ฟุตบอลมีความสวยงามและโหดร้ายอยู่ในตัวของมันเอง

นัดสุดท้ายของฤดูกาลจบลงไปแบบสุดระทึกในการหนีตกชั้นที่ต้องการอีกถึง 2 จาก 3 ทีม ดิ้นรนเพื่อให้คงสถานะในการเป็นทีมในลีกสูงสุดต่อไปในซีซั่นหน้า

สุดท้ายแล้ว เอฟเวอร์ตัน กำชัยเหนือ บอร์นมัธ ได้สมใจนึก 1-0 จากประตูทองในต้นครึ่งหลังของ อับดุลลาย ดูกูเร่ และส่งให้เลสเตอร์ ซิตี้ กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่ต้องสนใจว่าอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา เพราะยังไงก็ต้องตกชั้นตาม เซาแธมป์ตัน

การตกชั้นของทั้ง 3 ทีม ถือว่าย่ำแย่ เพราะจำใจต้องคืนหุ้นพรีเมียร์ลีก และการันตีว่าเงินรายได้หายไปแน่นอน 120 ล้านปอนด์ตามแนวทางที่มีไว้ให้ได้ไล่ล่า เนื่องจากคู่แข่งเปลี่ยนไปทั้งเยือนทั้งเหย้า และค่าถ่ายทอดสดเปลี่ยนแปลงตาม “ระบบลีก”
ที่หล่นมาอยู่ในระดับดิวิชั่น 2

หากเราย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน ชัยชนะดุจเทพนิยายของ“จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการประกาศศักดาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จเป็นสมัยแรก เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2016 ในฐานะแชมป์สุดกู่ด้วยอัตราต่อรองก่อนเปิดซีซั่นถึง 5000-1

ยังคงถูกพูดถึงอยู่เสมอ

ริยาด มาห์เรซ กลายเป็นนักเตะแอฟริกา และแอลจีเรีย คนแรกที่ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ บวกกับนักเตะโนเนม หรือรวมดาวกระจุย ที่ไม่มีใครต้องการ แต่สุดท้ายพวกเขาทำสำเร็จ ทั้งที่เพิ่งขึ้นชั้นจากลีกล่างได้แค่ 2 ซีซั่น

จ้างโค้ชที่ดูเหมือนว่า “หมดสภาพ” ไปแล้วอย่าง “ยอดมนุษย์ทิงเคอร์แมน” เคลาดิโอ รานิเอรี่ มาทำงานกลับดีอย่างเกินความคาดหมาย

ที่สุดแล้ว เลสเตอร์ กลายเป็นทีมต้องมาตกชั้นอย่างเจ็บปวดที่สุด ทั้งที่มีนักบอลดีๆ อยู่มากมายแทบจะทุกตำแหน่ง มีเต็มทุกขุมกำลัง แต่แล้วพวกเขากลับเอาตัวรอดไม่ได้

ไทม์ไลน์ของ เลสเตอร์ น่าสนใจเป็นอย่างมาก หากเรานับเวลา 1 ทศวรรษ นับจากการที่มีการไปเทคโอเวอร์ของตระกูล “รักศรีอักษร” ก่อนจะเป็น “ศรีวัฒนประภา” จากวันประกาศการเป็นเจ้าของ 30 พฤศจิกายน 2010 กระทั่งครอบครองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด 10 กุมภาพันธ์ 2011

มีตำนานเกิดขึ้นกับทีมนี้อย่างมากมาย

l ครองแชมป์เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในซีซั่น 2013-14 ด้วยการคุมทัพของ ไนเจล เพียร์สัน ด้วยสถิติลงเล่น 46 นัด ชนะ 31 เสมอ 9 แพ้ 6 กวาดไปถึง 102 คะแนน ตีตั๋วขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก

l เอาตัวรอดจากการตกชั้นได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อ 9 นัดสุดท้ายของซีซั่น ชนะได้ถึง 7 นัด และแพ้แค่เกมเดียวเท่านั้น

l เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อปลด ไนเจล เพียร์สัน ออกจากตำแหน่ง หลังจากเกิดเหตุฉาวในกลุ่มนักบอลช่วงเดินทางมาเมืองไทย และทีมไปตั้ง เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือจอมพเนจรจากอิตาลี มาทำงาน

