ว่ากันว่า แดงเดือดคุณภาพต่ำสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา จริงหรือไม่ มันเกิดจากอะไร ฟอร์ม, วิธีการ,วิธีคิด ส่งผ่านเส้นสมมติแห่งความคาดหวัง หรืออะไรอื่นๆ
เราสามารถมองได้หลายทาง สถิติต่างๆ หายไป
สถิติต่างๆ เกิดขึ้นต่อ อาทิ สองกองหน้าอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ “เป้าหมาย”ในการโจมตีมาโดยตลอดตั้งแต่ย้ายมาทั้งแฟนบอลฝั่งเดียวและตรงกันข้ามอีกคนคือ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ก็ยังลุน(ภาษาใต้ รุน แปลว่า เข็น) ยังไงก็ไม่ขึ้น
ทั้งสองคนก็ยังไม่พ้นเงาเส้นทางจากอ่างศิลา
ตั้งแต่ลงสำรองมาถอง 2 ประตูกับ นิวคาสเซิ่ล ปรากฏว่า นูนเญซ ยิงได้แค่ 2 จาก 13 เกม และยิงใครไม่ได้ 10 เกมติด แต่ก็มีสภาพไม่ได้ต่างอะไรหรือไม่กับ ฮอยลุนด์ เพราะยังคลำเป้าใครไม่เจอตั้งแต่ย้ายมาเลย
แต่ ฮอยลุนด์ ได้รับคำปลอบประโลมจากแฟนบอลทีมตัวเองมากกว่าเสียงก่นด่าพาเสีย
โม ซาลาห์ ยุติการยิงและจ่ายไว้ที่ 16 เกมติด,ลิเวอร์พูล สะดุดนัดแรกทุกรายการในบ้านตัวเอง และเป็นแดงเดือดแรกในรอบ 7 เกม ที่จบลงแบบไม่มีสกอร์
แมนยูฯ หยุดเลือดตัวเองเอาไว้ได้ หลังจากแพ้คาบ้านมาสองเกมติดๆ และตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีก
พวกเขาแก้ได้โดย 3 จุดใหญ่
1.การป้องกันที่เพิ่มนักบอลในพื้นที่แบบ +1 คนอยู่ตลอดเวลา, 2.รูปแบบการเล่นสามเหลี่ยมของคล็อปป์ ไม่เกิดผลในพื้นที่สุดท้าย และ 3.บอลคล็อปป์
ที่เคยมาจากทางกว้างจ่ายเข้าแนวทะแยงไม่ค่อยมี
ฟากฝั่ง ลิเวอร์พูล ขึ้นจ่าฝูงได้วีคเดียวก็กลับลงมาอีกครั้ง เพราะ อาร์เซน่อล ชนะ ไบรท์ตัน 2-0 และการได้ 2 คะแนนจากสองทีมเมืองแมนเชสเตอร์ ที่ความรู้สึกต่างกัน นั่นคือไปเสมอ แมนฯซิตี้ 1-1 แต่กลับเสมอ ยูไนเต็ด 0-0
1 แต้มที่เท่ากันกับการได้รับ แต่เป็น 1 แต้ม ที่ไม่เท่ากันด้านความรู้สึกแม้แต่น้อย
นั่นก็เพราะ ก่อนแข่งแดงเดือด มีแต่ “แรงบวก” มีแต่ “พลังด้านบวก” ทั้งนั้น
1.ความคาดหวังที่มาจากสกอร์เมื่อซีซั่นก่อน, 2.การขึ้นเป็นจ่าฝูงทั้งที่อยู่ในซีซั่นที่ซ่อมแซม และ3.ลืมไปว่า “อดีต” คู่นี้เป็นอย่างไร
ลืมประมาณตนจนติดประมาท อันนี้ไม่ใช่เรื่องในสนาม แต่นี่เป็นเรื่องของ “แฟนบอลบางคน ชุมชนบางกลุ่ม”
อย่าลืมว่าเตะกันมาร้อยปีเพิ่งเกิด 7-0 ในยุคของเราท่าน น่าตกใจที่บางคนคิดว่าจะเป็นอย่างนั้นอีก
บัญญัติไตรยางค์แบบนี้เกิดจากมุมไหนแต่ครอบงำได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และน่าตกใจยิ่ง บวกกับไม่รู้ว่า “จะฟาดฟัน” อะไรกันนักหนา หรือว่า “จะล้อกันหาพระแสงด้ามง้าวยาวอะไร” จนมีคำถามที่ว่า คุณดูฟุตบอลไว้เพื่อ “สิ่งใด” กันแน่?!?!???!?!??
