การมาเยือนแอนฟิลด์ในช่วงหลังของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มักจะมีปัญหาอยู่เสมอ

สองฤดูกาลหลังไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะโดนยิงขาดลอยถึง 11 ลูก

โดยเฉพาะฤดูกาลที่แล้วที่โดนเป็นสถิติถึง7 ประตู โอกาสเกิดขึ้นแบบนั้นอีกคงจะยาก แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของผีแดงจะมีปัญหาเต็มไปหมดก็ตาม

เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมผีแดง ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันหนัก หลังจากตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีก และไม่ได้ไปต่อในยูโรป้า พร้อมกับกลายเป็นเป้าที่ถูกโจมตีจากทุกๆ ด้าน

ประเด็นในเกมนี้คือ เนื่องจากวิธีการเล่นและข้อจำกัดในการจัดทัพปรับแผนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถใช้ผู้เล่นตามถนัดตามตำแหน่งได้ทันทีนั่นก็คือ 4-3-3 ตรงกลางเล่นแบบหงาย ตามที่มีได้ทันที

ที่บอกว่า ตามที่มี นั่นก็เพราะต้องเลือกผู้เล่นแทนที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ซึ่งบุคลิกกับเกมนี้ วาตารึ เอ็นโดะ สมควรจะได้รับการไว้วางใจให้สตาร์ท

แผนแบบนี้จะได้เปรียบ เพราะแมนยูฯก็จะหงายเช่นเดียวกัน และจะเป็นตัวรับสามคนตัวแทบไม่มีตัวบุกเลย

วิธีการแบบนี้จะทำให้มิดฟิลด์ตัวกลางของลิเวอร์พูลไม่ต้องพะวงกับการสกรีนหน้าไลน์ จะช่วยทำให้บทบาทในเชิงรุกมีมากยิ่งขึ้นซึ่งเท่ากับว่าจะเพิ่มตัวเลขเล่นในแนวรุกทันทีอีกหนึ่งคนเพราะการเล่นแบบดันไลน์สูงของเซ็นเตอร์แบ๊ก บวกกับการเข้ามาเล่นดับเบิ้ลซิกซ์ของเทรนท์อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์

วิธีการรับมือของลิเวอร์พูลที่ต้องระวังมากที่สุดมีจุดเดียว นั่นคือจังหวะทรานซิชั่นฟุตบอล ที่คล่องแคล่วว่องไวและความสามารถเฉพาะตัว เนื่องจากระบบทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ลงตัว ก็ต้องเล่นโจมตีคู่แข่งด้วยวิธีนี้

แน่นอนว่ามันคือจังหวะฉาบฉวยและจะขาดความแม่นยำ ดังนั้นจังหวะต้องลงตัวจริงๆ เท่านั้นถึงจะทำได้

นั่นหมายความว่านักฟุตบอลของลิเวอร์พูลจะต้องเล่นหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องกล้าเตะกล้าตัดเกมแต่ถ้าวิ่งประคองอย่างเดียวอันตราย ถ้าเทียบกันในเรื่องความปราดเปรียวแล้วเป็นเรื่องปกติที่ตัวรับจะช้ากว่าตัวรุก

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามากที่สุดจุดหนึ่ง ก็คือ ปีกของยูไนเต็ด

หลายคนโฟกัสจับไปที่ “กองหน้า” ว่า ทำไมถึงยิงประตูกันไม่ค่อยได้ โน่นนั่นนี่

3 แข้งกลายเป็นเป้าวิจารณ์ ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ขี้หวง, อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล เฉื่อย และ ราสมุส ฮอยลุนด์ จืดชืด

อย่าลืมข้อสำคัญก็คือ “ปีก” ที่มีสถิติ 3 แอสซิสต์ใน 60 เกม!!!

กองหน้าที่ไหนก็ยากที่จะทำประตูได้

เกมนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแดงเดือดที่ ลิเวอร์พูล เหนือกว่าแบบน่าประหลาดใจทุกอย่าง ทั้งฟอร์มการเล่น, ตัวผู้เล่นและวิธีการเล่น แต่อย่าลืมว่า 239 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งแมนยูฯ ชนะ 90 เสมอ 68 ลิเวอร์พูล ชนะ 81 มันมีอะไรแปลกๆ แฝงอยู่เสมอกับการปะทะกันของคู่นี้

แลมันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป....ไม่เว้นกระทั่งเกมนี้!!!

บี  แหลมสิงห์