สลับดอกหลอก‘เป๊ป’ ชำแหละ‘1 แต้ม’ใหญ่เบิ้มของ‘หงส์แดง’
สิ่งที่ผมชอบที่สุดในเกมที่ ลิเวอร์พูล “ได้แต้มใหญ่” ด้วยการบุกไปเสมอ แมนฯซิตี้ ถึงรัง ได้สำเร็จ 1-1
มันแสดงให้เห็นชัดเรื่องของ แคเรคเตอร์
หนึ่งข้อที่น่าสนใจครับก็คือแมนฯซิตี้วันนี้ปิดพื้นที่ได้ดีมาก
เราจะสังเกตได้ว่าลิเวอร์พูลไม่สามารถเล่นบอลที่ตัวเองถนัดได้เลย อย่าว่าแต่ดับเบิลพาสต์ แค่พาสต์ยังลำบากเลย
สูตรการเล่นแบ็คแนบใน เพิ่มประสิทธิภาพ แต่บางอย่างจะถูกลดประสิทธิผล
ปัญหาคือถ้าเจอทีมที่มีผู้เล่นคุณภาพสูงกว่า และผ่านการสังเคราะห์มา
มันจะเป็นแบบนี้จริงๆ
-------------------------------
เห็นอะไรจากเกม คงต้องว่าด้วยสถิติกันก่อน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสียสถิติชนะรวด 23 นัดในถิ่นตัวเอง
แมนฯซิตี้ ชวดทาบสถิติสูงสุดชนะรวด 24 เกม โดยเจ้าของสถิติหนึ่งเดียวยังเป็น ซันเดอร์แลนด์ เมื่อ 131 ปีที่แล้ว เมื่อถูกลิเวอร์พูลบุกมาแย่งแต้ม 1-1
-------------------------------------
ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ถึง 10 จาก 11 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ที่พวกเขาต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ก่อนด้วยการชนะ 4 เสมอ 6
"ไอ้บู" เออร์ลิง ฮาลันด์ ทำสถิติพังประตูถึง 50 ประตูเร็วสุดในพรีเมียร์ลีก
+ 48 นัด- เออร์ลิง ฮาลันด์
+ 65 นัด - แอนดี้ โคล
+ 66 นัด- อลัน เชียเรอร์
+ 68 นัด- รุด ฟาน นิสเตลรอย
+ 72 นัด- เฟร์นานโด ตอร์เรส และโมฮาเหม็ด ซาลาห์
เป็นการยิงลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกได้เป็นเม็ดแรกด้วย
-------------------------------------
เป๊ป ยังคงเก่งกาจและใช้ความอำมหิตตรงที่รู้ว่า ลิเวอร์พูล เล่นแบ๊กขวาแนบใน จึงเลือก นาธาน อาเก้ ที่คล่องแคล่วกว่า ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ลงสนาม
สุดท้ายทำได้อย่างคิดคือ ได้กดทางขวาของคู่แข่ง ปิดพื้นที่ โม ซาลาห์ ในเกมบุก และกดพื้นที่ให้ เทรนท์ พะวงกับเกมรับ
เทรนท์ จึงหุบเข้ากลางน้อยลง
แต่มันทำให้การช่วงชิงพื้นที่หายไป ซึ่งเกมแบบนี้ คือเกมแห่งการชิงพื้นที่ และปิดพื้นที่ในตัว
ไม่แปลกที่เกมในลักษณะนี้ เคอร์ติส โจนส์(เมื่อวานเขียนไปแล้วก่อนเกม) จึงถูกส่งลงมา เพื่อเหมาะกับการครองบอล ดึงจังหวะเอาไว้ให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ และสามารถวิ่งสอดซ้อนช่วยเกมรับได้ดีกว่าการจะเลือกสไตล์ไม่ต้องดัดอย่าง ไรอัน กราเฟนแบร์ช ที่ครองบอลกับดึงจังหวะได้บางกว่าโจนส์ และเข้าใจในสถานการณ์เกมรับน้อยกว่า
วิธีการ 2.0 จะช่วยเปิดพื้นที่ให้ โซโบสไล ได้ส่ายไปมา และทำให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้ขยับด้วย
ภาพตัดกลับมาน่าสนใจก็คือทั้ง แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โซโบสไล ไม่สามารถเคลื่อนได้มาก นั่นเพราะความแกร่งและความกรอบ
ความแกร่งของ แมนฯซิตี้ ทั้ง แบร์นาโด้ ทั้ง โรดรี้ ส่วนความกรอบก็คือ สภาพร่างกายของพวกเขาเองที่กรำศึกในการเล่นทีมชาติ บวกกับเกมระดับสูงที่ต่อเนื่องมาก
-------------------------------------