ฟากฝั่ง แมนยูฯ ปีนี้มาเมอร์ซี่ย์ไซด์ ได้ถึง 4 คะแนนจาก 2 นัด ทั้งการชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-0 และเสมอที่แอนฟิลด์ 0-0 ในรูปเกมตัวเองที่ออกแนวเพลียๆ ทั้งสองนัด แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเลิศคือ ไม่แพ้
ไม่แปลกที่แฟนบอลผีแดงจะดีใจกับผลครั้งนี้ เพราะนี่คือ “เป้าหมาย” ของพวกเขา ในการชำระบาปที่ติดหัวใจแหลกเละ จนเป็นใครก็รับไม่ได้
1.ผลจากการแข่งขันปีก่อน, 2.สภาพทีมก่อนลงสนาม และ 3.ผลการแข่งขันของทีมในช่วงนี้
แต่ด้วย “สภาพ” และ “ฟอร์ม” ที่เกิดขึ้นมันสะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่างที่แฟนบอลสามารถดีใจ และพึงใจได้ แต่มิควรกางปีกทะยานจนเกินงาม
เนื่องจากเน้นย้ำนำเรียนกับคำว่า “สภาพ” ทำให้ควรอยู่ในขอบเขตของ 1 คะแนนที่ทะร่อทะแร่อย่างมาก
ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่า ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ดีกว่า เนื่องจากตัวเลข ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงเข้าประตู 34 ครั้ง และครองบอล 69% เพียงแต่ “ความ ยืดหยุ่น” ในวิธีการ และไม่มีการยอมจำนนอย่างน่าละอายในฤดูกาลที่แล้ว มันเป็นแรงบวกที่ทำให้พวกเขามีคะแนนกลับบ้าน
ยูไนเต็ด เตะแบบประกาศชัดเจนโดยไม่ต้องพูดว่า พวกเขามาเพื่อหยัดยืนเพื่อเอาแต้มกลับบ้านผลเสมอคือเพียงพอ แถมยังมีโอกาสที่ชัดเจนในครึ่งหลัง
เอริค เทน ฮาก และทีมของเขา เสียประตูง่ายได้ประตูยาก ในหลายนัดผ่านมา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องถูกต้องที่จะยอมรับว่า พวกเขาควรจะต่อสู้กันอย่างไรในช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บางทีเราเห็นว่า การต้องใช้นักบอลที่เล่นตามแผน อาจจะดีกว่า ซูเปอร์สตาร์ ในบางขณะ หรือในบางเกม นัดนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ลิเวอร์พูล กับ แมนฯยูไนเต็ดมีแรงกดดันสำคัญจาก “นิ้วของมนุษย์” ซึ่งคนเราส่วนหนึ่งในปัจจุบัน มักจะใช้ “ด้านดำ” ในการคอมเมนท์ตามที่ต่างๆ ทั้งที่จริงๆ แล้ว เป็นคนที่ไม่มีอะไร ไม่มีพิษภัยกับใคร แต่มักจะเป็นพิษทางโซเชียล
เพราะโซเชียลให้พิษกับบุคคลเหล่านี้
เพราะโลกนี้ยังมีคนที่ไม่เข้าใจโลกของฟุตบอลเยอะมาก มากจนน่ากลัว ยิ่งคนที่ไม่รู้อะไรเลย“มาทำสื่อ” (แบบไม่ใช่สื่อ) ยิ่งน่ากลัว
คนไม่รู้มาทำ โดยที่คนไม่รู้กว่าสนับสนุนลองนึกภาพตามดูครับ...
สุดท้ายโลกของฟุตบอลที่เราจะต้องเห็นทั้งที่ไม่เคยได้ตามส่วนตรงนี้ หรือสนใจมันเลย กลับกลายเป็นเริ่มไม่สนุก เพราะมีแต่คนทำให้ “เกลียดกัน” และ “แบ่งฝ่าย” อย่างชัดเจน ทำให้นักบอล และกุนซือ กลายเป็นเหยื่ออันโอชะ
เราได้เห็นในเกมแล้วว่า ลิเวอร์พูล ไม่เคยขาดความพยายาม และมีความพยายามในการเล่น แต่สิ่งที่ขาดไปจาก 16 เกมก่อนหน้านี้คือ 1.ความนิ่ง และ 2.ประสิทธิภาพ ทำให้ทีมของ เทน ฮาก ฝ่าพายุลูกนี้ไปได้
ไม่รู้ว่าเป็นคำปลอบใจ หรือเข้าใจชีวิต แต่เจอร์เก้น คล็อปป์ ชอบวิธีการเล่นในนัดนี้ มากกว่านัดชนะ 7เมล็ดเมื่อปีก่อนด้วยซ้ำ เพียงแต่มันยิงไม่ได้จริงๆ ไม่รู้จะทำยังไง
แต่ที่แน่ๆ มันเป็นโอกาสที่พลาดไปสำหรับลิเวอร์พูล และเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้กับ อาร์เซน่อล ก่อนจะพบกันที่แอนฟิลด์ในสัปดาห์หน้า
สำหรับ ยูไนเต็ด มันเป็นจุดสำคัญที่พวกเขาควรจะได้รับ ในความมุ่งมั่น ตั้งลำ ตั้งใจ ทำอะไรทุกอย่างได้ตามแผนที่พึงมา และอย่างที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กล่าวไว้ว่า อย่างน้อย เทน ฮาก ก็หวังว่าจะมีการวางโครงสร้างสำเร็จรูปในแต่ละนัดไว้ใช้งานบ้าง
อันนี้ก็จริง เพราะไม่ใช่เล่นแต่แผนเดิมๆ โดยลืมนึกถึงคุณภาพของนักบอล, คุณภาพของตัวเอง และไม่รู้จักประเมินสถานการณ์
นี่เป็นนัดที่ เทน ฮาก ให้ทีมเล่นแบบ “รู้จักชีวิต” และ “เข้าใจตัวเอง” อย่างแท้จริง
ฝั่งหนึ่งก็อย่าฟูมฟายจนน่าสมเพช อีกฝั่งก็อย่าผยองเดชจนเกินงาม
ย้ำกันหลายทีแล้วกับคำว่า เข้าใจฟุตบอล เข้าใจชีวิต ซึ่ง เทน ฮาก ยอมลดทิฐิบางอย่างเป็นลบ“แผลเป็น” นี้ออกไปบ้างโดยไม่ต้องทาฮีรููดอยด์
ที่สำคัญ ผลของการแข่งขันนัดนี้ มันคือสิ่งที่ตอกย้ำซ้ำทวนว่า ทุกคนต้องรู้จัก “ตัวตน” และต้องรู้สึก “บทเรียนในอดีต” เพื่ออยู่กับ “ปัจจุบัน” และเพื่อวางเป้าหมายกับ “อนาคต”
“แดงเดือด” กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ไม่เคยง่าย และมักจะมีอะไรให้พูดถึงอยู่เสมอๆ
ใครจะไปคิดว่า นักบอลอย่าง จอห์น โอเช จะยิงประตูชัยที่แอนฟิลด์ หรือ เวส บราวน์ จะเอาหลังโหม่งจนได้ประตู
หรือในช่วงที่แห้งแล้งของ ลิเวอร์พูล จะไปชนะถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ถึงสองปีติดจาก แดนนี่ เมอร์ฟี่ย์มันก็เคยมีมาทั้งนั้น
มีคนแปลกๆ โผล่มาจากมุมมืดอยู่เรื่อยๆ
เพียงแต่ทุกเหตุผลที่มันหมุนรอบตัว แน่นอนว่ามันนัวจนทำให้ “คิดได้” และ “คิดใหญ่” จน “ลืมคิด” ไป
บางขณะอย่าลืมย้ำไปยาลใหญ่ อย่าให้ AI กำหนดชะตา
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี