สเปน และ โปรตุเกส 2 ชาติยักษ์ใหญ่ จากยุโรปจับมือเป็นพันธมิตรเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ในปี 2030

โดยทั้ง สเปน และ โปรตุเกส นั้นเพิ่งลงสนามดวลกันในเกม เนชั่นส์ ลีก เสมอกัน 0-0 ที่กรุงลิสบอน ประเทศ โปรตุเกส ก่อนจะมีการประกาศเรื่องนี้ออกมาจาก สมาคมฟุตบอลสเปน “มีบางสิ่งที่สร้างความหวัง และความคาดหวังได้มากขึ้นว่าเราจะมีโอกาสเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกและเราไม่สามารถนึกถึงเพื่อนชาติไหนที่ดีไปกว่าโปรตุเกสได้ เราจึงไปจับมือกับสมาคฟุตบอลโปรตุเกส การตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นก้าวย่างสำคัญของสองสมาคม แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของสองประเทศด้วย” หลุยส์ รูเบียเลส ประธานสมาคมฟุตบอลสเปน กล่าวกับ รอยเตอร์ สื่อดังระดับโลก

ทั้งนี้ กระบวนการสรรหาเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 ของสหพันธ์ลูกหนังนานาชาติ (ฟีฟา) จะเริ่มขึ้นในปี 2022 และจะประกาศผลตัดสินในปี 2024 ซึ่งเวลานี้นอกจาก สเปน กับ โปรตุเกสแล้ว ก็ยังมี 4 ชาติของอเมริกาใต้อย่าง อาร์เจนตินา, อุรุกวัย, ชิลีและ ปารากวัย ที่พร้อมจะยื่นบิดเช่นกัน รวมไปถึงสหราชอาณาจักร ที่จะจับมือกับ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ปิดท้ายที่ บัลแกเรีย, เซอร์เบีย, กรีซและ โรมาเนีย ที่พร้อมจับมือยื่นบิดเป็นเจ้าภาพด้วย

ทางด้าน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ขยับแซงหน้า มิเชล พลาตินี่ ขึ้นมารั้งอันดับ 2 นักเตะยิงประตูมากสุดในประวัติศาสตร์ที่ 41 ประตู เป็นรองเพียง เธียร์รี่ อองรี เพียงคนเดียวเท่านั้น

โดยกองหน้าตัวเก๋าของเชลซี เพิ่งลงสนามให้กับทีมชาติฝรั่งเศส เกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์นัดเปิดสนาม สต๊าด เดอ ฟรองซ์ เอาชนะ ยูเครนไปแบบขาดรอย 7-1 ซึ่งเจ้าตัวสามารถทำได้ 2 ประตู ในแมทช์ดังกล่าวด้วย ซึ่งจากผลงานในครั้งนี้ของหัวหอกวัย 34 ปี ส่งผลให้เขาขยับแซงหน้าสุดยอดตำนานแข้ง มิเชล พลาตินี่ขึ้นมารั้งอันดับ 2 ผู้เล่นยิงประตูให้กับทีม“ตราไก่” มากสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวน42 ประตู

ทั้งนี้ ชิรูด์ ตามหลังเจ้าของตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลทีมชาติฝรั่งเศสอย่างเธียร์รี่ อองรี อดีตศูนย์หน้าระดับตำนาน “ปืนใหญ่”อาร์เซนอล ที่ซัดไปทั้งหมด 51 ประตู จากการลงสนาม 123 นัด ระหว่างปี 1997-2010อยู่อีกเพียง 9 ประตูเท่านั้น