การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในค่ำคืนวันเสาร์ที่ 16 กันยายน หลังจากพักเบรกทีมชาติมาหมาดๆ มีลงทำการแข่งขันจาก 7 คู่ แบบเต็มอัตราศึก ซึ่งปรีวิวเกมที่น่าสนใจมีดังนี้
18.30 น. “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน จะเปิดถิ่นโมลีนิวซ์ กราวนด์ต้อนรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่นภายใต้การคุมทีมของ แกรี่โอนีล ลงเล่นไป 4 เกมชนะ 1 แพ้ 3 ในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะต้องเสียแกนหลักสำคัญอย่าง มาเตอุส นูเนส ไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียกได้ว่าว้าวุ่นกันเลยทีเดียว ตามรายงานไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ ใช้แผนเดิมคือ 4-4-1-1 ส่ง มาริโอ เลอมิน่า ลงไปคุมแดนกลางร่วมกับ ชูเอาโกเมส ริมเส้นอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของ เปโดร เนโต้ และปาโบล ซาราเบีย โดย มาเตอุส คุนญ่า เป็นหน้าต่ำคอยสนับสนุนหน้าเป้าอย่าง ฟาบิโอ ซิลวา
ทางฝั่งทีมเยือน “หงส์แดง” กำลังฟอร์มร้อนแรงชนะมา 3 เกมติด ปัญหาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ต้องเจอในเกมนี้คือการหมดสิทธิ์ใช้งาน เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ที่ติดโทษแบนเพิ่มไปอีก 1 เกม จากการประพฤติตัวไม่เหมาะสมใส่ผู้ตัดสิน ที่ต้องรอทดสอบความฟิตคือ ดาร์วิน นูนเญซ, อิบราฮิม่า โกนาเต้ และเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คาดว่า 2 รายหลังไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จัดทัพเหมือนเดิม 4-3-3 โดมินิค โซบอสซ์ไล, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และเคอร์ติส โจนส์ คุมแดนกลาง สามแนวรุก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยืนพื้นกับหลุยส์ ดิอาซ ส่วนหน้าเป้าต้องชั่งใจเลือกระหว่าง โคดี้ กัคโป หรือดีโอโก้ โชต้า สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่าชนะได้ 3 เสมอ 1 และวูล์ฟแฮมป์ตัน ชนะ 1
สกอร์ที่คาด : วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-2 ลิเวอร์พูล
21.00 น. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด-แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เจ้าถิ่น “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เดวิด มอยส์ แม้จะเสีย เดแคลน ไรซ์ แต่ก็เล่นแร่แปรธาตุ ทำให้ทีมออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม 4 เกม ชนะ 3 เสมอ 1 ยังไม่แพ้ใคร เกมนี้รอทดสอบความฟิต โทมัส ซูเซ็ค เพียงรายเดียว ซึ่งไม่น่าจะส่งผลอะไร เพราะคู่มิดฟิลด์ตัวใหม่อย่าง เอ็ดสัน อัลบาเรซ และเจมส์ วอร์ด-พราวส์ กำลังเล่นได้อย่างลงตัว แนวรุกเป็นคนเก่าหน้าเดิม นำโดย จาร์ร็อดโบเว่น, ลูคัส ปาเกต้า, ซาอิด เบนราห์มา และมิคาอิล อันโตนิโอ
ทีมเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำจ่าฝูงในเวลานี้ พวกเขาเป็นทีมเดียวที่ออกสตาร์ทด้วยการคว้าชัยทั้ง 4 เกมรวด ทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพที่บาดเจ็บพักหลายเดือน ส่วน แจ็ค กรีลิช และมาเตโอ โควาซิซต้องทดสอบความฟิต มีโอกาสที่ มาเตอุส นูเนส จะได้ลงประเดิมสนามทันทีเล่นร่วมกับ โรดรี้ ในแดนกลาง แนวรุกมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา เล่นกับ ฮูเลี่ยน อัลบาเรซ และฟิล โฟเด้น โดยมี เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ยืนหน้าเป้า สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด แมนฯซิตี้ ดูดีกว่าพอสมควรชนะได้ 3 เสมอ 1 และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ 1
สกอร์ที่คาด : เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2แมนเชสเตอร์ ซิตี้
21.00 น. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด-ไบรท์ตัน :เจ้าถิ่น บุกพ่าย “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 1-3 ก่อนพักเบรกทีมชาติ แถมยังมีเรื่องให้ปวดหัวกับ อันโทนี่ ไม่โดนกล่าวหาว่าแค่ทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาวคนเดียวเท่านั้น ยังถูกตามเช็คเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศของหญิงอีกรายหลาย ทำให้ตอนนี้อยู่บราซิลเพื่อแก้ต่างไปก่อน พวกเขาลงเล่นไปแล้ว 4 เกม ชนะ 2 แพ้ 2 ทีมของ เอริค เทน ฮาก ยังเจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเพียบ ไล่ตั้งแต่ ไทเรลล์ มาลาเซีย, เมสัน เมาท์, ลุค ชอว์ และราฟาเอล วาราน ส่วน ลิซานโดร มาร์ติเนซ รอทดสอบความฟิตเช่นเดียวกับแข้งใหม่อย่าง โซฟียานอัมราบัต ทำให้ ดีโอโก้ ดาโลท์ ต้องไปประจำการตำแหน่งแบ๊กซ้าย แดนกลางใช้ คริสเตียน เอริคเซ่น เล่นกับคาเซมิโร่ เกมรุกมี อเลฮานโดร การ์นาโช่, บรูโน่ เฟอร์นานเดส และมาร์คัส แรชฟอร์ด ส่วนหน้าเป้าเป็นโอกาสของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ได้สตาร์ทซะที
ฝั่งผู้มาเยือน “นกนางนวล” ไบรท์ตัน ฟอร์มแรงเลยทีเดียวชนะ 3 แพ้ 1 มี 9 คะแนน เกมนี้ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ฮูลิโอ เอ็นซิโซ่ และยาคุบโมเดอร์ ที่บาดเจ็บ ส่วน อีแวน เฟอร์กูสัน ที่ซัดแฮททริกก่อนพักเบรกทีมชาติรอทดสอบความฟิต นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร ยึดระบบการเล่น 4-2-3-1 นำโดย ปาสกาล กรอสส์, บิลลี่ กิลมอร์, โซลลีย์ มาร์ช, อดัม ลัลลาน่า, คาโอรู มิโตมะ และชูเอา เปโดร
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด กลายเป็น ไบรท์ตัน ที่ทำได้ดีกว่าชนะได้ถึง 3 เสมอ 1 และแมนฯยูไนเต็ด ชนะ 1
สกอร์ที่คาด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ไบรท์ตัน
ส่วนคู่อื่นที่ลงเล่นในวันเดียวกันมีดังนี้ 21.00 น.ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์-เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 21.00 น. แอสตันวิลล่า-คริสตัล พาเลซ 21.00 น. ฟูแล่ม - ลูตัน ทาวน์ 23.30 น. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด-เบรนท์ฟอร์ด