยิงจุดโทษชนะได้สำเร็จรอคอยมานานถึง 36 ปีกับตำแหน่งแชมป์โลก ทำให้ ฝรั่งเศส ต้องแพ้ในการยิงลูกโทษเป็นคำรบ 2 ในนัดชิงฯเหมือนกับปี 2006

เห็นภาพของ เอ็มบัปเป้ ครองดาวยิงได้ และกลายนักบอลที่ยิงได้ในนัดชิงบอลโลก 2 หน แต่บทจบไม่สวยงามนัก โดยนักบอล 3 คน แล้วที่ยิงได้แล้วทีมชนะครั้งแรก แต่แพ้ในหนสองก็คือ พอล ไบรท์เนอร์ ของเยอรมันตะวันตก, ซีเนดีน ซีดาน ของฝรั่งเศส และเอ็มบัปเป้ ในครั้งนี้

ทำให้ตำนานมนุษย์ที่ยิงได้ 2 ครั้ง ได้แชมป์ทั้งสองครามีแค่ 2 คน จากบราซิล นั่นคือ วาว่า ปี 1958 และ 1962 เป็นคนแรก และคนที่สองคือ เปเล่ ปี 1958 และ 1970

ถามว่า กำลังนึกใครในเกมนี้ ผมตอบได้เต็มปากว่า ดีเอโก้มาราโดน่า ที่ล่วงลับไปเมื่อสองปีก่อน

ซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันก็สร้างความสุดคลาสสิก เมื่อให้ เนรี่ ปุมปิโด้กับ โฆเซ่ บาปติสต้า แชมป์โลกปี 86 รุ่นเดียวกับมาราโดน่า เป็นผู้เชิญถ้วย!!!!

อาร์เจนตินา เป็นแชมป์โลก และเป็นทีมที่สองในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลกที่ออกสตาร์ทแพ้นัดแรกแล้วได้แชมป์ในบั้นปลายต่อจากทีมชาติสเปนปี 2010

ภาพที่เชื่อว่า มันอยู่ในความฝันมาโดยตลอด และแฟนบอลหลายต่อท่านอยากเห็น และปรากฎขึ้นเป็นจริงแล้ว ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ณ กาตาร์

ลีโอเนล เมสซี่ เป็นแชมป์โลก และอาร์เจนตินา คือหมายเลข 1 ในโลกฟุตบอลเป็นสมัยที่ 3

อาร์เจนตินา คว้าแชมป์โลกจากการดวลจุดโทษ เป็นเกมที่น่าทึ่ง ขอแสดงความยินดีกับ เมสซี่ และทีมของเขา

มันเกิดขึ้นจากหล่อหลอมรวมกัน อย่างที่เคยเขียนเอาไว้ว่าในเรื่องของ “อัตตา” คือสิ่งที่ผู้เล่นฟ้าขาวลดลงเพื่อคว้าชัยในคราวนี้

การเล่นด้วยการฉวยโอกาสจากความไม่พร้อมของศัตรู ออกบอลไปในเส้นทางที่คาดไม่ถึง และเข้าโจมตีในพื้นที่ที่ไม่ได้มีการป้องกันเอาไว้ก่อน นี่คือสิ่งที่ อาร์เจนตินา ทำโดย สกาโลนี่ ทีม

ขอแสดงความนับถือชาวฝรั่งเศสที่ทุ่มเททุกอย่าง โดยเฉพาะเอ็มบัปเป้ ที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน

นิยายฟุตบอลที่สวยงาม และโหดร้ายในคราเดียว

ย้ำอีกทีว่า นี่คือนัดชิงชนะเลิศที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกตลอดกาลหรือไม่ อันนี้ผมไม่รู้

แต่ที่เคยดูมาต้องยอมรับว่า มันที่สุดแห่งที่สุดจริงๆ

บี แหลมสิงห์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

อุบัติเหตุพุ่ง!รัฐบาลกาง 7 กฎเหล็ก คุมเข้ม‘รถรับ-ส่งนักเรียน’

‘ธนกร’กระตุก‘สว.’พิสูจน์ตัวเอง กู้วิกฤติศรัทธาคดี‘ฮั้ว’

รัฐบาลยันคุม‘โควิด’อยู่ ย้ำเคร่งครัด 5 มาตรการป้องกัน สกัดแพร่เชื้อ

‘อนุสรณ์’ชี้ปม‘แพทยสภา’ไม่กระทบรัฐบาล ดักคออย่าฉวยโอกาสปลุกม็อบ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved