องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ Amnesty International เรียกร้องให้ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ใช้ “มาตรฐานสิทธิมนุษยชนสูงสุด” ในการประเมินการยื่นข้อเสนอทั้งหมดสำหรับการขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2030
การเรียกร้องเกิดขึ้นหลังจากการสำรวจความคิดเห็นครั้งใหม่ พบว่าคนส่วนใหญ่ที่ทำแบบสำรวจเชื่อว่าสิทธิมนุษยชนควรเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาการประมูลที่ชนะสำหรับงานกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
มีคนเกือบ 17,500 คน จาก 15 ประเทศเข้าร่วมในแบบสำรวจออนไลน์ของ YouGov โดยขอให้พวกเขาเลือกจากรายการ 10 ปัจจัยที่พวกเขารู้สึกว่าควรเป็น “ข้อควรพิจารณาหลัก” เมื่อเลือกเจ้าภาพการแข่งขันระดับนานาชาติ รวมถึง การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก(FIFA World Cup) และมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ หรือ โอลิมปิกเกมส์(Olympics)
ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 53 เปอร์เซ็นต์เลือก“สิทธิมนุษยชน, สิทธิของแรงงาน, เสรีภาพสื่อ และการไม่เลือกปฏิบัติ” ซึ่งเป็นข้อพิจารณาสูงสุดใน 7 ประเทศจากการสำรวจ และสูงสุดในสวิตเซอร์แลนด์ที่ ฟีฟ่า ปักหลักอยู่
การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2030 คาดว่าจะได้รับการตัดสินในการประชุมฟีฟ่าคองเกรสในปีหน้าซึ่งมีหลายประเทศ พร้อมเข้าร่วม
สตีฟ ค็อกเบิร์น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนในเรื่องที่ประชาชนต้องการให้สิทธิมนุษยชนมีความสำคัญสูงสุด เพื่อให้ฟุตบอลโลกเป็นการเฉลิมฉลองการแข่งขันที่พวกเขารัก และไม่เคยเป็นเวทีสำหรับการแสวงประโยชน์ การกดขี่ หรือการเลือกปฏิบัติ นี่คือความยุติธรรมที่องค์การนิรโทษกรรมสากลต้องการ
“ฟีฟ่าต้องใช้มาตรฐานสิทธิมนุษยชนขั้นสูงสุดอย่างเข้มงวดในการประเมินการเสนอราคาทั้งหมดเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เรียกร้องแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนที่ชัดเจน และปฏิเสธการเสนอราคาใดๆ ที่ไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างน่าเชื่อถือว่าจะมีการป้องกันความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ตรวจสอบและแก้ไขอย่างเป็นอิสระ หากการล่วงละเมิดเกิดขึ้น”
ฟีฟ่า ได้นำหลักเกณฑ์ด้านสิทธิมนุษยชนมาใช้เป็นครั้งแรกในการรับข้อเสนอการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2026โดยมีการยื่นขอร่วมกันจากสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งได้รับชัยชนะในบั้นปลาย โดย ฟีฟ่า ถูกตั้งคำถามมากมายในยุคของ เซปป์ แบล็ตเตอร์ นั่นก็คือ การโต้เถียงกันเกี่ยวกับกระบวนการตัดสินเลือกเจ้าภาพในปี 2018 และ 2022 ที่มอบให้กับรัสเซียและกาตาร์ รับงานไปตามลำดับ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ฟีฟ่า เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับ “กาตาร์ 2022” รวมถึงจดหมายที่ส่งถึงทีมก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว กระตุ้นให้พวกเขา “โฟกัสไปที่ฟุตบอล” ทั้งนี้มีรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า แรงงานข้ามชาติเกือบ 80 คน พูดถึงการละเมิดสิทธิแรงงานที่พวกเขาต้องทนระหว่างเหตุการณ์ใช้ชีวิตอยู่ในกาตาร์
รายงานที่เผยแพร่โดย Business and Human Rights Resource Centre คนงานพูดถึงแนวทางการจัดหางานแบบแสวงประโยชน์ สภาพความเป็นอยู่ และสภาพการทำงานของพวกเขาในช่วงระหว่างการแข่งขัน
คนงานทั้งหมด 78 คนถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งรวมถึง 20 คนที่่ถูกจ้างโดยผู้รับเหมางานฟุตบอลโลก 2022 อย่างเป็นทางการของกาตาร์ และมี 17 คนทำงานในสนามกีฬา และสถานที่อื่นๆ จากการรับจ้างอย่างเป็นทางการของฟีฟ่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี