พลิ้วไหว : วินิซิอุสแนวรุกตัวเก่งของ เรอัล มาดริด พยายามเลี้ยงบอลหนีแนวรับของบาเลนเซีย ก่อนที่ทัพ“ราชันชุดขาว” จะเปิดรัง ซานติอาโกเบอร์นาบิว เอาชนะ “ไอ้ค้างคาว” 2-0 ในศึกลาลีกา สเปน

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2023 เวลา 19.30 น. “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล จ่าฝูง จะบุกไปเยือน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน

เจ้าบ้านหล่นไปรั้งอันดับ 19 ของตารางมีเพียง 15 คะแนน จากการลงเล่น 20 เกม ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ดต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่งตั้ง ฌอน ไดซ์ เข้ามาคุมทีมแทน นี่คือเกมแรกของเขา โดยเป็นทีมเดียวไม่มีเสริมผู้เล่นใหม่ในช่วงตลาดหน้าหนาว เกมนี้ไม่มี เนธาน แพ็ตเตอร์สัน, เจมส์ การ์เนอร์, ไมเคิ่ล คีน และแอนดรอส ทาวน์เซ่นด์ ที่บาดเจ็บ ส่วน เบน ก็อดฟรีย์ รอเช็คความฟิตนอกนั้นอยู่กันครบ คาดว่ายังยึดระบบ 3-5-2 นำโดยเซมุส โคลแมน, อเล็กซ์ อีโวบี้, อิดริสซ่า กาน่า เกย์,อมาดู โอนาน่า, วิตาลี่ มิโคเลนโก้, เดมาไร เกรย์ และโดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน

ฝั่ง “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล นำจ่าฝูงของตาราง หากเกมนี้เก็บ 3 แต้ม จะทิ้งอันดับ 2 อย่าง แมนฯซิตี้ เป็น 8 คะแนน ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เสริมทัพผู้เล่นใหม่อย่าง จอร์จินโญ่ เข้ามาในวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาวพอดิบพอดีกับการที่ โธมัส ปาร์เตย์ มีอาการบาดเจ็บอาจจะไม่ฟิตสำหรับเกมนี้ ส่วน กาเบรี่ยล เฮซุส, รีสส์ เนลสัน และโมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ไม่มีชื่ออย่างแน่นอน มาในระบบ 4-3-3 จอร์จินโญ่ ลงประเดิมเกมรุกคุมแดนกลางร่วมกับ กรานิต ชาก้า และมาร์ติน โอเดการ์ด สามแนวรุกวางบูกาโย่ ซาก้า ประสานงานกับ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และกาเบรี่ยล มาร์ติเนลลี่

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุดไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ กลายเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่ชนะได้ 3และอาร์เซน่อล ชนะ 2

จากนั้น เวลา 22.00 น. “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หลังเสียสถิติไม่แพ้ใครให้กับ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ล่าสุดเข้าชิงบอลถ้วยคาราบาว คัพ ได้สำเร็จ ทีมของ เอริค เทน ฮาก เสริมทัพแบบเร่งด่วนในวันสุดท้ายด้วยการไปยืม มาร์เซล ซาบิตเซอร์มาจาก “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค เพราะผู้เล่นแดนกลางอย่าง คริสเตียน เอริคเซ่น บาดเจ็บต้องพักไม่ต่ำกว่า 3 เดือน เช่นเดียวกับดอนนี่ ฟาน เดอ เบ๊ค และสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ส่วน ดีโอโก้ ดาโลท์ ยังไม่น่าฟิต ทำให้แอรอน วาน-บิสซาก้า จะได้ประจำการแบ๊กขวาเหมือนเดิม ที่เหลืออยู่คุม คาเซมิโร่ คุมแดนกลางร่วมกับ เฟร็ด แนวรุกใช้แอนโทนี่, บรูโน่ เฟอร์นานเดส และมาร์คัส แรชฟอร์ด โดยมี เว้าท์ เวกฮอร์สต์ ยืนเป็นหน้าเป้าเหมือนเดิม

ทีมเยือน “ปราสามเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ รั้งอันดับ 12 ของตารางผลงานลุ่มๆ ดอนๆ วันสุดท้ายของตลาดนักเตะ ตัดสินใจเสริมทัพสอย นาอุยรู อฮามาด้า มิดฟิลด์ดาวรุ่งจาก สตุ๊ตการ์ท เข้ามา รวมไปถึงยืมอัลเบิร์ต แซมบี้ โลก็องก้า จากอาร์เซน่อลด้วย ปัญหาใหญ่คือจะไม่มี วีลฟรีด ซาฮา แนวรุกคนสำคัญที่ต้องพักอย่างน้อย 6 สัปดาห์ รวมไปถึง โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น นอกนั้นพร้อมลงเล่น นำโดย ชีค อูมาร์ ดูคูเร่, เจฟฟรีย์ ชลุปป์, ไมเคิ่ล โอลิเซ่, เอเบเรซี่ เอเซ่, จอร์แดน อายิว และอ็อดซอนด์ เอดูอาร์

อีกคู่เวลาเดียวกัน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือน“หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน เป็นการโคจรมาเจอกันอีกครั้งในรอบสองสัปดาห์หลังจากที่เคยเตะกันสองนัดในศึกเอฟเอ คัพ

เจ้าบ้านภายใต้การคุมทีมของ ฆูเลน โลเปเตกี ผลงานถือว่าดีขึ้น แต่ยังรั้งอยู่แถวโซนท้ายตารางพวกเขาไม่ได้เสริมทีมในช่วงโค้งสุดท้าย เกมนี้ยังหมดสิทธิ์ใช้งานเปโดร เนโต้, ซาซ่า ดาลัดจ์ซิซ และบูบาการ์คราโอเร่ ที่บาดเจ็บ ที่เหลือถือว่าไม่มีปัญหาอะไรมาในระบบ 4-2-3-1นำโดย รูเบน เนเวส, มาเตอุสนูเนส, อดาม่า ตราโอเร่,ปาโบล ซาราเบีย, ควาง ฮี-ชาน และราอูล ฆิเมเนซ

ฝั่งผู้มาเยือน “หงส์แดง” รั้งอันดับ 9 ของตาราง ตกรอบบอลถ้วยเอฟเอ คัพ ไปแล้ว หลังพ่ายให้กับ ไบรท์ตัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่เสริมใครเพิ่มเกมนี้ยังเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บเล่นงาน อาทิ อาร์ตูร์ เมโล่,หลุยส์ ดิอาซ, ดีโอโก้ โชต้า, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค และอิบราฮิม่า โกนาเต้ ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กลับมาซ้อมแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ คาดว่าระบบการเล่นยังใช้ 4-3-3 เหมือนเดิม วาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุมแดนกลางร่วมกับฟาบินโญ่ และธีอาโก้ อัลคันทาร่า แนวรุกมี โมฮาเหม็ดซาลาห์, ดาร์วินนูนเญซ และโคดี้ กัคโป

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล ไม่แพ้เลย ชนะได้ 4 และเสมอ 1