l ถูกฟันธงว่าโอกาสเป็นแชมป์แทบจะเป็นศูนย์ เป็นเต็ง 20 จากทั้งหมด 20 ทีม และมีอัตราต่อรองสุดกู่ถึง 5000-1

l เจมี่ วาร์ดี้ ทำสถิติใหม่ให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษ ด้วยการยิงในลีกติดต่อกัน 11 เกม ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ปี
ยังเตะอยู่นอกลีก

l ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จแบบพลิกล็อกถล่มทลาย และทั้งซีซั่นแพ้แค่ 3 นัดเท่านั้น จากการเตะ 38 นัด ชนะได้ถึง 23 เกม

l ลงเล่นคอมมิวนิตี้ชิลด์ ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2

l ประเดิมสนามในฐานะแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก ในซีซั่น 2016-17 ด้วยการบุกไปแพ้ ฮัลล์ ซิตี้ 1-2

l ลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีม ด้วยการชนะ คลับ บรูช ที่เบลเยียม 3-0

l ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกไปจากทีม แล้วตั้ง เคร็ก เช็คสเปียร์ เข้ามาคุมทัพ เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2017 หลังจากแพ้
เซบีญ่า 1-2 นัดแรก รอบ 8 ทีมยูซีแอล

l เข้าตลาดนักเตะซีซั่น 2017-18 ด้วยการใช้เงินไปมากเกือบๆ 100 ล้านปอนด์

l ปลด เคร็ก เช็คสเปียร์ แล้วตั้ง โคล้ด ปูแอล เข้ามารับงานแทนเมื่อ 25 ตุลาคม 2017

l สูญเสีย คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา จากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ใกล้ๆ สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2018

l แต่งตั้ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามารับงานแทน โคล้ด ปูแอล เมื่อ 26 กุมภาพันธุ์ 2019

l ซีซั่น 2019-20 จบอันดับ 5 และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลลีกคัพ

l ครองแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ทีม ด้วยการชนะ เชลซี 1-0 และจบอันดับที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก สองปี
ติดต่อกัน

l ประเดิมฤดูกาล 2021-22 ด้วยการคว้าโล่คอมมิวนิตี้ชิลด์ หลังจากเชือด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 จากจุดโทษนาทีที่ 89
ของ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่

l ตกรอบแบ่งกลุ่มยูโรป้าลีกแต่สามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า คอนเฟเรนซ์ ลีก ก่อนจะพ่ายให้กับ โรม่าจากอิตาลี ชวดชิงชนะเลิศ

l เปิดซีซั่น 2022-23 ด้วยประเด็นที่ว่า ทีมขาดทุนสะสมมากกว่า 90 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะแถลงการณ์ว่าใช้หนี้ทั้งหมด
เมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา

l ปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ออกจากตำแหน่งเมื่อ 2 เมษายน 2023 หลังจากทำทีมผลงานดิ่งเหว และตั้ง ดีน สมิธ เข้ามาทำงานแทนด้วยสัญญาจนถึงปิดซีซั่นนี้

l ตกชั้นในวันสุดท้ายของฤดูกาล แม้จะชนะ เวสต์แฮม 2-1 แต่คะแนนไม่พอต่อการอยู่รอด

เลสเตอร์ เป็นทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุคพรีเมียร์ลีกที่เคยได้แชมป์แล้วตกชั้น โดยทีมแรกคือ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่ได้แชมป์ปี 1995 แต่ตกชั้นปี 1999

นี่คือไทม์ไลน์ที่เหลือเชื่อกับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกที่โหดหินที่สุดในโลกเมื่อปี 2016 และแชมป์น็อกเอาท์เอฟเอ คัพ ครั้งประวัติศาสตร์ กระทั่งวันนี้ “ซินเดอเรลล่า” หมดเวลาลงแล้ว

จากที่เคยได้ไปลุยถึงบอลใหญ่สุดของทวีปอย่าง “แชมเปี้ยนส์ลีก”

ซีซั่นหน้าพวกเขาต้องเริ่มต้นในศึก “เดอะ แชมเปี้ยนชิพ” แทนซะฉิบ!!!!!!!!!!!

บี แหลมสิงห์