โจนส์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ตามสภาพ ยิ่งเขาเกือบทำเสียง่ายหน้าประตูตัวเอง ด้วยยิ่งไปกันใหญ่ แต่สังเกตุว่า คล็อปป์ ค่อนข้างชอบ และใช้ โจนส์ กับเกมลักษณะที่กลางเป็นรองแบบนี้
ย้อนกลับไปตำแหน่งที่ โจนส์ เกือบจ่ายบอลเสีย ทำไมไปอยู่ตรงนั้น
นั่นหมายว่า วิธีการที่ คล็อปป์ บอกนั่นแหล่ะว่า คุณจะตั้งเกมรับอย่างไร เมื่อคุณเล่นเกมรุกอยู่
นัยยะในความหมายก็คือ มิดฟิลด์ทุกคนต้องสปีดจากอีกฟากไปอีกฝั่งได้ สิ่งไขว้เพื่อไปปิดพื้นที่ หากไม่ไปช่วยกันรองบอล ตำแหน่ง โจนส์ ที่ยืนหูแทบจะติดกับ ดีโอโก้ โชต้า คงไปไม่ถึงฝั่งขวาสุดของ เทรนท์ แน่นอน
สรุปคือการใช้ โจนส์ เพราะเล่นเชิงรับ "ในเกมระดับสูง" ได้ดีกว่า กราเฟนแบร์ช, เอลเลียตต์ และเอ็นโด
-------------------------------------
อย่างไรก็ดี คล็อปป์ สามารถทำในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ความเสี่ยงที่คุ้มค่า ความกล้าที่ต้องลอง
นั่นคือการใช้ โคดี้ กั๊กโป้ ลงเล่นในตำแหน่งที่ "ไม่เคยใช้" นั่นคือ บ็อกซ์ ทูู บ็อกซ์ ขวา และทำให้เกมของ ซิตี้ ที่ถูกวางไว้ว่า "คีย์แบบนี้" หรือ "คีย์จุดนั้น" เกิดสับสนทางเทคนิคทันที
นี่คือแผนที่ชัดเจนว่า ฝ่ายรับไม่คาดคิด
ถามว่ามันเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน มันเสี่ยงมาก แต่มาจากการซ้อม และเป็น "หมากเด็ด" หรือการ "ทิ้งไพ่ใบสำคัญ" จนเป็นหนึ่งในแผนใหม่ที่มาสู่การได้ประตู
-------------------------------------
มันเป็นจังหวะ "ทรานซิชั่น" ครั้งแรกและครั้งเดียวของเกมด้วยซ้ำไปที่ลิเวอร์พูล ได้โอกาสมีพื้นที่มากที่สุด และทำสำเร็จ
จากการแก้ตัวของ อลิสซอน ที่พลาดง่ายมากจากการเสียประตูแรก(เออเร่อสำคัญมาก) เขาเซฟแก้ตัวไปดอกแรกจะ ๆ ด้วยลูกยิงหักข้อแนวฤาษีดัดตนของ ฟิล โฟเด้น ในท้ายครึ่งแรก
จากนั้นเขาเซฟสำคัญจากลูกชาร์ทของ ฮาลันด์ และบอลกระเด้งมาหา แม็คก้า
แล้วมันก็เริ่มจากการออกบอลได้เปรียบไม่แตกตื่นของ แม็ค อัลลิสเตอร์, การพาบอลในสไตล์ของ กราเฟนแบร์ช ต่อด้วย ดิอาซ ข้ามมาสู่ ซาลาห์ แล้ว กั๊กโป้ วิ่งหลอก เปิดทางให้ ซาลาห์ ไหลคืนให้กับ เทรนท์ ที่สปีดตามมาซัดไม่เหลือซาก
แน่นอนว่า ย่อมเป็นคนที่ "ยิงใส่ข้อ" เป็นเท่านั้นจึงทำได้
บวกกับการที่ เป๊ป เองไม่เลือกที่จะเปลี่ยนตัว หลายจังหวะนักบอลซิตี้เอง อาจจะเหมือนไม่หมด แต่จะสปีดได้ไม่เต็มเหมือนเดิม
-------------------------------------
จบเกมคือแต้มใหญ่มาก ส่วน เป๊ป กับ ดาร์วิน มีปากเสียงอะไรกันนั้นก็อีกเรื่องที่เหมือนมา "มีซีน"
แต่ซีนสำคัญคือ การปะทะกันของสองกุนซือระดับมันสมองที่ความสนุกมันอยู่ที่รายละเอียดของเกมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการหยิบจับคัดเลือกนักบอล การวาดแผนการเล่นจากหน้ากระดาษสู่ของจริง และการแก้เกมชิงไหวพริบ
มีหมดจริง ๆ
ย้ำอีกทีว่านี่คือ แต้มใหญ่ของ ลิเวอร์พูล กับการเสี่ยงที่ได้ผลของ เจเค
1.เลือกใช้ โจนส์
2.ตำแหน่งกั๊กโป้
มันคือแคแรคเตอร์ที่ดี
สำคัญคือ คล็อปป์ เพิ่งจะทำทีมรุ่นใหม่นี้ได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น
ผลเสมอไม่ใช่เป็นผลดีแค่สำหรับลิเวอร์พูล เท่านั้น แต่มันดีสำหรับพรีเมียร์ลีกด้วยเช่นกัน!!!
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี